สวัสดีค่ะ ขอแนะนำตัวก่อนเลยชื่อแอ๊นท์นะคะ เป็นผู้โชคดีได้ร่วมสนุกกับทางโรงพยาบาลมาอิน และได้มีสิทธิ์ไปศัลยกรรมถึงเกาหลี ตอนนั้นก็ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เพราะมีคนลงสมัครเยอะมาก สุดท้ายได้โอกาสมาแบบงงๆ ยังไงก็ต้องคว้าไว้ค่ะ แอ๊นท์ได้ทำเพียงแค่ดูดไขมันทั้งตัว แต่หมอใจดีแถมเสริมจมูกกับตัดไขมันกระพุ้งแก้มให้ด้วย
ตอนนั้นแอ๊นท์น้ำหนัก76กิโล ซึ่งหมอบอกว่าควรไปลดน้ำหนักเองก่อนให้เหลือประมาณ64กิโล เพราะการดูดไขมันทำได้เพียงดูดไขมันชั้นนอก แต่ไขมันตามตับไตไส้พุงไม่สามารถดูดได้ จึงต้องไปลดน้ำหนักเองก่อน
เมื่อได้รับเลือกให้เป็นผู้โชคดีก็เอาไปเล่าให้หลายๆคนฟังเลยค่ะทั้งเพื่อนทั้งครอบครัว ก็มีคนถามนะว่าไม่กลัวหรอศัลยกรรมเลยนะ ในชั่วโมงนั้นไม่มีความกลัวเลยค่ะ โอกาสมาแล้วก็ต้องคว้าไว้
เมื่อสองเดือนผ่านไม่คิดว่าตัวเองจะลดน้ำหนักได้ ตอนนั้นน้ำหนักเหลือ63กิโลด้วยซ้ำค่ะ แม้พุงจะลดลงแต่หน้าบานมีทั้งเหนียงที่คอแขนใหญ่ด้วยอย่างอื่นก็ไม่ได้ลงตามอย่างที่ตั้งใจ

รูปก่อนลดน้ำหนัก อันไหนคนอันไหนหมูแทบแยกไม่ออก = =;

รูปก่อนลดน้ำหนักเช่นกัน

รูปตอนน้ำหนักลงแล้วก็ช่วงบนก็ยังดูใหญ่อยู่

ช่วงนี้น้ำหนักประมาณ64 แต่ยังมีเหนียงอยู่นะ
เมื่อถึงวันบินอันนี้จองตั๋วกับจินแอร์นะคะ ไม่ได้จองช่วงโปรราคาก็ไม่ถึงกับถูก

ก่อนขึ้นเครื่องอันนี้เตรียมหมอรองคอไปด้วยเพราะทำจมูกช่วงแรกให้นอนท่าหงายตรงเท่านั้น หาซื้อได้ทั่วไปไม่แพงจ้า

เนื่องจากเคยไปเกาหลีมาก่อนเลยเดินทางเข้าเมืองเป็น นั่งบัสที่สนามบินลงป้ายอับกูจองเลยจ้า

พอถึงจุดนัดพบพี่ล่ามที่ดูแลเรามารับและพาไปที่พักเลยจ้า
ล่ามบอกข้อห้ามก่อนศัลยกรรม ให้หยุดวิตามินมาและยาต่างๆก่อน ทางที่ดีสักอาทิตย์นึง งดอาหารและน้ำหลังสี่ทุ่มเป็นต้นไป
พอวันที่สองเป็นวันที่นัดพบและนัดคุยกับหมอและเป็นวันที่ศัลยกรรมเลย วันนี้ทำแค่ดูดไขมันทั้งตัวกับตัดไขมันข้างแก้ม และดูดไขมันที่เหนียง

หน้าตาก่อนให้หมอดู

หลังจากหมอดีไซน์หน้าให้และอธิบายว่าต้องทำอะไรบ้าง

มีการเซ็นสัญญาข้อตกลงต่างๆยินยอมเรียบร้อย
ไม่สามารถถ่ายตอนผ่าตัดได้ ตอนแรกก็ไปถอดเสื้อผ้าหมดเลยใส่ได้ชุดคลุมกับกางเกงในกระดาษที่โรงพยาบาลจัดไว้ให้ ให้หมอดีไซน์ขีดตามร่างกายว่าต้องดูดไขมันตรงไหน เสร็จก็ไปนั่งรอหมอก่อนผ่าตัด ตอนเข้าห้องผ่าตัดก็เริ่มกังวลเพราะเป็นการผ่าตัดใหญ่ครั้งแรกในชีวิต ไม่เคยแม้แต่ให้น้ำเกลือมาก่อน ตื่นเต้นมาก แอบกังวลนิดหน่อย พอเข้าห้องผ่าตัด เขาพาเราไปยืนบนผ้าปูสะอาดๆและฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อให้ทั่วทั้งตัวเรา เสร็จก็ไปนอนบนเตียงผ่าตัดก่อนจะเจาะเลือดที่ข้อเท้าเอาไปตรวจ และค่อยเจาะข้อมือเพื่อให้น้ำเกลือก่อนจะฉีดยาสลบเข้าเส้น คือกลัวอย่างเดียวกลัวตัวเองไม่หลับ ระหว่างนั้นพยาบาลก็เอายามาหยอดที่ตาเรา อันนี้เราไม่รู้หรอกยาอะไรก่อนจะปิดตาเรา และเราก็หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้
ตื่นมาอีกทีหมอดูดไขมันทั้งด้านหลังเราเสร็จเรียบร้อย และโดนจับพลิกตัวก่อนจะโดนยาสลบรอบสองกลับไปอีกครั้ง กว่าจะรู้สึกตัวพยาบาลก็ปลุกเราติดเทปตามตัวและให้ใส่ชุดคลุมไปนอนที่ห้องพักฟื้น

ตอนลืมตาตื่น วินาทีนั้นรู้สึกเลยว่า "กูหลับไปตอนไหนวะ"
555+

สภาพหลังผ่าตัด
เขาบอกว่าเราฟื้นตัวเร็วมาก เพราะบางคนขอนอนพักยาวๆเลย ส่วนเรานี่ลุกเดินเองได้ทันทีไม่มีอาการมึนใดๆเกิดขึ้น ส่วนตามร่างกายก็มีระบมๆนิดหน่อย เหมือนคนปวดกล้ามเนื้อ แต่ตอนนั้นก็รู้สึกตึงไปหมดทั้งตัว เพราะตัวบวมด้วยแหละ อาจจะเพราะก่อนหน้านี้เราเป็นคนออกกำลังกายบ่อยด้วยมั้งเลยฟื้นตัวเร็ว
เมื่อผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยก็ใส่ชุดที่โรงพยาบาลจัดไว้ให้เป็นชุดรัดถ้าไม่ใส่ผิวเราจะไม่กระชับและเหี่ยวย้อย ช่วงแรกต้องใส่ไว้ทุกวันตลอดเวลา
วันแรกที่ใส่ชุดรัดเป็นอะไรที่ทรมาณมากกกก เพราะตัวบวมชุดคับมากใส่ยากสุดๆ
โรงพยาบาลให้ใบสั่งยามาให้ โรงพยาบาลที่เกาหลีไม่สามารถจ่ายยาให้เราได้ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม เราต้องเอาใบสั่งยาไปซื้อที่ร้านขายยาเองค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ร้านขายยาแถวนั้นเพียบจ้า

หน้าตาของยาก็จะเป็นเซ็ตมาให้แบบนี้เลย แล้วมันจะเป็นแผงๆเป็นหลายๆชุด เขาจะเขียน1 2 3 ให้เรากินตามวันเช้าเย็นที่เขาบอกและมีน้ำยาบ้วนปากมาให้ด้วยพยายามบ้วนบ่อยๆ
ตอนกลางคืนก็หิวมากทั้งน้ำทั้งอะไรกินได้แค่โจ๊กอาหารอ่อนๆเท่านั้น พอนอนหลับไปสักพักเพราะยังเมายาสลบอยู่ตื่นมาอ้วกออกมาหมดเลย เสียดายหิวก็หิว ห้ามกินอะไรต่อด้วยเพราะอีกวันต้องผ่าตัดเสริมจมูก
พอวันที่สามมาโรงพยาบาลอีกครั้งมาผ่าตัดเสริมจมูก
มาคุยกับหมออีกครั้งตกลงเลือกทรงจมูก พื้นเดิมเราเป็นคนฐานจมูกกว้าง ไม่ค่อยมีดั้งเท่าไหร่ พูดตรงๆคือบุญเก่าไม่ค่อยมี555+

มีทรงให้เลือกมากมาย
เรารีเควสหมอว่าไม่อยากได้โด่งจนเกินไปเพราะอยากได้เป็นธรรมชาติ เอาจริงๆก็กลัวโป๊ะ เห็นคนไทยทำส่วนใหญ่โด่งเกิน เราชอบให้จมูกดูเรียวสวยพอแบบเกาหลีๆนิดๆ
สรุปคือหมอจะทำให้จมูกเรายาวขึ้น และปลายเชิดนิดหน่อย ทำให้ฐานจมูกดูเล็กลงโดยที่ไม่ต้องตัดปีก ดั้งโด่งกำลังดี หมอใช้ทั้งกระดูกซี่โครงและกระดูกหลังหูกับซิลิโคลนมาเสริมจมูกให้เรา เขาบอกว่าถ้าใช้ทั้งกระดูกซี่โครงและกระดูกหลังหูจะยิ่งควบคุมได้ดี ถ้าสวยก็โอเคค่ะเชื่อหมอ
เข้าห้องผ่าตัดรอบสองกังวลอีกครั้ง

ตื่นมาอีกทีที่ห้องพักฟื้นกับคำถามที่ว่า "หลับไปตอนไหน" อีกแล้ว 55
ที่โรงพยาบาลนี้ทุกเคสจะเป็นการวางยาสลบนะ แต่เราสบายใจกับยาสลบมากกว่า เรากลัวใช้ยาชาแล้วมันไม่ชาอะ หลับไปตื่นอีกทีสวยเลยแบบนี้โอเคกว่าเยอะ
รอบนี้ไม่เมายาสลบแล้วนะ วันแรกที่ทำจมูกต้องนอนแบบหายใจทางปาก คือลำบากมากนอนไปซักพักปากแห้ง ต้องตื่นมาจิบน้ำตลอดเวลา ห้ามจามห้ามมีน้ำมูกด้วย
พอวันต่อมาที่โรงพยาบาลนัดไปทำแผล เอาที่อุดจมูกออกได้ตอนนั้นดีใจมากหายใจทางจมูกได้แล้ว

หน้าตาตอนเอาที่อุดจมูกออก
หลังจากนั้นคิดว่าเราจะนอนพักอยู่กับห้องหรอ ไม่เลยออกไปเที่ยวเลยจ้าไปช็อปปิ้งไปหาขอกินแต่ก็กินยากหน่อยเพราะมันตึงๆจมูก แถมอาหารเกาหลีมีแต่อาหารเค็มเผ็ดหมักดองซึ่งหลังผ่าตัดห้ามกินเลย เลยกินนั่นนี่ยากหน่อย แต่กินขนมเบาๆได้

วันต่อมายังไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมากนัก
ช่วงแรกๆยังไม่ได้ตัดไหมห้ามแผลโดนน้ำเลย กลายเป็นว่าห้ามอาบน้ำนั่นแหละ โชคดีช่วงที่ไปอากาศหนาวตัวเลยไม่สกปรกมาก

วันที่6แล้วผมเน่ามาก เลยแวะสาระผมแถวโรงพยาบาลซะหน่อยชื่อร้านJuno Hair เขาพยายามสระไม่โดนแผลนะ
ก่อนกลับก็แวะไปที่โรงยาบาลทำแผลและทำเลเซอร์ลดบวมด้วย ตัดไหมที่ดูดไขมันออก เอาผ้าปิดแผลบางส่วนออก

เหนียงไม่มีแล้วจ้าาา
เนื่องจากต้องกลับไทยก่อนไหมจากการเสริมจมูกเลยต้องไปตัดที่ไทย

ภาพตอนขากลับจ้า
หลังจากกลับไทยมาพออีกวันนึงก็ไปตัดไหมจากการเสริมจมูกเลย

วิวัฒนาการความบวม

ภาพก่อนทำกับหลังตัดไหมได้หนึ่งวันจ้ะ
วันที่สองจากการตัดไหม
หลังทำจมูกมา16วัน
หลังทำจมูก22วัน ไปลองตัดผมเปลี่ยนลุคมาด้วย

หุ่นหลังดูดไขมัน20กว่าวัน สัดส่วนเข้าที่แล้วพุงเล็กลงมาก ที่เห็นได้ชัดเลยคือต้นขาเล็กมากกกกกกกก
จมูกหลังครบ1เดือนจ้า
ทั้งหมดรู้สึกดีใจมากจมูกเป็นอย่างที่หวังไว้ไม่โด่งจนเกินไปดูเป็นธรรมชาติมากๆ ถ้าคนไม่รู้จักกันมาก่อนไม่รู้เลยว่าเราไปทำจมูกมา
จบการรีวิวศัลยกรรมครั้งแรกไปเท่านี้ก่อนนะคะบ๊ายบายยย
[SR] ศัลยกรรมครั้งแรกที่เกาหลี กับโรงพยาบาลมาอิน
ตอนนั้นแอ๊นท์น้ำหนัก76กิโล ซึ่งหมอบอกว่าควรไปลดน้ำหนักเองก่อนให้เหลือประมาณ64กิโล เพราะการดูดไขมันทำได้เพียงดูดไขมันชั้นนอก แต่ไขมันตามตับไตไส้พุงไม่สามารถดูดได้ จึงต้องไปลดน้ำหนักเองก่อน
เมื่อได้รับเลือกให้เป็นผู้โชคดีก็เอาไปเล่าให้หลายๆคนฟังเลยค่ะทั้งเพื่อนทั้งครอบครัว ก็มีคนถามนะว่าไม่กลัวหรอศัลยกรรมเลยนะ ในชั่วโมงนั้นไม่มีความกลัวเลยค่ะ โอกาสมาแล้วก็ต้องคว้าไว้
เมื่อสองเดือนผ่านไม่คิดว่าตัวเองจะลดน้ำหนักได้ ตอนนั้นน้ำหนักเหลือ63กิโลด้วยซ้ำค่ะ แม้พุงจะลดลงแต่หน้าบานมีทั้งเหนียงที่คอแขนใหญ่ด้วยอย่างอื่นก็ไม่ได้ลงตามอย่างที่ตั้งใจ
เมื่อถึงวันบินอันนี้จองตั๋วกับจินแอร์นะคะ ไม่ได้จองช่วงโปรราคาก็ไม่ถึงกับถูก
ล่ามบอกข้อห้ามก่อนศัลยกรรม ให้หยุดวิตามินมาและยาต่างๆก่อน ทางที่ดีสักอาทิตย์นึง งดอาหารและน้ำหลังสี่ทุ่มเป็นต้นไป
พอวันที่สองเป็นวันที่นัดพบและนัดคุยกับหมอและเป็นวันที่ศัลยกรรมเลย วันนี้ทำแค่ดูดไขมันทั้งตัวกับตัดไขมันข้างแก้ม และดูดไขมันที่เหนียง
ไม่สามารถถ่ายตอนผ่าตัดได้ ตอนแรกก็ไปถอดเสื้อผ้าหมดเลยใส่ได้ชุดคลุมกับกางเกงในกระดาษที่โรงพยาบาลจัดไว้ให้ ให้หมอดีไซน์ขีดตามร่างกายว่าต้องดูดไขมันตรงไหน เสร็จก็ไปนั่งรอหมอก่อนผ่าตัด ตอนเข้าห้องผ่าตัดก็เริ่มกังวลเพราะเป็นการผ่าตัดใหญ่ครั้งแรกในชีวิต ไม่เคยแม้แต่ให้น้ำเกลือมาก่อน ตื่นเต้นมาก แอบกังวลนิดหน่อย พอเข้าห้องผ่าตัด เขาพาเราไปยืนบนผ้าปูสะอาดๆและฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อให้ทั่วทั้งตัวเรา เสร็จก็ไปนอนบนเตียงผ่าตัดก่อนจะเจาะเลือดที่ข้อเท้าเอาไปตรวจ และค่อยเจาะข้อมือเพื่อให้น้ำเกลือก่อนจะฉีดยาสลบเข้าเส้น คือกลัวอย่างเดียวกลัวตัวเองไม่หลับ ระหว่างนั้นพยาบาลก็เอายามาหยอดที่ตาเรา อันนี้เราไม่รู้หรอกยาอะไรก่อนจะปิดตาเรา และเราก็หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้
ตื่นมาอีกทีหมอดูดไขมันทั้งด้านหลังเราเสร็จเรียบร้อย และโดนจับพลิกตัวก่อนจะโดนยาสลบรอบสองกลับไปอีกครั้ง กว่าจะรู้สึกตัวพยาบาลก็ปลุกเราติดเทปตามตัวและให้ใส่ชุดคลุมไปนอนที่ห้องพักฟื้น
555+
เขาบอกว่าเราฟื้นตัวเร็วมาก เพราะบางคนขอนอนพักยาวๆเลย ส่วนเรานี่ลุกเดินเองได้ทันทีไม่มีอาการมึนใดๆเกิดขึ้น ส่วนตามร่างกายก็มีระบมๆนิดหน่อย เหมือนคนปวดกล้ามเนื้อ แต่ตอนนั้นก็รู้สึกตึงไปหมดทั้งตัว เพราะตัวบวมด้วยแหละ อาจจะเพราะก่อนหน้านี้เราเป็นคนออกกำลังกายบ่อยด้วยมั้งเลยฟื้นตัวเร็ว
เมื่อผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยก็ใส่ชุดที่โรงพยาบาลจัดไว้ให้เป็นชุดรัดถ้าไม่ใส่ผิวเราจะไม่กระชับและเหี่ยวย้อย ช่วงแรกต้องใส่ไว้ทุกวันตลอดเวลา
วันแรกที่ใส่ชุดรัดเป็นอะไรที่ทรมาณมากกกก เพราะตัวบวมชุดคับมากใส่ยากสุดๆ
โรงพยาบาลให้ใบสั่งยามาให้ โรงพยาบาลที่เกาหลีไม่สามารถจ่ายยาให้เราได้ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม เราต้องเอาใบสั่งยาไปซื้อที่ร้านขายยาเองค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ร้านขายยาแถวนั้นเพียบจ้า
ตอนกลางคืนก็หิวมากทั้งน้ำทั้งอะไรกินได้แค่โจ๊กอาหารอ่อนๆเท่านั้น พอนอนหลับไปสักพักเพราะยังเมายาสลบอยู่ตื่นมาอ้วกออกมาหมดเลย เสียดายหิวก็หิว ห้ามกินอะไรต่อด้วยเพราะอีกวันต้องผ่าตัดเสริมจมูก
พอวันที่สามมาโรงพยาบาลอีกครั้งมาผ่าตัดเสริมจมูก
มาคุยกับหมออีกครั้งตกลงเลือกทรงจมูก พื้นเดิมเราเป็นคนฐานจมูกกว้าง ไม่ค่อยมีดั้งเท่าไหร่ พูดตรงๆคือบุญเก่าไม่ค่อยมี555+
เรารีเควสหมอว่าไม่อยากได้โด่งจนเกินไปเพราะอยากได้เป็นธรรมชาติ เอาจริงๆก็กลัวโป๊ะ เห็นคนไทยทำส่วนใหญ่โด่งเกิน เราชอบให้จมูกดูเรียวสวยพอแบบเกาหลีๆนิดๆ
สรุปคือหมอจะทำให้จมูกเรายาวขึ้น และปลายเชิดนิดหน่อย ทำให้ฐานจมูกดูเล็กลงโดยที่ไม่ต้องตัดปีก ดั้งโด่งกำลังดี หมอใช้ทั้งกระดูกซี่โครงและกระดูกหลังหูกับซิลิโคลนมาเสริมจมูกให้เรา เขาบอกว่าถ้าใช้ทั้งกระดูกซี่โครงและกระดูกหลังหูจะยิ่งควบคุมได้ดี ถ้าสวยก็โอเคค่ะเชื่อหมอ
เข้าห้องผ่าตัดรอบสองกังวลอีกครั้ง
ตื่นมาอีกทีที่ห้องพักฟื้นกับคำถามที่ว่า "หลับไปตอนไหน" อีกแล้ว 55
ที่โรงพยาบาลนี้ทุกเคสจะเป็นการวางยาสลบนะ แต่เราสบายใจกับยาสลบมากกว่า เรากลัวใช้ยาชาแล้วมันไม่ชาอะ หลับไปตื่นอีกทีสวยเลยแบบนี้โอเคกว่าเยอะ
รอบนี้ไม่เมายาสลบแล้วนะ วันแรกที่ทำจมูกต้องนอนแบบหายใจทางปาก คือลำบากมากนอนไปซักพักปากแห้ง ต้องตื่นมาจิบน้ำตลอดเวลา ห้ามจามห้ามมีน้ำมูกด้วย
พอวันต่อมาที่โรงพยาบาลนัดไปทำแผล เอาที่อุดจมูกออกได้ตอนนั้นดีใจมากหายใจทางจมูกได้แล้ว
หลังจากนั้นคิดว่าเราจะนอนพักอยู่กับห้องหรอ ไม่เลยออกไปเที่ยวเลยจ้าไปช็อปปิ้งไปหาขอกินแต่ก็กินยากหน่อยเพราะมันตึงๆจมูก แถมอาหารเกาหลีมีแต่อาหารเค็มเผ็ดหมักดองซึ่งหลังผ่าตัดห้ามกินเลย เลยกินนั่นนี่ยากหน่อย แต่กินขนมเบาๆได้
ช่วงแรกๆยังไม่ได้ตัดไหมห้ามแผลโดนน้ำเลย กลายเป็นว่าห้ามอาบน้ำนั่นแหละ โชคดีช่วงที่ไปอากาศหนาวตัวเลยไม่สกปรกมาก
ก่อนกลับก็แวะไปที่โรงยาบาลทำแผลและทำเลเซอร์ลดบวมด้วย ตัดไหมที่ดูดไขมันออก เอาผ้าปิดแผลบางส่วนออก
เหนียงไม่มีแล้วจ้าาา
เนื่องจากต้องกลับไทยก่อนไหมจากการเสริมจมูกเลยต้องไปตัดที่ไทย
หลังจากกลับไทยมาพออีกวันนึงก็ไปตัดไหมจากการเสริมจมูกเลย
วันที่สองจากการตัดไหม
หลังทำจมูกมา16วัน
หลังทำจมูก22วัน ไปลองตัดผมเปลี่ยนลุคมาด้วย
จมูกหลังครบ1เดือนจ้า
ทั้งหมดรู้สึกดีใจมากจมูกเป็นอย่างที่หวังไว้ไม่โด่งจนเกินไปดูเป็นธรรมชาติมากๆ ถ้าคนไม่รู้จักกันมาก่อนไม่รู้เลยว่าเราไปทำจมูกมา
จบการรีวิวศัลยกรรมครั้งแรกไปเท่านี้ก่อนนะคะบ๊ายบายยย
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น