เรื่องสั้น6

กระทู้คำถาม
เรื่องสั้น อึดอัด

“ที่รัก  อ้าปากนะ   อั้มมมมม”  อัฐกำลังป้อนเค้กให้วันแฟนสาว  วันอ้าปากกว้างจนเห็นฝันกรามผุสองซี่ด้านซ้าย  วันงับเค้กด้วยความชื่นมื่น

“แหวะ  ดัดจริตทั้งคู่เลยแก” สุนัยเบะปากกับคู่รักที่หวานกันจนเอียน

ถ้าไม่เป็นเพราะความเป็นเพื่อนที่คบหากันมานาน  อาจเกิดกรณีฆ่าหั่นศพหมกป่าเนื่องจากคำพูดหมาเรียกพี่ของสุนัย  อัฐและวันหัวเราะร่วน  

ฟังคำพูดของเพื่อนเป็นเรื่องตลก



“ ก็ดีกว่าแก ที่นั่งทำหน้าเป็นตูดหมึกกับอีแค่โดนจับคลุมถุงชนแต่งงานกับจันน์แค่เนี้ย”อัฐพูดเนิบๆ พลางป้อนเค้กให้วันต่อ

ด้วยช้อนคันเล็กสีทองเก๋ไก๋ ที่ออกแบบด้ามช้อนเป็นลายพันเกลียวสีเงินสลับกับสีทอง



“งั้มมมม”  วันงับช้อนไม่ยอมปล่อย   อัฐหัวเราะร่วนกับการกระทำของแฟนสาว พูดแหย่ว่า

“คาบไว้ตลอดก็ดีนะที่รัก  คนจะได้รู้ว่าแฟนผมคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด”ทั้งคู่สบสายตาส่งประกายปิ๊งๆใส่กัน



“เฮ้ยยย!!!”  สุนัยจับหน้าอัฐดึงเข้าประชิดตัวในระยะที่ได้กลิ่นปากของกันและกัน    พลางพูดสีหน้าเคร่งเครียด

“นี่มันเรื่องใหญ่  คลุมถุงชนเลยนะ  กับแค่ข้ออ้างที่พ่อกับแม่ของบ้านเรากับจันทน์สนิทกันมากกกกกจนอยากให้ลูกดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน

โดยไม่ถามความสมัครใจลูกสักคำ บอกตรงๆน้อยใจว่ะ  อีกอย่างจันทน์กับฉันก็ไม่ได้รักกัน

และไม่มีวันรักกันได้!!!” สุนัยพูดเสียงหนักแน่น อัฐซึ่งถูกล็อคหน้าอยู่ เลยต้องจำใจฟังคำพูดของสุนัยกับของแถม

คือละอองฝอยน้ำลายของเพื่อนที่พ่นใส่หน้าอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้



วันดึงช้อนออกจากปาก ทำท่าใช้ความคิด  แล้วทวนคำพูดสุนัย

“แกใช้คำว่าไม่มีวันเลยเหรอวะ  จันทน์มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร สิบปีที่พวกเราเป็นเพื่อนกันมา ฉันไม่เคยเห็นแกสองคนทะเลาะกันสักครั้ง”



วันเดินไปจับหัวจันทน์  แล้วยีผมไปมาจนหัวยุ่งเหมือนคนบ้าเพิ่งหลุดจากโรงพยาบาล

“นั่นแกทำอะไร”  สุขมวดคิ้วถามวัน  เพราะไม่เข้าใจการกระทำของเพื่อน

“นวดคลายเครียดให้จันทน์  ดูสิมันเครียดจนนิ่งไปเลย  นี่ถ้าคลำชีพจรไม่เจอนะ  ว่าจะเรียกปอเต๊กตึ๊งแล้ว”

จันทน์ไม่พูดอะไร  นอกจากอมยิ้มน้อยๆตามสไตล์สาวเรียบร้อย ลูกคุณหนูที่อยู่ในกฎระเบียบของพ่อแม่ตลอดเวลา

อัฐมองหน้าจันทน์แล้วถามว่า “จันทน์ล่ะ  คิดยังไงกับการที่ถูกพ่อแม่จับคลุมถุงชน”

“ฉัน....ยังไงก็ได้”   จันทน์ตอบเสียงเบา ก้มหน้างุด   ไม่รู้ว่าอายหรือกดดันกันแน่



“สรุปก็มีแต่ไอ้สุเท่านั้นที่เป็นเดือดเป็นร้อนไม่อยากถูกจับแต่งงาน”  วันลงความเห็น



“เฮ้อออ...ถึงพวกเราจะเป็นเพื่อนกันมานาน   แต่แกเข้าใจไหมการแต่งงานโดยที่คนสองคนไม่มีความรักต่อกัน

ยังไงก็ไปไม่รอดหรอก ฉันไม่อยากจบชีวิตคู่ด้วยการหย่าร้าง ถ้าแต่งก็อยากจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่จนเฒ่า

ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร...เคลียร์นะ”  สุนัยพูดจบก็ถอนหายใจดังเฮือกด้วยคิดไม่ตกกับหนทางแก้ปัญหา



วงเพื่อนสี่คนที่นั่งล้อมจับกลุ่มคุยกันอยู่นิ่งเงียบไปหลายนาที  ทุกคนต่างตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง



“นึกออกแล้ว”วันยืดอกยกมือขึ้น

“ฉันมีแผนเด็ด บอกก่อนนะเฟ้ยความน่าจะเป็นที่แผนจะสำเร็จสูงถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ความเสี่ยงที่สองบ้านจะบาดหมาง

ไม่มองหน้ากันตลอดชาติมีถึงล้านเปอร์เซ็นต์”  วันพยักหน้าหงึกหงักด้วยความมั่นใจในการประเมินของตน



“ว่าแผนแกมาเลย”สุนัยขยับตัว ไขว่ห้าง กอดอกยืดขึ้นด้วยท่าทีกระตือรือร้นตั้งใจฟังอย่างเต็มที่

“คืองี้...แกเคยได้ยินคำว่าแปลงวิกฤติให้เป็นโอกาสใช่ไหม”

“ต่อ...”  สุนัยพยักหน้าหงึกหงักรับคำว่าเคยได้ยิน

“ในเมื่อพ่อแม่สองครอบครัวอยากให้พวกแกแต่งงานกันนัก...ถ้าหาก...พวกแกชิงหนีตามกันไปก่อน

สัก...หนึ่งอาทิตย์  โดยทิ้งแค่จม.บอกว่าอยากศึกษากันและกันก่อนแต่ง

จากนั้นพวกแกก็กลับมาในสภาพสะบักสะบอม ยับเยินไปทั้งตัวด้วยแผลขีดข่วน รอยฟกช้ำ

ตรงใบหน้าและเบ้าตา   แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมันทำตัวนิ่งๆไม่พูดอะไร

นั่งเหม่อลอยน้ำตาซึม  พ่อแม่ถามอะไรก็ไม่ตอบเอาแต่ร้องไห้...แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่พ่อแม่ของ

ทั้งสองบ้านจะคลางแคลงใจว่าลูกของอีกฝ่ายทำอะไรกับลูกตนจึงมีสภาพเป็นศพเคลื่อนที่เยี่ยงนี้

อีกวันถัดมา แกทั้งสองก็เอาพวงมาลัยไปกราบขอโทษพ่อแม่ของตน แล้วทำหน้าเศร้าพูดว่า

เราไปกันไม่ได้จริงๆค่ะ   รับรองพ่อแม่พวกแกทนรับสภาพลูกไม่ไหว  เป็นต้องใจอ่อนยกเลิกแผน

คลุมถุงชนไปโดยปริยาย  แต่หลังจากนั้นสองบ้านจะมองหน้ากันติดหรือไม่  ฉันไม่เกี่ยว

และไม่ขอรับรู้ใดๆด้วย   ฉันแค่..ทำหน้าที่เพื่อนของพวกแกให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง”วันลอยหน้าลอยตาพูด



“ชั่วมากกกกกกกกกกกกกกกกกก”สุนัยพูดช้าๆ  ย้ำเสียงหนักๆ

“แต่โคตรเจ๋งอ่ะ...วันแกนี่มันสุดยอดแกจริงๆไม่เสียแรงที่วันนี้ฉันเซ่นไหว้แกด้วยเค้กส้มสองปอนด์

น้ำตาลและไขมันทำให้สมองแกปราดเปรื่องขั้นเทพ   ฉันขอให้แกมีความสุขกับการกินเค้กไปตลอดชีวิต

แต่ไม่ด่วนตายเสียก่อนด้วยโรคเบาหวาน  ความดันสูง  เส้นเลือดในสมองแตก  เพื่อนวันจงเจริญ!!!”

สุนัยชูมือขึ้นทำท่าสรรเสริญ จากนั้นตามมาด้วยท่าเยสสส พอใจในทางแก้ปัญหาที่เพื่อนเสนอมาสุดๆ

ส่วนวันได้แต่พึมพำว่า  “นี่มันชมหรือด่ากันแน่วะ”



มีเพียงจันทน์เท่านั้นที่ทำสีหน้ายุ่งยากใจมองเพื่อนๆแล้วพูดเสียงเบาว่า

“จะดีเหรอ...หลอกพ่อแม่บาปนะ” สุนัยหันไปทางจันทน์แล้วพูดว่า

“ไม่บาปหรอก ไม่เรียกว่าหลอกด้วย  เป็นเพียงกลยุทธ์ที่ทำให้บรรลุเป้าหมาย  พ่อแม่จะได้ไม่ตัดสินใจผิด

ซึ่งมันจะส่งผลเสียต่อเราทั้งคู่ไปตลอดชีวิต”สุนัยอธิบายให้จันทน์ฟังอย่างยืดยาว



“ยัง...แผนยังไม่จบ”  วันพูดพลางยกมือขึ้นชิงตัดบทการสนทนาของสุนัยและจันทน์



“พวกแกสองคนต้องหนีตามกันไปพักที่คอนโดของอัฐตรงหัวหิน  ให้กล้องคอนโดจับภาพชัดๆ

เลยนะว่าพวกแกสองคนควงคู่กันมาแบบอินเลิฟสุดๆ   แล้วในหนึ่งอาทิตย์นี้อย่าได้โผล่หัว

ออกมาจากห้องล่ะ...ตุนของกินไว้เยอะๆ   จากนั้นวันสุดท้ายพวกแกจะใช้วิธีไหนก็ได้จัดการให้

ตัวเองดูสะบักสะบอม หน้าตาปูดบวม  ตามตัวเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ เสื้อผ้ากระจุยหลุดลุ่ย

ตามใบหน้าก็อย่าลืมเติมรอยเล็บข่วนและรอยตบหน้าเอาแบบให้เห็นห้านิ้วเลยนะแก

สุดท้ายก็เดินผ่านกล้องวงจรปิดช้าๆสโลว์โมชั่น   จะดีมากถ้าร้องไห้ไปด้วย  จันทน์เดินออกมาก่อน

แล้วสุค่อยออกมาทีหลัง”วันอธิบายแผนอย่างละเอียด



“ทำไมต้องให้กล้องจับภาพวะ”สุนัยถามด้วยความสงสัย



วันท้าวสะเอวขึ้นเสียงสูง”แล้วแกสองคนคิดว่าพ่อแม่พวกแกโง่นักหรือไง  มีหรือที่เค้าจะเชื่อว่าลูกที่กำลังจะถูกจับ

คลุมถุงชนหนีตามกันไปดื้อๆ  ทิ้งเพียงจดหมายสั่งเสียว่า จะลองหัดอยู่ก่อนแต่งเพื่อศึกษาว่าชีวิตคู่จะไปกันรอดหรือไม่

ท่านอาจจะจ้างนักสืบตรวจสอบเรื่องที่พวกแกบอกนั้นมันเป็นการโกหกหรือเปล่า มีหลักฐานไว้อย่างน้อยก็ช่วยพวกแก

เหนื่อยน้อยลงในการทำให้ท่านเชื่อระดับหนึ่งล่ะ”พูดจบวันก็อ้าปากงับการป้อนเค้กคำโตจากอัฐเคี้ยวแก้มตุ่ย



สองเดือนต่อมา....



งานแต่งงานของสุนัยและจันทน์ถูกจัดขึ้นอย่างอลังการ   ท่ามกลางความชื่นมื่นของทุกคน  ไม่มีใครรู้...ว่าหนึ่งอาทิตย์

ที่แผนหนีตามกันไปของวัน   ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร อย่างไร  แต่ที่แน่ๆตอนนี้บ่าวสาวรักกันจริงๆไม่จัดฉาก

ทั้งคู่ส่งสายตาหวานเชื่อมให้กันตลอดเวลา



บทเวที  พิธีกรกำลังสัมภาษณ์คู่บ่าวสาว “ช่วยเล่าที่มาที่ไปของความรักให้แขกผู้มีเกียรติร่วมยินดีหน่อยได้ไหมคะ”

พิธีกรยื่นไมค์ไปทางสุนัย



สุนัยรับไมค์มา  ส่งยิ้มมีความหมายไปที่เจ้าสาวและเหลือบตามองเพื่อนรักทั้งสองที่นั่งโต๊ะวีไอพีติดขอบเวที

“ต้องขอบคุณที่ฟ้าบันดาลให้เราสี่คน วัน อัฐ สุ  จันทน์ได้มาเป็นเพื่อนรักกัน  ถ้าไม่เพราะแผนพิสดารของเพื่อนผม

ชาตินี้คงไม่มีทางที่วันอัศจรรย์ของผมและจันทน์ได้รักและเข้าใจกันเกิดขึ้นหรอกครับ”

เสียงปรบมือดังกึกก้อง  แม้สุนัยจะไม่ได้พูดอะไรมากแต่แขกเหรื่อก็รู้สึกซาบซึ้งและประทับใจกับความรักของคู่บ่าวสาว



ในขณะที่ทุกคนมัวแต่สนใจกับคู่บ่าวสาวบนเวที  วันซึ่งนั่งติดกันกับคุณพ่อของสุนัยโน้มตัวไปกระซิบใกล้ๆท่านว่า

“เห็นไหมคะคุณพ่อ   วันบอกแล้วแผนเด็ดของวันจะเปลี่ยนใจสุได้  สุไม่มีทางรู้ตัวหรอกค่ะว่าถูกพวกเราต้มเสียสนิท

อ้อ.....แล้วคุณพ่ออย่าลืมเค้กมองบลังก์จากฝรั่งเศสตามที่สัญญากันไว้นะคะ”  วันทวงของรางวัลพลางเลียปากแพล่บๆ



โถ...ให้หนุ่มสาวสองคนไปอยู่ด้วยกันตั้งหนึ่งอาทิตย์โดยไม่ออกจากห้องเลย  ก็เปรียบเหมือนน้ำตาลใกล้มดมีหรือที่มดจะ

อดใจไหว  วันรู้ดีว่าจันทน์แอบชอบสุมานานแล้ว ส่วนสุคงไม่มีทางรู้จักหัวใจตัวเองถ้าไม่ได้เพื่อนคนสวย ตัวกลมๆที่ชื่อวัน

ช่วยหลอก...เอ๊ยช่วยเหลือให้ทั้งคู่เปิดเผยความในใจออกมา     ส่วนหนึ่งอาทิตย์ตามแผนนั้นจะมีอะไรเกิดขึ้นยังไงอย่างไร

แซ่บแค่ไหน...คงไม่เสียมารยาทมากเกินไปถ้าผู้เขียนจะบอกว่า....โปรดติดตามตอนต่อไป  อิอิ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่