เรื่องสั้น อึดอัด
“ที่รัก อ้าปากนะ อั้มมมมม” อัฐกำลังป้อนเค้กให้วันแฟนสาว วันอ้าปากกว้างจนเห็นฝันกรามผุสองซี่ด้านซ้าย วันงับเค้กด้วยความชื่นมื่น
“แหวะ ดัดจริตทั้งคู่เลยแก” สุนัยเบะปากกับคู่รักที่หวานกันจนเอียน
ถ้าไม่เป็นเพราะความเป็นเพื่อนที่คบหากันมานาน อาจเกิดกรณีฆ่าหั่นศพหมกป่าเนื่องจากคำพูดหมาเรียกพี่ของสุนัย อัฐและวันหัวเราะร่วน
ฟังคำพูดของเพื่อนเป็นเรื่องตลก
“ ก็ดีกว่าแก ที่นั่งทำหน้าเป็นตูดหมึกกับอีแค่โดนจับคลุมถุงชนแต่งงานกับจันน์แค่เนี้ย”อัฐพูดเนิบๆ พลางป้อนเค้กให้วันต่อ
ด้วยช้อนคันเล็กสีทองเก๋ไก๋ ที่ออกแบบด้ามช้อนเป็นลายพันเกลียวสีเงินสลับกับสีทอง
“งั้มมมม” วันงับช้อนไม่ยอมปล่อย อัฐหัวเราะร่วนกับการกระทำของแฟนสาว พูดแหย่ว่า
“คาบไว้ตลอดก็ดีนะที่รัก คนจะได้รู้ว่าแฟนผมคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด”ทั้งคู่สบสายตาส่งประกายปิ๊งๆใส่กัน
“เฮ้ยยย!!!” สุนัยจับหน้าอัฐดึงเข้าประชิดตัวในระยะที่ได้กลิ่นปากของกันและกัน พลางพูดสีหน้าเคร่งเครียด
“นี่มันเรื่องใหญ่ คลุมถุงชนเลยนะ กับแค่ข้ออ้างที่พ่อกับแม่ของบ้านเรากับจันทน์สนิทกันมากกกกกจนอยากให้ลูกดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน
โดยไม่ถามความสมัครใจลูกสักคำ บอกตรงๆน้อยใจว่ะ อีกอย่างจันทน์กับฉันก็ไม่ได้รักกัน
และไม่มีวันรักกันได้!!!” สุนัยพูดเสียงหนักแน่น อัฐซึ่งถูกล็อคหน้าอยู่ เลยต้องจำใจฟังคำพูดของสุนัยกับของแถม
คือละอองฝอยน้ำลายของเพื่อนที่พ่นใส่หน้าอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
วันดึงช้อนออกจากปาก ทำท่าใช้ความคิด แล้วทวนคำพูดสุนัย
“แกใช้คำว่าไม่มีวันเลยเหรอวะ จันทน์มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร สิบปีที่พวกเราเป็นเพื่อนกันมา ฉันไม่เคยเห็นแกสองคนทะเลาะกันสักครั้ง”
วันเดินไปจับหัวจันทน์ แล้วยีผมไปมาจนหัวยุ่งเหมือนคนบ้าเพิ่งหลุดจากโรงพยาบาล
“นั่นแกทำอะไร” สุขมวดคิ้วถามวัน เพราะไม่เข้าใจการกระทำของเพื่อน
“นวดคลายเครียดให้จันทน์ ดูสิมันเครียดจนนิ่งไปเลย นี่ถ้าคลำชีพจรไม่เจอนะ ว่าจะเรียกปอเต๊กตึ๊งแล้ว”
จันทน์ไม่พูดอะไร นอกจากอมยิ้มน้อยๆตามสไตล์สาวเรียบร้อย ลูกคุณหนูที่อยู่ในกฎระเบียบของพ่อแม่ตลอดเวลา
อัฐมองหน้าจันทน์แล้วถามว่า “จันทน์ล่ะ คิดยังไงกับการที่ถูกพ่อแม่จับคลุมถุงชน”
“ฉัน....ยังไงก็ได้” จันทน์ตอบเสียงเบา ก้มหน้างุด ไม่รู้ว่าอายหรือกดดันกันแน่
“สรุปก็มีแต่ไอ้สุเท่านั้นที่เป็นเดือดเป็นร้อนไม่อยากถูกจับแต่งงาน” วันลงความเห็น
“เฮ้อออ...ถึงพวกเราจะเป็นเพื่อนกันมานาน แต่แกเข้าใจไหมการแต่งงานโดยที่คนสองคนไม่มีความรักต่อกัน
ยังไงก็ไปไม่รอดหรอก ฉันไม่อยากจบชีวิตคู่ด้วยการหย่าร้าง ถ้าแต่งก็อยากจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่จนเฒ่า
ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร...เคลียร์นะ” สุนัยพูดจบก็ถอนหายใจดังเฮือกด้วยคิดไม่ตกกับหนทางแก้ปัญหา
วงเพื่อนสี่คนที่นั่งล้อมจับกลุ่มคุยกันอยู่นิ่งเงียบไปหลายนาที ทุกคนต่างตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง
“นึกออกแล้ว”วันยืดอกยกมือขึ้น
“ฉันมีแผนเด็ด บอกก่อนนะเฟ้ยความน่าจะเป็นที่แผนจะสำเร็จสูงถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ความเสี่ยงที่สองบ้านจะบาดหมาง
ไม่มองหน้ากันตลอดชาติมีถึงล้านเปอร์เซ็นต์” วันพยักหน้าหงึกหงักด้วยความมั่นใจในการประเมินของตน
“ว่าแผนแกมาเลย”สุนัยขยับตัว ไขว่ห้าง กอดอกยืดขึ้นด้วยท่าทีกระตือรือร้นตั้งใจฟังอย่างเต็มที่
“คืองี้...แกเคยได้ยินคำว่าแปลงวิกฤติให้เป็นโอกาสใช่ไหม”
“ต่อ...” สุนัยพยักหน้าหงึกหงักรับคำว่าเคยได้ยิน
“ในเมื่อพ่อแม่สองครอบครัวอยากให้พวกแกแต่งงานกันนัก...ถ้าหาก...พวกแกชิงหนีตามกันไปก่อน
สัก...หนึ่งอาทิตย์ โดยทิ้งแค่จม.บอกว่าอยากศึกษากันและกันก่อนแต่ง
จากนั้นพวกแกก็กลับมาในสภาพสะบักสะบอม ยับเยินไปทั้งตัวด้วยแผลขีดข่วน รอยฟกช้ำ
ตรงใบหน้าและเบ้าตา แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมันทำตัวนิ่งๆไม่พูดอะไร
นั่งเหม่อลอยน้ำตาซึม พ่อแม่ถามอะไรก็ไม่ตอบเอาแต่ร้องไห้...แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่พ่อแม่ของ
ทั้งสองบ้านจะคลางแคลงใจว่าลูกของอีกฝ่ายทำอะไรกับลูกตนจึงมีสภาพเป็นศพเคลื่อนที่เยี่ยงนี้
อีกวันถัดมา แกทั้งสองก็เอาพวงมาลัยไปกราบขอโทษพ่อแม่ของตน แล้วทำหน้าเศร้าพูดว่า
เราไปกันไม่ได้จริงๆค่ะ รับรองพ่อแม่พวกแกทนรับสภาพลูกไม่ไหว เป็นต้องใจอ่อนยกเลิกแผน
คลุมถุงชนไปโดยปริยาย แต่หลังจากนั้นสองบ้านจะมองหน้ากันติดหรือไม่ ฉันไม่เกี่ยว
และไม่ขอรับรู้ใดๆด้วย ฉันแค่..ทำหน้าที่เพื่อนของพวกแกให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง”วันลอยหน้าลอยตาพูด
“ชั่วมากกกกกกกกกกกกกกกกกก”สุนัยพูดช้าๆ ย้ำเสียงหนักๆ
“แต่โคตรเจ๋งอ่ะ...วันแกนี่มันสุดยอดแกจริงๆไม่เสียแรงที่วันนี้ฉันเซ่นไหว้แกด้วยเค้กส้มสองปอนด์
น้ำตาลและไขมันทำให้สมองแกปราดเปรื่องขั้นเทพ ฉันขอให้แกมีความสุขกับการกินเค้กไปตลอดชีวิต
แต่ไม่ด่วนตายเสียก่อนด้วยโรคเบาหวาน ความดันสูง เส้นเลือดในสมองแตก เพื่อนวันจงเจริญ!!!”
สุนัยชูมือขึ้นทำท่าสรรเสริญ จากนั้นตามมาด้วยท่าเยสสส พอใจในทางแก้ปัญหาที่เพื่อนเสนอมาสุดๆ
ส่วนวันได้แต่พึมพำว่า “นี่มันชมหรือด่ากันแน่วะ”
มีเพียงจันทน์เท่านั้นที่ทำสีหน้ายุ่งยากใจมองเพื่อนๆแล้วพูดเสียงเบาว่า
“จะดีเหรอ...หลอกพ่อแม่บาปนะ” สุนัยหันไปทางจันทน์แล้วพูดว่า
“ไม่บาปหรอก ไม่เรียกว่าหลอกด้วย เป็นเพียงกลยุทธ์ที่ทำให้บรรลุเป้าหมาย พ่อแม่จะได้ไม่ตัดสินใจผิด
ซึ่งมันจะส่งผลเสียต่อเราทั้งคู่ไปตลอดชีวิต”สุนัยอธิบายให้จันทน์ฟังอย่างยืดยาว
“ยัง...แผนยังไม่จบ” วันพูดพลางยกมือขึ้นชิงตัดบทการสนทนาของสุนัยและจันทน์
“พวกแกสองคนต้องหนีตามกันไปพักที่คอนโดของอัฐตรงหัวหิน ให้กล้องคอนโดจับภาพชัดๆ
เลยนะว่าพวกแกสองคนควงคู่กันมาแบบอินเลิฟสุดๆ แล้วในหนึ่งอาทิตย์นี้อย่าได้โผล่หัว
ออกมาจากห้องล่ะ...ตุนของกินไว้เยอะๆ จากนั้นวันสุดท้ายพวกแกจะใช้วิธีไหนก็ได้จัดการให้
ตัวเองดูสะบักสะบอม หน้าตาปูดบวม ตามตัวเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ เสื้อผ้ากระจุยหลุดลุ่ย
ตามใบหน้าก็อย่าลืมเติมรอยเล็บข่วนและรอยตบหน้าเอาแบบให้เห็นห้านิ้วเลยนะแก
สุดท้ายก็เดินผ่านกล้องวงจรปิดช้าๆสโลว์โมชั่น จะดีมากถ้าร้องไห้ไปด้วย จันทน์เดินออกมาก่อน
แล้วสุค่อยออกมาทีหลัง”วันอธิบายแผนอย่างละเอียด
“ทำไมต้องให้กล้องจับภาพวะ”สุนัยถามด้วยความสงสัย
วันท้าวสะเอวขึ้นเสียงสูง”แล้วแกสองคนคิดว่าพ่อแม่พวกแกโง่นักหรือไง มีหรือที่เค้าจะเชื่อว่าลูกที่กำลังจะถูกจับ
คลุมถุงชนหนีตามกันไปดื้อๆ ทิ้งเพียงจดหมายสั่งเสียว่า จะลองหัดอยู่ก่อนแต่งเพื่อศึกษาว่าชีวิตคู่จะไปกันรอดหรือไม่
ท่านอาจจะจ้างนักสืบตรวจสอบเรื่องที่พวกแกบอกนั้นมันเป็นการโกหกหรือเปล่า มีหลักฐานไว้อย่างน้อยก็ช่วยพวกแก
เหนื่อยน้อยลงในการทำให้ท่านเชื่อระดับหนึ่งล่ะ”พูดจบวันก็อ้าปากงับการป้อนเค้กคำโตจากอัฐเคี้ยวแก้มตุ่ย
สองเดือนต่อมา....
งานแต่งงานของสุนัยและจันทน์ถูกจัดขึ้นอย่างอลังการ ท่ามกลางความชื่นมื่นของทุกคน ไม่มีใครรู้...ว่าหนึ่งอาทิตย์
ที่แผนหนีตามกันไปของวัน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร อย่างไร แต่ที่แน่ๆตอนนี้บ่าวสาวรักกันจริงๆไม่จัดฉาก
ทั้งคู่ส่งสายตาหวานเชื่อมให้กันตลอดเวลา
บทเวที พิธีกรกำลังสัมภาษณ์คู่บ่าวสาว “ช่วยเล่าที่มาที่ไปของความรักให้แขกผู้มีเกียรติร่วมยินดีหน่อยได้ไหมคะ”
พิธีกรยื่นไมค์ไปทางสุนัย
สุนัยรับไมค์มา ส่งยิ้มมีความหมายไปที่เจ้าสาวและเหลือบตามองเพื่อนรักทั้งสองที่นั่งโต๊ะวีไอพีติดขอบเวที
“ต้องขอบคุณที่ฟ้าบันดาลให้เราสี่คน วัน อัฐ สุ จันทน์ได้มาเป็นเพื่อนรักกัน ถ้าไม่เพราะแผนพิสดารของเพื่อนผม
ชาตินี้คงไม่มีทางที่วันอัศจรรย์ของผมและจันทน์ได้รักและเข้าใจกันเกิดขึ้นหรอกครับ”
เสียงปรบมือดังกึกก้อง แม้สุนัยจะไม่ได้พูดอะไรมากแต่แขกเหรื่อก็รู้สึกซาบซึ้งและประทับใจกับความรักของคู่บ่าวสาว
ในขณะที่ทุกคนมัวแต่สนใจกับคู่บ่าวสาวบนเวที วันซึ่งนั่งติดกันกับคุณพ่อของสุนัยโน้มตัวไปกระซิบใกล้ๆท่านว่า
“เห็นไหมคะคุณพ่อ วันบอกแล้วแผนเด็ดของวันจะเปลี่ยนใจสุได้ สุไม่มีทางรู้ตัวหรอกค่ะว่าถูกพวกเราต้มเสียสนิท
อ้อ.....แล้วคุณพ่ออย่าลืมเค้กมองบลังก์จากฝรั่งเศสตามที่สัญญากันไว้นะคะ” วันทวงของรางวัลพลางเลียปากแพล่บๆ
โถ...ให้หนุ่มสาวสองคนไปอยู่ด้วยกันตั้งหนึ่งอาทิตย์โดยไม่ออกจากห้องเลย ก็เปรียบเหมือนน้ำตาลใกล้มดมีหรือที่มดจะ
อดใจไหว วันรู้ดีว่าจันทน์แอบชอบสุมานานแล้ว ส่วนสุคงไม่มีทางรู้จักหัวใจตัวเองถ้าไม่ได้เพื่อนคนสวย ตัวกลมๆที่ชื่อวัน
ช่วยหลอก...เอ๊ยช่วยเหลือให้ทั้งคู่เปิดเผยความในใจออกมา ส่วนหนึ่งอาทิตย์ตามแผนนั้นจะมีอะไรเกิดขึ้นยังไงอย่างไร
แซ่บแค่ไหน...คงไม่เสียมารยาทมากเกินไปถ้าผู้เขียนจะบอกว่า....โปรดติดตามตอนต่อไป อิอิ
เรื่องสั้น6
“ที่รัก อ้าปากนะ อั้มมมมม” อัฐกำลังป้อนเค้กให้วันแฟนสาว วันอ้าปากกว้างจนเห็นฝันกรามผุสองซี่ด้านซ้าย วันงับเค้กด้วยความชื่นมื่น
“แหวะ ดัดจริตทั้งคู่เลยแก” สุนัยเบะปากกับคู่รักที่หวานกันจนเอียน
ถ้าไม่เป็นเพราะความเป็นเพื่อนที่คบหากันมานาน อาจเกิดกรณีฆ่าหั่นศพหมกป่าเนื่องจากคำพูดหมาเรียกพี่ของสุนัย อัฐและวันหัวเราะร่วน
ฟังคำพูดของเพื่อนเป็นเรื่องตลก
“ ก็ดีกว่าแก ที่นั่งทำหน้าเป็นตูดหมึกกับอีแค่โดนจับคลุมถุงชนแต่งงานกับจันน์แค่เนี้ย”อัฐพูดเนิบๆ พลางป้อนเค้กให้วันต่อ
ด้วยช้อนคันเล็กสีทองเก๋ไก๋ ที่ออกแบบด้ามช้อนเป็นลายพันเกลียวสีเงินสลับกับสีทอง
“งั้มมมม” วันงับช้อนไม่ยอมปล่อย อัฐหัวเราะร่วนกับการกระทำของแฟนสาว พูดแหย่ว่า
“คาบไว้ตลอดก็ดีนะที่รัก คนจะได้รู้ว่าแฟนผมคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด”ทั้งคู่สบสายตาส่งประกายปิ๊งๆใส่กัน
“เฮ้ยยย!!!” สุนัยจับหน้าอัฐดึงเข้าประชิดตัวในระยะที่ได้กลิ่นปากของกันและกัน พลางพูดสีหน้าเคร่งเครียด
“นี่มันเรื่องใหญ่ คลุมถุงชนเลยนะ กับแค่ข้ออ้างที่พ่อกับแม่ของบ้านเรากับจันทน์สนิทกันมากกกกกจนอยากให้ลูกดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน
โดยไม่ถามความสมัครใจลูกสักคำ บอกตรงๆน้อยใจว่ะ อีกอย่างจันทน์กับฉันก็ไม่ได้รักกัน
และไม่มีวันรักกันได้!!!” สุนัยพูดเสียงหนักแน่น อัฐซึ่งถูกล็อคหน้าอยู่ เลยต้องจำใจฟังคำพูดของสุนัยกับของแถม
คือละอองฝอยน้ำลายของเพื่อนที่พ่นใส่หน้าอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
วันดึงช้อนออกจากปาก ทำท่าใช้ความคิด แล้วทวนคำพูดสุนัย
“แกใช้คำว่าไม่มีวันเลยเหรอวะ จันทน์มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร สิบปีที่พวกเราเป็นเพื่อนกันมา ฉันไม่เคยเห็นแกสองคนทะเลาะกันสักครั้ง”
วันเดินไปจับหัวจันทน์ แล้วยีผมไปมาจนหัวยุ่งเหมือนคนบ้าเพิ่งหลุดจากโรงพยาบาล
“นั่นแกทำอะไร” สุขมวดคิ้วถามวัน เพราะไม่เข้าใจการกระทำของเพื่อน
“นวดคลายเครียดให้จันทน์ ดูสิมันเครียดจนนิ่งไปเลย นี่ถ้าคลำชีพจรไม่เจอนะ ว่าจะเรียกปอเต๊กตึ๊งแล้ว”
จันทน์ไม่พูดอะไร นอกจากอมยิ้มน้อยๆตามสไตล์สาวเรียบร้อย ลูกคุณหนูที่อยู่ในกฎระเบียบของพ่อแม่ตลอดเวลา
อัฐมองหน้าจันทน์แล้วถามว่า “จันทน์ล่ะ คิดยังไงกับการที่ถูกพ่อแม่จับคลุมถุงชน”
“ฉัน....ยังไงก็ได้” จันทน์ตอบเสียงเบา ก้มหน้างุด ไม่รู้ว่าอายหรือกดดันกันแน่
“สรุปก็มีแต่ไอ้สุเท่านั้นที่เป็นเดือดเป็นร้อนไม่อยากถูกจับแต่งงาน” วันลงความเห็น
“เฮ้อออ...ถึงพวกเราจะเป็นเพื่อนกันมานาน แต่แกเข้าใจไหมการแต่งงานโดยที่คนสองคนไม่มีความรักต่อกัน
ยังไงก็ไปไม่รอดหรอก ฉันไม่อยากจบชีวิตคู่ด้วยการหย่าร้าง ถ้าแต่งก็อยากจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่จนเฒ่า
ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร...เคลียร์นะ” สุนัยพูดจบก็ถอนหายใจดังเฮือกด้วยคิดไม่ตกกับหนทางแก้ปัญหา
วงเพื่อนสี่คนที่นั่งล้อมจับกลุ่มคุยกันอยู่นิ่งเงียบไปหลายนาที ทุกคนต่างตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง
“นึกออกแล้ว”วันยืดอกยกมือขึ้น
“ฉันมีแผนเด็ด บอกก่อนนะเฟ้ยความน่าจะเป็นที่แผนจะสำเร็จสูงถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ความเสี่ยงที่สองบ้านจะบาดหมาง
ไม่มองหน้ากันตลอดชาติมีถึงล้านเปอร์เซ็นต์” วันพยักหน้าหงึกหงักด้วยความมั่นใจในการประเมินของตน
“ว่าแผนแกมาเลย”สุนัยขยับตัว ไขว่ห้าง กอดอกยืดขึ้นด้วยท่าทีกระตือรือร้นตั้งใจฟังอย่างเต็มที่
“คืองี้...แกเคยได้ยินคำว่าแปลงวิกฤติให้เป็นโอกาสใช่ไหม”
“ต่อ...” สุนัยพยักหน้าหงึกหงักรับคำว่าเคยได้ยิน
“ในเมื่อพ่อแม่สองครอบครัวอยากให้พวกแกแต่งงานกันนัก...ถ้าหาก...พวกแกชิงหนีตามกันไปก่อน
สัก...หนึ่งอาทิตย์ โดยทิ้งแค่จม.บอกว่าอยากศึกษากันและกันก่อนแต่ง
จากนั้นพวกแกก็กลับมาในสภาพสะบักสะบอม ยับเยินไปทั้งตัวด้วยแผลขีดข่วน รอยฟกช้ำ
ตรงใบหน้าและเบ้าตา แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมันทำตัวนิ่งๆไม่พูดอะไร
นั่งเหม่อลอยน้ำตาซึม พ่อแม่ถามอะไรก็ไม่ตอบเอาแต่ร้องไห้...แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่พ่อแม่ของ
ทั้งสองบ้านจะคลางแคลงใจว่าลูกของอีกฝ่ายทำอะไรกับลูกตนจึงมีสภาพเป็นศพเคลื่อนที่เยี่ยงนี้
อีกวันถัดมา แกทั้งสองก็เอาพวงมาลัยไปกราบขอโทษพ่อแม่ของตน แล้วทำหน้าเศร้าพูดว่า
เราไปกันไม่ได้จริงๆค่ะ รับรองพ่อแม่พวกแกทนรับสภาพลูกไม่ไหว เป็นต้องใจอ่อนยกเลิกแผน
คลุมถุงชนไปโดยปริยาย แต่หลังจากนั้นสองบ้านจะมองหน้ากันติดหรือไม่ ฉันไม่เกี่ยว
และไม่ขอรับรู้ใดๆด้วย ฉันแค่..ทำหน้าที่เพื่อนของพวกแกให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง”วันลอยหน้าลอยตาพูด
“ชั่วมากกกกกกกกกกกกกกกกกก”สุนัยพูดช้าๆ ย้ำเสียงหนักๆ
“แต่โคตรเจ๋งอ่ะ...วันแกนี่มันสุดยอดแกจริงๆไม่เสียแรงที่วันนี้ฉันเซ่นไหว้แกด้วยเค้กส้มสองปอนด์
น้ำตาลและไขมันทำให้สมองแกปราดเปรื่องขั้นเทพ ฉันขอให้แกมีความสุขกับการกินเค้กไปตลอดชีวิต
แต่ไม่ด่วนตายเสียก่อนด้วยโรคเบาหวาน ความดันสูง เส้นเลือดในสมองแตก เพื่อนวันจงเจริญ!!!”
สุนัยชูมือขึ้นทำท่าสรรเสริญ จากนั้นตามมาด้วยท่าเยสสส พอใจในทางแก้ปัญหาที่เพื่อนเสนอมาสุดๆ
ส่วนวันได้แต่พึมพำว่า “นี่มันชมหรือด่ากันแน่วะ”
มีเพียงจันทน์เท่านั้นที่ทำสีหน้ายุ่งยากใจมองเพื่อนๆแล้วพูดเสียงเบาว่า
“จะดีเหรอ...หลอกพ่อแม่บาปนะ” สุนัยหันไปทางจันทน์แล้วพูดว่า
“ไม่บาปหรอก ไม่เรียกว่าหลอกด้วย เป็นเพียงกลยุทธ์ที่ทำให้บรรลุเป้าหมาย พ่อแม่จะได้ไม่ตัดสินใจผิด
ซึ่งมันจะส่งผลเสียต่อเราทั้งคู่ไปตลอดชีวิต”สุนัยอธิบายให้จันทน์ฟังอย่างยืดยาว
“ยัง...แผนยังไม่จบ” วันพูดพลางยกมือขึ้นชิงตัดบทการสนทนาของสุนัยและจันทน์
“พวกแกสองคนต้องหนีตามกันไปพักที่คอนโดของอัฐตรงหัวหิน ให้กล้องคอนโดจับภาพชัดๆ
เลยนะว่าพวกแกสองคนควงคู่กันมาแบบอินเลิฟสุดๆ แล้วในหนึ่งอาทิตย์นี้อย่าได้โผล่หัว
ออกมาจากห้องล่ะ...ตุนของกินไว้เยอะๆ จากนั้นวันสุดท้ายพวกแกจะใช้วิธีไหนก็ได้จัดการให้
ตัวเองดูสะบักสะบอม หน้าตาปูดบวม ตามตัวเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ เสื้อผ้ากระจุยหลุดลุ่ย
ตามใบหน้าก็อย่าลืมเติมรอยเล็บข่วนและรอยตบหน้าเอาแบบให้เห็นห้านิ้วเลยนะแก
สุดท้ายก็เดินผ่านกล้องวงจรปิดช้าๆสโลว์โมชั่น จะดีมากถ้าร้องไห้ไปด้วย จันทน์เดินออกมาก่อน
แล้วสุค่อยออกมาทีหลัง”วันอธิบายแผนอย่างละเอียด
“ทำไมต้องให้กล้องจับภาพวะ”สุนัยถามด้วยความสงสัย
วันท้าวสะเอวขึ้นเสียงสูง”แล้วแกสองคนคิดว่าพ่อแม่พวกแกโง่นักหรือไง มีหรือที่เค้าจะเชื่อว่าลูกที่กำลังจะถูกจับ
คลุมถุงชนหนีตามกันไปดื้อๆ ทิ้งเพียงจดหมายสั่งเสียว่า จะลองหัดอยู่ก่อนแต่งเพื่อศึกษาว่าชีวิตคู่จะไปกันรอดหรือไม่
ท่านอาจจะจ้างนักสืบตรวจสอบเรื่องที่พวกแกบอกนั้นมันเป็นการโกหกหรือเปล่า มีหลักฐานไว้อย่างน้อยก็ช่วยพวกแก
เหนื่อยน้อยลงในการทำให้ท่านเชื่อระดับหนึ่งล่ะ”พูดจบวันก็อ้าปากงับการป้อนเค้กคำโตจากอัฐเคี้ยวแก้มตุ่ย
สองเดือนต่อมา....
งานแต่งงานของสุนัยและจันทน์ถูกจัดขึ้นอย่างอลังการ ท่ามกลางความชื่นมื่นของทุกคน ไม่มีใครรู้...ว่าหนึ่งอาทิตย์
ที่แผนหนีตามกันไปของวัน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร อย่างไร แต่ที่แน่ๆตอนนี้บ่าวสาวรักกันจริงๆไม่จัดฉาก
ทั้งคู่ส่งสายตาหวานเชื่อมให้กันตลอดเวลา
บทเวที พิธีกรกำลังสัมภาษณ์คู่บ่าวสาว “ช่วยเล่าที่มาที่ไปของความรักให้แขกผู้มีเกียรติร่วมยินดีหน่อยได้ไหมคะ”
พิธีกรยื่นไมค์ไปทางสุนัย
สุนัยรับไมค์มา ส่งยิ้มมีความหมายไปที่เจ้าสาวและเหลือบตามองเพื่อนรักทั้งสองที่นั่งโต๊ะวีไอพีติดขอบเวที
“ต้องขอบคุณที่ฟ้าบันดาลให้เราสี่คน วัน อัฐ สุ จันทน์ได้มาเป็นเพื่อนรักกัน ถ้าไม่เพราะแผนพิสดารของเพื่อนผม
ชาตินี้คงไม่มีทางที่วันอัศจรรย์ของผมและจันทน์ได้รักและเข้าใจกันเกิดขึ้นหรอกครับ”
เสียงปรบมือดังกึกก้อง แม้สุนัยจะไม่ได้พูดอะไรมากแต่แขกเหรื่อก็รู้สึกซาบซึ้งและประทับใจกับความรักของคู่บ่าวสาว
ในขณะที่ทุกคนมัวแต่สนใจกับคู่บ่าวสาวบนเวที วันซึ่งนั่งติดกันกับคุณพ่อของสุนัยโน้มตัวไปกระซิบใกล้ๆท่านว่า
“เห็นไหมคะคุณพ่อ วันบอกแล้วแผนเด็ดของวันจะเปลี่ยนใจสุได้ สุไม่มีทางรู้ตัวหรอกค่ะว่าถูกพวกเราต้มเสียสนิท
อ้อ.....แล้วคุณพ่ออย่าลืมเค้กมองบลังก์จากฝรั่งเศสตามที่สัญญากันไว้นะคะ” วันทวงของรางวัลพลางเลียปากแพล่บๆ
โถ...ให้หนุ่มสาวสองคนไปอยู่ด้วยกันตั้งหนึ่งอาทิตย์โดยไม่ออกจากห้องเลย ก็เปรียบเหมือนน้ำตาลใกล้มดมีหรือที่มดจะ
อดใจไหว วันรู้ดีว่าจันทน์แอบชอบสุมานานแล้ว ส่วนสุคงไม่มีทางรู้จักหัวใจตัวเองถ้าไม่ได้เพื่อนคนสวย ตัวกลมๆที่ชื่อวัน
ช่วยหลอก...เอ๊ยช่วยเหลือให้ทั้งคู่เปิดเผยความในใจออกมา ส่วนหนึ่งอาทิตย์ตามแผนนั้นจะมีอะไรเกิดขึ้นยังไงอย่างไร
แซ่บแค่ไหน...คงไม่เสียมารยาทมากเกินไปถ้าผู้เขียนจะบอกว่า....โปรดติดตามตอนต่อไป อิอิ