สวัสดีค่ะ ผู้อ่านทุกท่าน
เนื่องจากเรามีโอกาสเห็น 2 clips บน facebook มีคนแชร์ไว้นะคะ
พอดูแล้วต้องบอกว่าตกใจ ว่าทำไมคนถึงคิดแค่แบบนี้ (แค่สงสัย ไม่ได้ติเตียน เพราะทุกคนมีสิทธิ์ออกความเห็นอะนะคะ)
วันนี้เลยอยากแชร์สิ่งที่เราคิดจากการดูคลิปทั้ง 2 นี้
และสิ่งที่เราอยากให้ผู้ที่อ่านจนจบแสดงความเห็นว่าคุณรู้สึกหรือคิดเห็นอย่างไร
*** ถือว่าเเลกเปลี่ยนความเห็นกันนะคะ ไม่เอา Hate speech นะคะ ขอ creative, logical, practical ค่ะ ขอบคุณค่ะ ***
เอาหล่ะค่ะ
ขอแชร์บางประโยคที่เอามาจาก
คลิปแรกก่อนนะคะ
1) "มันไม่ตอบโจทย์ เสียเวลา", "มันกว้างเกินไป ตื้นเกินไป แต่ไม่ลึกซึ้งซักอย่าง"
เราเห็นว่า........ การเรียนไม่ได้ทำให้เรารู้สึกเสียเวลาเลยค่ะ เราได้เรียนรู้มีวิชาต่างๆและความรู้รอบตัวมาจาก รร เอยะมาก
เราเรียนกว้างจริงๆ เพราะการศึกษาช่วงแรกๆ ก่อนมาถึงปอตรี เค้าต้องสอนให้เรารู้พื้นฐานของทุกวิชาเพื่อเอาไปประกอบการตัดสินใจ
ในอนาคตว่ามหาลัยเราอยากเรียนเจาะด้านไหน แล้วก็เลือกคณะเอา เพราะฉะนั้น ถ้าอยากเรียนลึก
ต้องไปเรียนเอาในมหาลัยนะคะ พอเลือกสาขา ภาควิชาแล้วได้เรียนลึกแน่นอน
2) "การศึกษาไม่เคยบอกให้เราเรียนไปแล้วมีความสุขนะ จัดการความเครียดได้ อันนี้สำคัญกว่าตำราแต่ไม่ถูกสอน"
เราเห็นว่า........
เรียนแล้วมีความสุข ใครจะสอนให้ใครมีความสุขได้ อันนี้เรา งง นะ
เราคิดว่าคนเรามีความสุขมันมาจากใจและความคิดของตัวเราเอง เรื่องจัดการความเครียดเราว่า
มันขึ้นกับการคิดกะแนวคิดของแต่ละคน คนเรารับความเครียดได้มากน้อยต่างกัน
เจอปัญหาแบบเดียวกันก้แก้ต่างกัน ความพอใจแต่ละคนก้ต่างกัน
อีกอย่างการเข้า รร มีการแข่งขัน เราเจอกับความเครียดทุกวัน คนเรามันมีการปรับตัวได้ค่ะ
เพราะการปรับตัวเป็นคุณสมบัติของสิ่งที่สิ่งมีชีวิตพื้นฐาน
สุดท้ายมันจะมี 2 อย่างค่ะ "swim or sink" และเราคิดว่าอันนี้มันเป็นกฎธรรมชาติ Natural selection (Darwin's theory)
ซึ่งอันนี้เราคิดว่า........ไม่มีใครสอนใครได้เรื่องนี้ ธรรมะอาจจะกล่อมจิตใจได้ในส่วนนึง มันไม่น่าใช่เรื่องเปิดวิชาสอนให้มีความสุข
เพราะเรามีกลไกรับมือของมันเองได้กันทุกคน เพียงแต่วิธีการกลไกแต่ละคนต่างกัน
3) "การศึกษาไม่เท่าเทียม คนพยายามเข้า รร ดัง รร ดังอยุ่ไกลบ้าน ตื่นเช้า รถติด คุณภาพชีวิตแย่"
เราเห็นว่า........
การศึกษาที่ไหนในโลกก็ไม่มีเท่าเทียมกันเป๊ะหรอกค่ะ เพราะมีการจัด ranking รร มหาลัย ทั่วโลก
เพียงแต่ช่องว่างความต่างมาตรฐาน รร ในประเทศที่เจริญแล้วอาจจะน้อยกว่า
ซึ่งอันนี้เราคิดว่า........
ควรแก้ปัญหาด้วยการ 3.1) ประกาศเพิ่มเงินเดือนครูให้สูงพอๆกับหมอ
3.2) เชิญชูให้เกียรติอาชีพครูให้เป็นอาชีพที่คนอยากทำ ไม่ใช่บอกว่าเป็นครูอะจน
รับรองคนอยากเป็นครูเพิ่มขึ้นเยอะ แย่งกันสอบเป็นครูเพิ่มขึ้น ครูก้จะมีคุณภาพเอง
4) "วิชาประวัติศาสตร์สอนด้านเดียว ทำไมเราไม่เรียนประวัติศาสตร์แบบวิพากษ์หรือเปรียบเทียบ"
เราเห็นว่า........การเรียนปรระวัติศาสตร์แก่นหลักก็เพียงให้รู้ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เช่น
เมื่อก่อนไทยกะพม่าเคยมีการรบแย่งดินแดนกัน ส่วนเรื่องจะมาดูว่าอันไหนจริงถูกต้องมันคงไม่ได้เพราะ
เรื่องจริงมักมี 2 ด้านคือ ด้านเรากะด้านของเค้า
ซึ่งอันนี้เราคิดว่า........การที่จะให้ รร มานำเสนอทุกด้านมันเสียเวลา แค่เรียนให้รู้ว่าเมื่อก่อนเกิดอะไรขึ้นมาบ้างก้พอ
เป็นความรู้ว่าบ้านเมืองเรามีรากเหงามายังไง แต่เราต้องยอมรับว่าเราไม่เห็นด้วยที่ รร มีการสอบวิชาสังคมแบบเอาเป็นเอาตาย
เพราะเราคิดว่าเรียนให้รู้ก้พอ
5) "ทำไมโตมาแล้วต้องลบสิ่งที่เรียนมา แล้วเรียนรู้ใหม่เพราะที่เรียนมามันไม่ถูก และไม่ได้อะไร เสียเวลาชีวิต อยากได้เวลาคืน"
เราเห็นว่า........อันนี้อาจจะมากไป ที่เรียนมาเราได้เอามาใช้หรืออธิบายเรื่องต่างๆในชีวิตได้จากการเรียนก็เยอะแยะ
เรียนรู้ใหม่เราคิดว่าชีวิตคนเรามันต้องเรียนรู้ตลอดเวลาอยู่แล้ว อย่างวิทยาศาสตร์วันนี้เรียนแบบนี้ วันหน้ามีคนมาเจออะไรใหม่
มาล้างเรื่องบางเรื่องออกไปเพราะมีข้อพิสูจน์ที่ดีกว่ามีเหตุผลมากกว่าอันเก่าก้ต้องออกไป เราว่าปกติที่เราต้องมีการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆตลอดเวลา
ซึ่งอันนี้เราคิดว่า........
การเรียนไม่ได้เรียนเป็น absolute knowledge แต่เราเรียนเพื่อให้รู้ เรียนเพื่อให้เราเกิดความคิดเอาไปคิดต่อ
เรียนเป็นพื้นฐานอะคะ ไม่ใช่เรียนจบแล้วไม่เรียนไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว
6) "การศึกษาซ้ำเติมเด็กที่มีป้มด้อย พ่อแม่หย่าร้าง ด้วยการมีเรียงความวันแม่ เรียงความวันพ่อ"
เราเห็นว่า........ การศึกษาไม่ได้ซ้ำเติม เพียงแต่ต้องการให้เด็กระลึกถึงพระคุณพ่อแม่เท่านั้น
แต่คนที่มีปัญหาก้คิดซ้ำเติมตัวเอง แต่สังคมเพื่อนอาจจะมีส่วนที่ไปล้อเค้าทำให้เด็กยิ่งมีปมด้อย
ควรแก้ที่ครู ครูควรสอนให้เด็กรู้ว่า ความต่างของแต่ละครอบครัวมีอยู่ในสังคมจริงๆและไม่ใช่เรื่องแปลกแยก
และการที่พ่อแม่หย่า่ร้างเป็นเรื่องของพ่อแม่ ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ของ ญ ช ก้เท่านั้น
7) "ที่เราเรียนมา ไม่ได้ support ให้เราหาตัวตนได้เจอเลย"
เราเห็นว่า........
เรื่องการหาความชอบตัวเองเป็นเรื่องยากมากสำหรับบางคน
เพราะอย่างนี้ไงค่ะ ถึงมีคนเรียนเปลี่ยนสายเพื่อเปลี่ยนอาชีพตอนปอโท
ขอยกตัวอย่าง เราเรียนอยู่ที่ต่างประเทศฝรั่งคนนึงเรียนปริญญาโท 2 ใบเยอะมาก แล้วเป็นใบที่ต่างกัน
บางคนตรีเปน Mathematics โทเป็น Maths ใบนึงอีกใบเปน Philosophy
หรือบางคนตรี Engineering โทเป็น Finance และอีกเยอะแยะค่ะ
ซึ่งอันนี้เราคิดว่า........
ไม่มีทางที่การศึกษาที่ไหนในโลกจะช่วยให้คนทุกคนหาตัวเองเจอ
เพราะ Life is a matter of your choice นะคะ
คลิปที่ 2 เป็นสาระคดี เรื่องการศึกษาประเทศ Finland
สิ่งที่ clip นำเสนอคือ ....
1) การศึกษาเท่าเทียม
2) ห้องเรียนขนาดเล็ก เด็กนักเรียนไม่มาก คุณครูดูแลทั่วถึง คุณครูเก่งและมีคุณภาพ
3) ห้องสมุดมีมาก คนชอบอ่านหนังสือ
4) เรียนไม่เกินวันละ 5 ชม และเรียนไม่เน้นการแข่งขัน
5) เรียนฟรีตั้งแต่ 9 ขวบถึงปริญญาเอก
ทั้งหมดนี้เรารวมมาตอบในคำตอบเดียวเลยนะคะ
การศึกษาเท่าเทียมไม่มีอยู่จริงไม่ว่าที่ไหนบนโลกค่ะ เพราะมีการจัด ranking มหาลัยทั่วโลกแม้แต่ประเทศที่เจริญแล้วเค้าก้มี ranking
ห้องเรียนขนาดเล็ก ครูดูแลทั่วถึง และอื่นๆตั้งแต่ข้อ 2)-5) มันขึ้นอยู่กับงบประมาณของประเทศค่ะ
ฟินแลนด์เป็นประเทศพัฒนาแล้ว และประชากรมีไม่เกิน 6 ล้านคน มันง่ายต่อการดูแลให้ทั่วถึงนะคะ
ประเทศไทยเรางบไม่ค่อยจะมี หรือมีแต่ก้มีการโกงกินอย่างที่เราหลายคนนรู้และปฏิเสธไม่ได้
ประชากรมีมากกว่า 60 ล้านคน แล้วหยั่งงี้เราจะเทียบกันได้หรอค่ะ?
*** หลักๆเลยเราคิดว่า
"เงินงบประมาณ" ที่จะนำมาแก้ปัญหาระบบมันไม่มี และ
"จิตสำนึกคน"ก็เป็นเรื่องสำคัญ
สรุปคือ.....ถ้าอยากจะพัฒนาการศึกษาจิงๆอะคะ
เงินต้องถึงเราปฏิเสธไม่ได้ว่าเงินเป็นเรื่องใหญ่ในการพัฒนา
เงินเดือนครูสูง สวัสดิการครูดี ใครๆอยากแย่งกันมาเป็นครู ครูดีๆจะเพิ่มขึ้นเอง มีเงินก้สร้างห้องสมุดเยอะดีๆทั่วไทยได้
อีกอย่างการศึกษาไทยควรปรับให้ เด็กคิดวิเคราะห์เป็น ไม่ใช่ท่องจำไปสอบแล้วผ่านเกรดดีๆ
จำมันง่ายไปค่ะ ใครก้จำได้ เเต่คนที่คิดได้วิเคราะห์ได้นี่มีน้อย ครูไม่ควรออกข้อสอบซ้ำๆ
ควรมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาเพิ่มเข้าตัดออกให้ตามโลก
และเพื่อที่เด็กจะไม่มีโพย แล้วข้อสอบควรจะเป็นแนวจำและประยุกต์คิดต่อเองจากที่เรียนมาได้
แล้วควรตั้งเกณฑ์ให้แข็ง ตกคือตกไม่ผ่านคือไม่ผ่าน ไม่ผ่านก้ไปเรียนอย่างอื่น เข้าใจว่าเมืองไทยเรา ผู้คนมีเมตตาธรรม
แต่บางทีมันเป็นการทำให้สังคมไม่ได้มาตรฐานจริงๆ
อย่างแบบที่เมืองนอกที่เรากำลังเรียนอยู่มันโหดร้ายมาก ตกคือตก ซ่อมได้รอบเดียวไม่ผ่านโดนออกไปหาทางเรียนอะไรอย่างอื่นเอา
การเรียนอาจจะไม่ได้จำเป็นว่าต้องเรียนมหาลัยอย่างเดียวเพราะเค้ามี รร อาชีพที่มีคุณภาพผลิตคนออกมาทำงานได้จริงรู้ในสิ่งที่ทำอยู่จริงๆ
และที่คาดไม่ได้คือ
จิตสำนึกคนต้องดี คือ ช่วยกันสร้างสังคมให้น่าอยู่ ไม่เอาแต่ติเตียน ชี้ปัญหาแล้วไม่เสนอทางออก
มันไม่เกิดประโยชน์นะคะ
แล้วผู้อ่านหล่ะค่ะ อ่านจบแล้ว มีความเห็นกับการศึกษาไทยอย่างไร ปัญหาคืออะไรแล้วทางออกที่เสนอคืออะไรกันบ้างคะ
ป.ล. อันนี้เป็น link เรื่องการเรียนในสวิสเซอร์แลนด์นะคะ หากใครสนใจอยากลองฟัง ปสก การเรียนต่อต่างแดน
https://pantip.com/topic/37721064
ป.ล. อันนี้เป็นกระทู้เรื่องค่ารายจ่าย ค่าครองชีพที่ Switzerland นะคะ
https://pantip.com/topic/36898517
ทำไมถึงคิดว่าการศึกษาไทยล้มเหลว? เเล้วส่วนใหญ่คนเค้าอยากให้เปลี่ยนเป็นอย่างไร
เนื่องจากเรามีโอกาสเห็น 2 clips บน facebook มีคนแชร์ไว้นะคะ
พอดูแล้วต้องบอกว่าตกใจ ว่าทำไมคนถึงคิดแค่แบบนี้ (แค่สงสัย ไม่ได้ติเตียน เพราะทุกคนมีสิทธิ์ออกความเห็นอะนะคะ)
วันนี้เลยอยากแชร์สิ่งที่เราคิดจากการดูคลิปทั้ง 2 นี้
และสิ่งที่เราอยากให้ผู้ที่อ่านจนจบแสดงความเห็นว่าคุณรู้สึกหรือคิดเห็นอย่างไร
*** ถือว่าเเลกเปลี่ยนความเห็นกันนะคะ ไม่เอา Hate speech นะคะ ขอ creative, logical, practical ค่ะ ขอบคุณค่ะ ***
เอาหล่ะค่ะ
ขอแชร์บางประโยคที่เอามาจากคลิปแรกก่อนนะคะ
1) "มันไม่ตอบโจทย์ เสียเวลา", "มันกว้างเกินไป ตื้นเกินไป แต่ไม่ลึกซึ้งซักอย่าง"
เราเห็นว่า........ การเรียนไม่ได้ทำให้เรารู้สึกเสียเวลาเลยค่ะ เราได้เรียนรู้มีวิชาต่างๆและความรู้รอบตัวมาจาก รร เอยะมาก
เราเรียนกว้างจริงๆ เพราะการศึกษาช่วงแรกๆ ก่อนมาถึงปอตรี เค้าต้องสอนให้เรารู้พื้นฐานของทุกวิชาเพื่อเอาไปประกอบการตัดสินใจ
ในอนาคตว่ามหาลัยเราอยากเรียนเจาะด้านไหน แล้วก็เลือกคณะเอา เพราะฉะนั้น ถ้าอยากเรียนลึก
ต้องไปเรียนเอาในมหาลัยนะคะ พอเลือกสาขา ภาควิชาแล้วได้เรียนลึกแน่นอน
2) "การศึกษาไม่เคยบอกให้เราเรียนไปแล้วมีความสุขนะ จัดการความเครียดได้ อันนี้สำคัญกว่าตำราแต่ไม่ถูกสอน"
เราเห็นว่า........ เรียนแล้วมีความสุข ใครจะสอนให้ใครมีความสุขได้ อันนี้เรา งง นะ
เราคิดว่าคนเรามีความสุขมันมาจากใจและความคิดของตัวเราเอง เรื่องจัดการความเครียดเราว่า
มันขึ้นกับการคิดกะแนวคิดของแต่ละคน คนเรารับความเครียดได้มากน้อยต่างกัน
เจอปัญหาแบบเดียวกันก้แก้ต่างกัน ความพอใจแต่ละคนก้ต่างกัน
อีกอย่างการเข้า รร มีการแข่งขัน เราเจอกับความเครียดทุกวัน คนเรามันมีการปรับตัวได้ค่ะ
เพราะการปรับตัวเป็นคุณสมบัติของสิ่งที่สิ่งมีชีวิตพื้นฐาน
สุดท้ายมันจะมี 2 อย่างค่ะ "swim or sink" และเราคิดว่าอันนี้มันเป็นกฎธรรมชาติ Natural selection (Darwin's theory)
ซึ่งอันนี้เราคิดว่า........ไม่มีใครสอนใครได้เรื่องนี้ ธรรมะอาจจะกล่อมจิตใจได้ในส่วนนึง มันไม่น่าใช่เรื่องเปิดวิชาสอนให้มีความสุข
เพราะเรามีกลไกรับมือของมันเองได้กันทุกคน เพียงแต่วิธีการกลไกแต่ละคนต่างกัน
3) "การศึกษาไม่เท่าเทียม คนพยายามเข้า รร ดัง รร ดังอยุ่ไกลบ้าน ตื่นเช้า รถติด คุณภาพชีวิตแย่"
เราเห็นว่า........การศึกษาที่ไหนในโลกก็ไม่มีเท่าเทียมกันเป๊ะหรอกค่ะ เพราะมีการจัด ranking รร มหาลัย ทั่วโลก
เพียงแต่ช่องว่างความต่างมาตรฐาน รร ในประเทศที่เจริญแล้วอาจจะน้อยกว่า
ซึ่งอันนี้เราคิดว่า........ควรแก้ปัญหาด้วยการ 3.1) ประกาศเพิ่มเงินเดือนครูให้สูงพอๆกับหมอ
3.2) เชิญชูให้เกียรติอาชีพครูให้เป็นอาชีพที่คนอยากทำ ไม่ใช่บอกว่าเป็นครูอะจน
รับรองคนอยากเป็นครูเพิ่มขึ้นเยอะ แย่งกันสอบเป็นครูเพิ่มขึ้น ครูก้จะมีคุณภาพเอง
4) "วิชาประวัติศาสตร์สอนด้านเดียว ทำไมเราไม่เรียนประวัติศาสตร์แบบวิพากษ์หรือเปรียบเทียบ"
เราเห็นว่า........การเรียนปรระวัติศาสตร์แก่นหลักก็เพียงให้รู้ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เช่น
เมื่อก่อนไทยกะพม่าเคยมีการรบแย่งดินแดนกัน ส่วนเรื่องจะมาดูว่าอันไหนจริงถูกต้องมันคงไม่ได้เพราะ
เรื่องจริงมักมี 2 ด้านคือ ด้านเรากะด้านของเค้า
ซึ่งอันนี้เราคิดว่า........การที่จะให้ รร มานำเสนอทุกด้านมันเสียเวลา แค่เรียนให้รู้ว่าเมื่อก่อนเกิดอะไรขึ้นมาบ้างก้พอ
เป็นความรู้ว่าบ้านเมืองเรามีรากเหงามายังไง แต่เราต้องยอมรับว่าเราไม่เห็นด้วยที่ รร มีการสอบวิชาสังคมแบบเอาเป็นเอาตาย
เพราะเราคิดว่าเรียนให้รู้ก้พอ
5) "ทำไมโตมาแล้วต้องลบสิ่งที่เรียนมา แล้วเรียนรู้ใหม่เพราะที่เรียนมามันไม่ถูก และไม่ได้อะไร เสียเวลาชีวิต อยากได้เวลาคืน"
เราเห็นว่า........อันนี้อาจจะมากไป ที่เรียนมาเราได้เอามาใช้หรืออธิบายเรื่องต่างๆในชีวิตได้จากการเรียนก็เยอะแยะ
เรียนรู้ใหม่เราคิดว่าชีวิตคนเรามันต้องเรียนรู้ตลอดเวลาอยู่แล้ว อย่างวิทยาศาสตร์วันนี้เรียนแบบนี้ วันหน้ามีคนมาเจออะไรใหม่
มาล้างเรื่องบางเรื่องออกไปเพราะมีข้อพิสูจน์ที่ดีกว่ามีเหตุผลมากกว่าอันเก่าก้ต้องออกไป เราว่าปกติที่เราต้องมีการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆตลอดเวลา
ซึ่งอันนี้เราคิดว่า........การเรียนไม่ได้เรียนเป็น absolute knowledge แต่เราเรียนเพื่อให้รู้ เรียนเพื่อให้เราเกิดความคิดเอาไปคิดต่อ
เรียนเป็นพื้นฐานอะคะ ไม่ใช่เรียนจบแล้วไม่เรียนไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว
6) "การศึกษาซ้ำเติมเด็กที่มีป้มด้อย พ่อแม่หย่าร้าง ด้วยการมีเรียงความวันแม่ เรียงความวันพ่อ"
เราเห็นว่า........ การศึกษาไม่ได้ซ้ำเติม เพียงแต่ต้องการให้เด็กระลึกถึงพระคุณพ่อแม่เท่านั้น
แต่คนที่มีปัญหาก้คิดซ้ำเติมตัวเอง แต่สังคมเพื่อนอาจจะมีส่วนที่ไปล้อเค้าทำให้เด็กยิ่งมีปมด้อย
ควรแก้ที่ครู ครูควรสอนให้เด็กรู้ว่า ความต่างของแต่ละครอบครัวมีอยู่ในสังคมจริงๆและไม่ใช่เรื่องแปลกแยก
และการที่พ่อแม่หย่า่ร้างเป็นเรื่องของพ่อแม่ ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ของ ญ ช ก้เท่านั้น
7) "ที่เราเรียนมา ไม่ได้ support ให้เราหาตัวตนได้เจอเลย"
เราเห็นว่า........เรื่องการหาความชอบตัวเองเป็นเรื่องยากมากสำหรับบางคน
เพราะอย่างนี้ไงค่ะ ถึงมีคนเรียนเปลี่ยนสายเพื่อเปลี่ยนอาชีพตอนปอโท
ขอยกตัวอย่าง เราเรียนอยู่ที่ต่างประเทศฝรั่งคนนึงเรียนปริญญาโท 2 ใบเยอะมาก แล้วเป็นใบที่ต่างกัน
บางคนตรีเปน Mathematics โทเป็น Maths ใบนึงอีกใบเปน Philosophy
หรือบางคนตรี Engineering โทเป็น Finance และอีกเยอะแยะค่ะ
ซึ่งอันนี้เราคิดว่า........ไม่มีทางที่การศึกษาที่ไหนในโลกจะช่วยให้คนทุกคนหาตัวเองเจอ
เพราะ Life is a matter of your choice นะคะ
คลิปที่ 2 เป็นสาระคดี เรื่องการศึกษาประเทศ Finland
สิ่งที่ clip นำเสนอคือ ....
1) การศึกษาเท่าเทียม
2) ห้องเรียนขนาดเล็ก เด็กนักเรียนไม่มาก คุณครูดูแลทั่วถึง คุณครูเก่งและมีคุณภาพ
3) ห้องสมุดมีมาก คนชอบอ่านหนังสือ
4) เรียนไม่เกินวันละ 5 ชม และเรียนไม่เน้นการแข่งขัน
5) เรียนฟรีตั้งแต่ 9 ขวบถึงปริญญาเอก
ทั้งหมดนี้เรารวมมาตอบในคำตอบเดียวเลยนะคะ
การศึกษาเท่าเทียมไม่มีอยู่จริงไม่ว่าที่ไหนบนโลกค่ะ เพราะมีการจัด ranking มหาลัยทั่วโลกแม้แต่ประเทศที่เจริญแล้วเค้าก้มี ranking
ห้องเรียนขนาดเล็ก ครูดูแลทั่วถึง และอื่นๆตั้งแต่ข้อ 2)-5) มันขึ้นอยู่กับงบประมาณของประเทศค่ะ
ฟินแลนด์เป็นประเทศพัฒนาแล้ว และประชากรมีไม่เกิน 6 ล้านคน มันง่ายต่อการดูแลให้ทั่วถึงนะคะ
ประเทศไทยเรางบไม่ค่อยจะมี หรือมีแต่ก้มีการโกงกินอย่างที่เราหลายคนนรู้และปฏิเสธไม่ได้
ประชากรมีมากกว่า 60 ล้านคน แล้วหยั่งงี้เราจะเทียบกันได้หรอค่ะ?
*** หลักๆเลยเราคิดว่า "เงินงบประมาณ" ที่จะนำมาแก้ปัญหาระบบมันไม่มี และ "จิตสำนึกคน"ก็เป็นเรื่องสำคัญ
สรุปคือ.....ถ้าอยากจะพัฒนาการศึกษาจิงๆอะคะ เงินต้องถึงเราปฏิเสธไม่ได้ว่าเงินเป็นเรื่องใหญ่ในการพัฒนา
เงินเดือนครูสูง สวัสดิการครูดี ใครๆอยากแย่งกันมาเป็นครู ครูดีๆจะเพิ่มขึ้นเอง มีเงินก้สร้างห้องสมุดเยอะดีๆทั่วไทยได้
อีกอย่างการศึกษาไทยควรปรับให้ เด็กคิดวิเคราะห์เป็น ไม่ใช่ท่องจำไปสอบแล้วผ่านเกรดดีๆ
จำมันง่ายไปค่ะ ใครก้จำได้ เเต่คนที่คิดได้วิเคราะห์ได้นี่มีน้อย ครูไม่ควรออกข้อสอบซ้ำๆ
ควรมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาเพิ่มเข้าตัดออกให้ตามโลก
และเพื่อที่เด็กจะไม่มีโพย แล้วข้อสอบควรจะเป็นแนวจำและประยุกต์คิดต่อเองจากที่เรียนมาได้
แล้วควรตั้งเกณฑ์ให้แข็ง ตกคือตกไม่ผ่านคือไม่ผ่าน ไม่ผ่านก้ไปเรียนอย่างอื่น เข้าใจว่าเมืองไทยเรา ผู้คนมีเมตตาธรรม
แต่บางทีมันเป็นการทำให้สังคมไม่ได้มาตรฐานจริงๆ
อย่างแบบที่เมืองนอกที่เรากำลังเรียนอยู่มันโหดร้ายมาก ตกคือตก ซ่อมได้รอบเดียวไม่ผ่านโดนออกไปหาทางเรียนอะไรอย่างอื่นเอา
การเรียนอาจจะไม่ได้จำเป็นว่าต้องเรียนมหาลัยอย่างเดียวเพราะเค้ามี รร อาชีพที่มีคุณภาพผลิตคนออกมาทำงานได้จริงรู้ในสิ่งที่ทำอยู่จริงๆ
และที่คาดไม่ได้คือ จิตสำนึกคนต้องดี คือ ช่วยกันสร้างสังคมให้น่าอยู่ ไม่เอาแต่ติเตียน ชี้ปัญหาแล้วไม่เสนอทางออก
มันไม่เกิดประโยชน์นะคะ
แล้วผู้อ่านหล่ะค่ะ อ่านจบแล้ว มีความเห็นกับการศึกษาไทยอย่างไร ปัญหาคืออะไรแล้วทางออกที่เสนอคืออะไรกันบ้างคะ
ป.ล. อันนี้เป็น link เรื่องการเรียนในสวิสเซอร์แลนด์นะคะ หากใครสนใจอยากลองฟัง ปสก การเรียนต่อต่างแดน
https://pantip.com/topic/37721064
ป.ล. อันนี้เป็นกระทู้เรื่องค่ารายจ่าย ค่าครองชีพที่ Switzerland นะคะ
https://pantip.com/topic/36898517