ตั้งกระทู้ไม่ได้จะมาอวดร่ำอวดรวยอะไร เพราะมนุษย์เงินเดือน ถึงอย่างไรก็ไม่ได้รวยอยู่แล้ว… แล้วมาตั้งกระทู้ทำไม มาเตือนสติตัวเอง และบอกเล่าประสบการณ์ว่า จะมาถึงตรงนี้ มันมีทั้งความสามารถและจังหวะโอกาส (ที่ใคร ๆ เค้าเรียกว่า ดวง ละมั้ง)
เริ่มต้นทำงานเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ในบริษัท FMCG ข้ามชาติที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ด้วยเงินเดือนที่ใคร ๆ ก็สงสัยว่า ทำไมบริษัทถึงจ่ายเงินเดือนเริ่มต้นให้กับเด็กจบใหม่ด้วยเงินเดือน 25,000 บาท นี่ก็เป็นออกเริ่มต้นที่ดี ที่ทำให้มีจังหวะและโอกาสมากขึ้น การทำงานเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะว่าทำงานหนักมากจริง ๆ มากเสียจน ตอนนี้กลับมานึกย้อนไปว่า ตอนนี้ทำงานหนักขนาดนั้นได้อย่างไร ทำงาน 12-15 ชั่วโมงต่อวัน เคยหนักสุด ออกจากที่ทำงานตอนตีสาม เพื่อที่จะกลับมาใหม่ตอน 10 โมงเช้า แต่ตอนนี้ผมบอกเลยว่า ในวันที่มีแรงและกำลัง มันคือการสร้างและปูพื้นฐานให้กับชีวิตการทำงานได้อย่างดี ช่วง 3 ปีนี้แหละ ที่ทำให้ผมก้าวมามีวันนี้ สำหรับเด็กจบใหม่ ผมอยากให้คุณเลือกงานให้ดี ก่อนจะกระโดดลงสู่ตลาดแรงงาน ในความคิดผม มันคือก้าวแรกที่สำคัญ ใน 3 ปีนี้ ผมทำแทบทุกอย่างที่บริษัทให้โอกาสมาทำ และสิ่งที่ดีอีกอย่างนึงเลยคือเจ้านาย ถ้าคุณเลือกงานไม่ได้ อย่างน้อยคุณยังเลือกเจ้านาย เจ้านายที่ดีจะทำให้คุณได้ใช้ความสามารถที่คุณมีได้อย่างเต็มที่ และในขณะเดียวกัน เจ้านายจะทำให้คุณพร้อมสำหรับอนาคต และความท้าทายใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตการทำงานของคุณ
จังหวะของชีวิตต่อมาคือ โอกาสที่ได้ไปเรียนต่อต่างประเทศ การไปเรียนต่อต่างประเทศ มันไม่ใช่เรื่องการไปทำให้ CV คุณสวยหรู แต่มันคือการออกไปรู้ว่าโลกที่คิดกว้างใหญ่ มันไม่ได้กว้างใหญ่ขนาดนั้น และมันทำให้ผมได้มีความกล้าในการสื่อสารภาษาอังกฤษมากขึ้น คนที่มีโอกาสไปเรียนต่อต่างประเทศ ผมขอให้คุณตีตัวออกห่างจากการจับกลุ่มทำงานด้วยกันกับคนไทย จงไปหาเพื่อนต่างชาติ ทำงานกลุ่มกับคนต่างชาติ อย่าผลาญเงินเป็นแสนเป็นล้าน เพื่อที่จะแค่ไปเที่ยว ไปใช้ชีวิตต่างแดน… เพราะเมื่อคุณกลับมาเข้าสู่ตลาดแรงงาน คนสัมภาษณ์โดยส่วนใหญ่เค้าดูออกครับ
หลังจากเรียนจบกลับมา คิดว่าจะหางานง่าย จริง ๆ ก็ไม่ยากครับ แต่หลาย ๆ ที่มันยังไม่ใช่ ก็ยังเพิ่งรีบครับ ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนที่ทั้งเพิ่งจบใหม่ และกำลังหางานใหม่ จะเจอกับเวลาที่รู้สึกตัวเองไร้ค่า หางานมา 2-3 เดือนแล้ว ที่ที่ถูกใจก็ไม่ตอบ ที่ไม่ถูกใจเสนอมาด้วยค่าตอบแทนที่ค่อนข้างต่ำ แล้วก็อาจจะตัดสินใจยอมรับค่าตอบแทนที่ต่ำกว่า จังหวะที่ดีอย่างนึงคือ ถึงแม้จะผลาญเงินเก็บตอนทำงานไปหมดเกลี้ยง ครอบครัวยังพอจะเลี้ยงดูผมไปได้อีกระยะ ในที่สุด ผ่านไป 2 เดือน ที่ที่ใช่ก็เข้ามา ถึงแม้ค่าตอบแทนจะไม่ได้สูงมากอย่างที่หวัง แต่มันก็เป็นโอกาสได้เปิดตัวเองเข้าสู่การทำงานในระดับภูมิภาค ที่ที่ได้เดินทางต่างประเทศค่อนข้างบ่อย
เรื่องสุดท้ายที่อยากจะเล่าให้ฟัง การทำงานอยู่บริษัทเดียวไปเรื่อย ๆ มันก็มีข้อดีของมัน คุณจะอยู่ใรพื้นที่ที่ผมเรียกว่า comfort zone ซึ่งก็ไม่ผิดอะไรที่จะอยู่ แต่ถ้าการอยู่ในบริษัทเดียวไปเรื่อย ๆ โดยแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง ย้ายตำแหน่ง ย้ายสายงาน หรือเพิ่มความรับผิดชอบใด ๆ เลย ผมว่าอาจจะถึงเวลาที่คุณต้องออกจาก comfort zone นี้ดูซักหน่อยนะครับ แต่ถ้าคุณคิดจะเพิ่มเงินเดือนไม่มีวิธีไหนที่ดีไปกว่าการกระโดดออกจากที่ทำงานเดิม ไปสู่ที่ทำงานใหม่ แต่ช้าก่อน! การกระโดดออกจากที่นึงไปสู่อีกที่นึงมันก็ดีอยู่ แต่อย่าเพิ่งใจร้อนโดดทุกปีนะครับ รอ 2-3 ปีหรือมากกว่านั้นหน่อยให้มีเวลาพอที่คุณจะได้เรียนรู้ และแสดงผลงานให้เห็นก่อน ถึงตอนนี้มีรายได้รวม จากทั้งเงินเดือนและ ค่าตอบแทนส่วนอื่น ๆ รวมกันมากกว่าตอนเรียนจบเกือบ 10 เท่าตัว แต่กระโดดมา 6 ที่แล้ว ยังไม่มีความคิดจะกระโดดครั้งใหม่เร็ว ๆ นี้ แต่ถึงกระนั้นก็ขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส…
สุดท้ายนี้ การเป็นมนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ ไม่ได้ทำให้คุณรวยได้เท่าเป็นเจ้าของกิจการหรอกครับ แต่อย่างนึงที่มีคือ คุณมีเวลามากกว่า และความเครียดน้อยกว่า… ผมไม่เคยคิดว่าการเป็นเจ้าของกิจการแล้วจะมีเวลามากขึ้น ผมไม่คิดว่าคุณจะสามารถมีเวลาที่จะไม่คิดถึงเรื่องธุรกิจที่ไม่ว่าจะกำลังไปได้ดี หรือกำลังประสบปัญหา ถึงแม้มันจะเป็นวันเสาร์ อาทิตย์หรือวันหยุด ยิ่งถ้ากิจการเริ่มมีปัญหา สำหรับมนุษย์เงินเดือนก็แค่พยายามแก้ปัญหาในขณะเดียวกันก็หาที่กระโดดไปที่ใหม่ แต่เจ้าของกิจการ คุณจะหยุดคิดได้หรือว่า จะทำยังไงดี บริษัทจะล้มมั้ย ลูกน้องอีกกี่ชีวิตจะทำอย่างไร ลูกเมียจะทำอย่างไร
ขออีกนิด… เงินเดือนสองแสนเป็นไปได้จริง เงินเดือนห้าแสนก็มีอยู่จริง เงินเดือนล้านนึง(ในเมืองไทยเท่านั้นนะครับ... ไม่นับเงินเดือนพันทิพด้วย เพราะถ้านับ สองแสนผมมันโคตรง่อย)ผมไม่แน่ใจว่ามีมั้ย? มนุษย์เงินเดือนสามารถวางแผนการเงินเพื่อที่จะมีเงินเก็บเป็นล้าน เป็นสิบล้านหรือมากกว่าได้ อย่าเพิ่งท้อครับ ส่วนเจ้าของกิจการ ในช่วงที่มีปัญหา ผมเป็นกำลังใจให้ บางครั้งเราอาจจะต้องปล่อยลูกเรือออกไปสู่ทะเลบ้าง เพื่อความอยู่รอด แต่มันก็ดีกว่าปล่อยให้เรืออับปางลงทั้งลำ
แชร์ประสบการณ์มนุษย์เงินเดือน
เริ่มต้นทำงานเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ในบริษัท FMCG ข้ามชาติที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ด้วยเงินเดือนที่ใคร ๆ ก็สงสัยว่า ทำไมบริษัทถึงจ่ายเงินเดือนเริ่มต้นให้กับเด็กจบใหม่ด้วยเงินเดือน 25,000 บาท นี่ก็เป็นออกเริ่มต้นที่ดี ที่ทำให้มีจังหวะและโอกาสมากขึ้น การทำงานเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะว่าทำงานหนักมากจริง ๆ มากเสียจน ตอนนี้กลับมานึกย้อนไปว่า ตอนนี้ทำงานหนักขนาดนั้นได้อย่างไร ทำงาน 12-15 ชั่วโมงต่อวัน เคยหนักสุด ออกจากที่ทำงานตอนตีสาม เพื่อที่จะกลับมาใหม่ตอน 10 โมงเช้า แต่ตอนนี้ผมบอกเลยว่า ในวันที่มีแรงและกำลัง มันคือการสร้างและปูพื้นฐานให้กับชีวิตการทำงานได้อย่างดี ช่วง 3 ปีนี้แหละ ที่ทำให้ผมก้าวมามีวันนี้ สำหรับเด็กจบใหม่ ผมอยากให้คุณเลือกงานให้ดี ก่อนจะกระโดดลงสู่ตลาดแรงงาน ในความคิดผม มันคือก้าวแรกที่สำคัญ ใน 3 ปีนี้ ผมทำแทบทุกอย่างที่บริษัทให้โอกาสมาทำ และสิ่งที่ดีอีกอย่างนึงเลยคือเจ้านาย ถ้าคุณเลือกงานไม่ได้ อย่างน้อยคุณยังเลือกเจ้านาย เจ้านายที่ดีจะทำให้คุณได้ใช้ความสามารถที่คุณมีได้อย่างเต็มที่ และในขณะเดียวกัน เจ้านายจะทำให้คุณพร้อมสำหรับอนาคต และความท้าทายใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตการทำงานของคุณ
จังหวะของชีวิตต่อมาคือ โอกาสที่ได้ไปเรียนต่อต่างประเทศ การไปเรียนต่อต่างประเทศ มันไม่ใช่เรื่องการไปทำให้ CV คุณสวยหรู แต่มันคือการออกไปรู้ว่าโลกที่คิดกว้างใหญ่ มันไม่ได้กว้างใหญ่ขนาดนั้น และมันทำให้ผมได้มีความกล้าในการสื่อสารภาษาอังกฤษมากขึ้น คนที่มีโอกาสไปเรียนต่อต่างประเทศ ผมขอให้คุณตีตัวออกห่างจากการจับกลุ่มทำงานด้วยกันกับคนไทย จงไปหาเพื่อนต่างชาติ ทำงานกลุ่มกับคนต่างชาติ อย่าผลาญเงินเป็นแสนเป็นล้าน เพื่อที่จะแค่ไปเที่ยว ไปใช้ชีวิตต่างแดน… เพราะเมื่อคุณกลับมาเข้าสู่ตลาดแรงงาน คนสัมภาษณ์โดยส่วนใหญ่เค้าดูออกครับ
หลังจากเรียนจบกลับมา คิดว่าจะหางานง่าย จริง ๆ ก็ไม่ยากครับ แต่หลาย ๆ ที่มันยังไม่ใช่ ก็ยังเพิ่งรีบครับ ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนที่ทั้งเพิ่งจบใหม่ และกำลังหางานใหม่ จะเจอกับเวลาที่รู้สึกตัวเองไร้ค่า หางานมา 2-3 เดือนแล้ว ที่ที่ถูกใจก็ไม่ตอบ ที่ไม่ถูกใจเสนอมาด้วยค่าตอบแทนที่ค่อนข้างต่ำ แล้วก็อาจจะตัดสินใจยอมรับค่าตอบแทนที่ต่ำกว่า จังหวะที่ดีอย่างนึงคือ ถึงแม้จะผลาญเงินเก็บตอนทำงานไปหมดเกลี้ยง ครอบครัวยังพอจะเลี้ยงดูผมไปได้อีกระยะ ในที่สุด ผ่านไป 2 เดือน ที่ที่ใช่ก็เข้ามา ถึงแม้ค่าตอบแทนจะไม่ได้สูงมากอย่างที่หวัง แต่มันก็เป็นโอกาสได้เปิดตัวเองเข้าสู่การทำงานในระดับภูมิภาค ที่ที่ได้เดินทางต่างประเทศค่อนข้างบ่อย
เรื่องสุดท้ายที่อยากจะเล่าให้ฟัง การทำงานอยู่บริษัทเดียวไปเรื่อย ๆ มันก็มีข้อดีของมัน คุณจะอยู่ใรพื้นที่ที่ผมเรียกว่า comfort zone ซึ่งก็ไม่ผิดอะไรที่จะอยู่ แต่ถ้าการอยู่ในบริษัทเดียวไปเรื่อย ๆ โดยแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง ย้ายตำแหน่ง ย้ายสายงาน หรือเพิ่มความรับผิดชอบใด ๆ เลย ผมว่าอาจจะถึงเวลาที่คุณต้องออกจาก comfort zone นี้ดูซักหน่อยนะครับ แต่ถ้าคุณคิดจะเพิ่มเงินเดือนไม่มีวิธีไหนที่ดีไปกว่าการกระโดดออกจากที่ทำงานเดิม ไปสู่ที่ทำงานใหม่ แต่ช้าก่อน! การกระโดดออกจากที่นึงไปสู่อีกที่นึงมันก็ดีอยู่ แต่อย่าเพิ่งใจร้อนโดดทุกปีนะครับ รอ 2-3 ปีหรือมากกว่านั้นหน่อยให้มีเวลาพอที่คุณจะได้เรียนรู้ และแสดงผลงานให้เห็นก่อน ถึงตอนนี้มีรายได้รวม จากทั้งเงินเดือนและ ค่าตอบแทนส่วนอื่น ๆ รวมกันมากกว่าตอนเรียนจบเกือบ 10 เท่าตัว แต่กระโดดมา 6 ที่แล้ว ยังไม่มีความคิดจะกระโดดครั้งใหม่เร็ว ๆ นี้ แต่ถึงกระนั้นก็ขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส…
สุดท้ายนี้ การเป็นมนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ ไม่ได้ทำให้คุณรวยได้เท่าเป็นเจ้าของกิจการหรอกครับ แต่อย่างนึงที่มีคือ คุณมีเวลามากกว่า และความเครียดน้อยกว่า… ผมไม่เคยคิดว่าการเป็นเจ้าของกิจการแล้วจะมีเวลามากขึ้น ผมไม่คิดว่าคุณจะสามารถมีเวลาที่จะไม่คิดถึงเรื่องธุรกิจที่ไม่ว่าจะกำลังไปได้ดี หรือกำลังประสบปัญหา ถึงแม้มันจะเป็นวันเสาร์ อาทิตย์หรือวันหยุด ยิ่งถ้ากิจการเริ่มมีปัญหา สำหรับมนุษย์เงินเดือนก็แค่พยายามแก้ปัญหาในขณะเดียวกันก็หาที่กระโดดไปที่ใหม่ แต่เจ้าของกิจการ คุณจะหยุดคิดได้หรือว่า จะทำยังไงดี บริษัทจะล้มมั้ย ลูกน้องอีกกี่ชีวิตจะทำอย่างไร ลูกเมียจะทำอย่างไร
ขออีกนิด… เงินเดือนสองแสนเป็นไปได้จริง เงินเดือนห้าแสนก็มีอยู่จริง เงินเดือนล้านนึง(ในเมืองไทยเท่านั้นนะครับ... ไม่นับเงินเดือนพันทิพด้วย เพราะถ้านับ สองแสนผมมันโคตรง่อย)ผมไม่แน่ใจว่ามีมั้ย? มนุษย์เงินเดือนสามารถวางแผนการเงินเพื่อที่จะมีเงินเก็บเป็นล้าน เป็นสิบล้านหรือมากกว่าได้ อย่าเพิ่งท้อครับ ส่วนเจ้าของกิจการ ในช่วงที่มีปัญหา ผมเป็นกำลังใจให้ บางครั้งเราอาจจะต้องปล่อยลูกเรือออกไปสู่ทะเลบ้าง เพื่อความอยู่รอด แต่มันก็ดีกว่าปล่อยให้เรืออับปางลงทั้งลำ