หัวข้อนี้สาเหตุมาจากมีผู้ชายขอบบอกว่าฉันใจร้าย อะไรคือใจร้าย....ฉันเป็น 5% ของผู้หญิงที่มีความคิดแบบผู้ชาย คือฉันไม่เคยมีอาการหึงหวง
หรือไร้เหตุผล แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ดูแล ไม่สนใจเลย ฉันรู้จักว่าเวลาไหนควรทะเลาะ เวลาไหนไม่ควรทะเลาะ ฉันอธิบายไม่ถูกว่ามันเป็นแบบไหน แต่ถ้าแฟน
มีปัญหาฉันสามารถแก้ไขให้ได้ ฉันสามารถไปไหนมาไหนได้ดวยตัวเอง ฉันสามารถเขากับเพื่อน ๆ ของเเฟนได้ เมื่อทำผิดฉันจะยอมขอโทษแต่โดยดี เมื่อเราทะเลาะกันฉันมักจะคุยให้จบในวันเดียว คือเราจะนั่งคุยกันจบคือจบ ฉันเป็นคนเจ้าระเบียบ และชอบเลี้ยงสัตว์มาก มันอาจดูจะเฟอร์เฟคถ้าคุณได้แฟนนิสัยแบบนี้ แต่มันไม่เสมอไปสำหรับผู้ชายบางคน บางครั้งฉันก็ไม่เข้าใจเท่าไร บางคนบอกว่าฉันควรหึงบาง แต่ฉันมองว่าถ้าฉันหึงไม่เข้าท่า ไม่ใช่ว่าหน้าแตกหรอกเหรอ บางคนบอกว่าเธอควรสนใจฉันบ่าง อืม...ก็เวลาที่ฉันโทรหา เขามักจะบอกว่าไม่ว่าง หรืออยู่กับพ่อแม่ ฉันเลยคิดว่าอืมงั้นไว้ว่างก็โทรมาแล้วกัน สองสาเหตุนี้ทำให้ฉันถูกบอกเลิก ทุกครั้งที่ถูกบอกเลิกฉันจะถามตัวเองเสมอว่าฉันพลาดอะไร แต่ว่ากันถึงที่สุด ฉันไม่อาจเป็นผู้หญิงที่เป็นผู้หญิง 100% ได้ฉันไม่อาจหึงหวงแบบไร้เหตุผลได้ พวกคุณคงไม่ชอบหรอกถ้ามีคนตามติดคุณตลอดเวลา เข้าใกล้ใครไม่ไม่ได้ เพื่อนที่คบมาเป็น 10 ๆ ปีก็เป็นอันต้องหยุดเจอกันเพราะแฟนคุณไม่ชอบ ฉันไม่ใช่คนที่มีเพื่อนมากมาย ฉันเป็นคนที่เป็นมิตรกับทุกคน แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นเพื่อนกับทุกคน เพราะฉันคิดว่าการมีเพื่อนสนิทแค่เท่าที่มีฉันก็ดีอยู่แล้ว ฉันชอบพึ่งตัวเองก่อนจะข้อความช่วยเหลือถ้าเรื่องนั้นผู้หญิงอย่างฉันไม่สามารถทำได้ ฉันเคยคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่มีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ผู้ชายอยากมได้
ฉันมีหน้าตาที่มองแล้วรู้ว่าสวย ฉันมีสติปัญญาที่สามารถแก้ไขปัญหาส่วนตัว และปัญหาในธุรกิจได้ดี ฉันสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีมาก ฉันมีคติที่ว่าในเมื่อฉันมองว่าตัวเองมีความสามารถอยู่กับตัว ฉันต้องทำให้มันมีประโยชน์ ฉันไม่ได้หมั่นใจในตัวเองทุกเรื่อง อะไรที่ฉันทำไม่ได้ฉันจะฟังคนที่ทำเป็นก่อนเสมอ แล้วจะเรียนรู้ว่าคน ๆ นั้นมีนิสัยแบบไหน ฉันจึงเป็นคนที่ไม่ค่อยโกธรเกลียดใคร เพราะฉันมองว่าทุกนั้นต่างมีพฤติกรรมและการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน ฉันไม่ได้บอกตัวเองเป็นผู้หญิงเข้มแข็ง เพราะยังไงผู้หญิงก็ยังมีมุมที่อ่อนแอ เพียงแค่ฉันเป็นคนที่เจ็บไม่นาน ฉันยังรักตัวเอง และยังเรียนรู้ที่จะวางมันลงแล้วอยู่ด้วยตัวเอง แต่มันไม่ได้หมายความฉันจะสามารถเดินต่อกับคนใหม่ ๆ ได้เลย เหมือนที่ผู้ชายบางคนชอบบอกผู้หญิงว่าผมยังไม่พร้อมเข้าใจนะ ฉันก็เป้นแํนยังไม่พร้อม แต่ฉันไม่ได้ขอให้พวกเขาเข้าใจ ฉันแค่บอกว่าสำหรับฉันทุกอย่างมันอยู่ที่เวลา เวลาที่เราเลิกกับใครสักคน เราจะต้องผ่าน 3 ระยะสำคัญคือ 1.ระยะที่เจ็บมาก สำหรับฉันระยะนี้ฉันใช้เวลา 2 อาทิตย์อย่างที่บอกว่าทุกครั้งที่โดนบอกเลิกฉันจะถามตัวเองก่อน มองตัวเองก่อนว่าฉันมีส่วนที่ทำให้ความรักครั้งนี้มันพังลงหรือเปล่า 2.ระยะเจ็บน้อยลงแต่ยังลืมไม่ได้ กรณีนี้ฉันใช้เวลา 1 - 2 ปีในการเริ่มเข้าสู้ระยะที่ 3.คือเดินต่อไป ระยะนี้ฉันเปิดโอกาสคบแล้ว ฉันมีแฟนแล้วเขาก็เขามาจีบฉันก่อน ฉันก็ตอบตกลง ฉันก็ทำแบบที่ฉันเคยทำมันดูเหมือนจะดีนะเรานิสัยคลาย ๆ กันแต่ติดอย่างเดียวคือ ฉันรู้สึกว่าความคิดเขาไม่โตแต่ก็ไม่ได้ตัดสินขนาดนั้น จนวันหนึ่งอยู่เขาก็บอกฉันว่าเขาลืมเเฟนเก่าไม่ได้ ฉันก็เข้าใจแล้วก็ให้โอกาสเขาโดยยังอยู่ข้าง ๆ นะ แต่แล้วเขาก็ทำให้ฉันเห็นว่าเข้าไม่สามารถ Growth Mindset ได้เลย และฉันคงไม่ลงไปจมเป็นเพื่อนเขาแน่ ๆ
หลังจากนั้นฉันก็คุยกับคนอื่น ๆ ฉันก็เดทกับคนที่อยากเดทกับฉัน แล้วสิ่งที่ฉันเจอคือพวกเขาต้องการผู้หญิงสวยแต่ไม่ต้องการผู้หญิงที่เก่ง และมีความคิดแวกแนวเกินไป หลังจากนั้นฉันก็คิดว่าการที่ฉันต้องมานั่งปรับตัวเพื่อให้ถูกใจใคร มันเหนื่อย ฉันอยากได้ตัวตนของฉันคืนมาและการอยู่คนเดียวเป็นอะไรที่ฉันมีความสุข แล้วการที่ฉันจะอ่านไม่ตอบมันผิด มันใจร้ายตรงไหน งั้นถามกลับถามผู้ชายอ่านไม่ตอบแล้วโดนผู้หญิงพูดบ่อย ๆ ว่าใจร้ายจัง พวกคุณก็คงจะตอบว่า ก็ไม่ใจร้ายนิแค่ไม่อยากคุย บางทีการที่ผู้หญิงบางคนยังไม่ยอมคบใครมันก็มีเหตุผลมากกว่าคำว่าลืมคนเก่าไม่ได้ แค่เราสามารถหาทุกอย่างได้ด้วยตัวเองแล้ว และก็ไม่เห็นว่าผู้ชายมีความจำเป็นกับชีวิตพวกเธอแล้วเท่านั้น การปล่อยให้มัผ่านไปนั้นคือสิ่งที่ยังสามารถรักษาอิสระได้ นั้นคือที่ฉันคิด จริง ๆ โลกนี้ก็ไม่ได้สอนให้ฉันใจดีกับทุกคนหรอก
ความรู้สึกของผู้หญิงกับผู้ชาย อะไรที่บอกว่าผู้หญิงใจร้าย? และอะไรที่บอกว่าผู้ชายใจร้าย?
หรือไร้เหตุผล แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ดูแล ไม่สนใจเลย ฉันรู้จักว่าเวลาไหนควรทะเลาะ เวลาไหนไม่ควรทะเลาะ ฉันอธิบายไม่ถูกว่ามันเป็นแบบไหน แต่ถ้าแฟน
มีปัญหาฉันสามารถแก้ไขให้ได้ ฉันสามารถไปไหนมาไหนได้ดวยตัวเอง ฉันสามารถเขากับเพื่อน ๆ ของเเฟนได้ เมื่อทำผิดฉันจะยอมขอโทษแต่โดยดี เมื่อเราทะเลาะกันฉันมักจะคุยให้จบในวันเดียว คือเราจะนั่งคุยกันจบคือจบ ฉันเป็นคนเจ้าระเบียบ และชอบเลี้ยงสัตว์มาก มันอาจดูจะเฟอร์เฟคถ้าคุณได้แฟนนิสัยแบบนี้ แต่มันไม่เสมอไปสำหรับผู้ชายบางคน บางครั้งฉันก็ไม่เข้าใจเท่าไร บางคนบอกว่าฉันควรหึงบาง แต่ฉันมองว่าถ้าฉันหึงไม่เข้าท่า ไม่ใช่ว่าหน้าแตกหรอกเหรอ บางคนบอกว่าเธอควรสนใจฉันบ่าง อืม...ก็เวลาที่ฉันโทรหา เขามักจะบอกว่าไม่ว่าง หรืออยู่กับพ่อแม่ ฉันเลยคิดว่าอืมงั้นไว้ว่างก็โทรมาแล้วกัน สองสาเหตุนี้ทำให้ฉันถูกบอกเลิก ทุกครั้งที่ถูกบอกเลิกฉันจะถามตัวเองเสมอว่าฉันพลาดอะไร แต่ว่ากันถึงที่สุด ฉันไม่อาจเป็นผู้หญิงที่เป็นผู้หญิง 100% ได้ฉันไม่อาจหึงหวงแบบไร้เหตุผลได้ พวกคุณคงไม่ชอบหรอกถ้ามีคนตามติดคุณตลอดเวลา เข้าใกล้ใครไม่ไม่ได้ เพื่อนที่คบมาเป็น 10 ๆ ปีก็เป็นอันต้องหยุดเจอกันเพราะแฟนคุณไม่ชอบ ฉันไม่ใช่คนที่มีเพื่อนมากมาย ฉันเป็นคนที่เป็นมิตรกับทุกคน แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นเพื่อนกับทุกคน เพราะฉันคิดว่าการมีเพื่อนสนิทแค่เท่าที่มีฉันก็ดีอยู่แล้ว ฉันชอบพึ่งตัวเองก่อนจะข้อความช่วยเหลือถ้าเรื่องนั้นผู้หญิงอย่างฉันไม่สามารถทำได้ ฉันเคยคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่มีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ผู้ชายอยากมได้
ฉันมีหน้าตาที่มองแล้วรู้ว่าสวย ฉันมีสติปัญญาที่สามารถแก้ไขปัญหาส่วนตัว และปัญหาในธุรกิจได้ดี ฉันสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีมาก ฉันมีคติที่ว่าในเมื่อฉันมองว่าตัวเองมีความสามารถอยู่กับตัว ฉันต้องทำให้มันมีประโยชน์ ฉันไม่ได้หมั่นใจในตัวเองทุกเรื่อง อะไรที่ฉันทำไม่ได้ฉันจะฟังคนที่ทำเป็นก่อนเสมอ แล้วจะเรียนรู้ว่าคน ๆ นั้นมีนิสัยแบบไหน ฉันจึงเป็นคนที่ไม่ค่อยโกธรเกลียดใคร เพราะฉันมองว่าทุกนั้นต่างมีพฤติกรรมและการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน ฉันไม่ได้บอกตัวเองเป็นผู้หญิงเข้มแข็ง เพราะยังไงผู้หญิงก็ยังมีมุมที่อ่อนแอ เพียงแค่ฉันเป็นคนที่เจ็บไม่นาน ฉันยังรักตัวเอง และยังเรียนรู้ที่จะวางมันลงแล้วอยู่ด้วยตัวเอง แต่มันไม่ได้หมายความฉันจะสามารถเดินต่อกับคนใหม่ ๆ ได้เลย เหมือนที่ผู้ชายบางคนชอบบอกผู้หญิงว่าผมยังไม่พร้อมเข้าใจนะ ฉันก็เป้นแํนยังไม่พร้อม แต่ฉันไม่ได้ขอให้พวกเขาเข้าใจ ฉันแค่บอกว่าสำหรับฉันทุกอย่างมันอยู่ที่เวลา เวลาที่เราเลิกกับใครสักคน เราจะต้องผ่าน 3 ระยะสำคัญคือ 1.ระยะที่เจ็บมาก สำหรับฉันระยะนี้ฉันใช้เวลา 2 อาทิตย์อย่างที่บอกว่าทุกครั้งที่โดนบอกเลิกฉันจะถามตัวเองก่อน มองตัวเองก่อนว่าฉันมีส่วนที่ทำให้ความรักครั้งนี้มันพังลงหรือเปล่า 2.ระยะเจ็บน้อยลงแต่ยังลืมไม่ได้ กรณีนี้ฉันใช้เวลา 1 - 2 ปีในการเริ่มเข้าสู้ระยะที่ 3.คือเดินต่อไป ระยะนี้ฉันเปิดโอกาสคบแล้ว ฉันมีแฟนแล้วเขาก็เขามาจีบฉันก่อน ฉันก็ตอบตกลง ฉันก็ทำแบบที่ฉันเคยทำมันดูเหมือนจะดีนะเรานิสัยคลาย ๆ กันแต่ติดอย่างเดียวคือ ฉันรู้สึกว่าความคิดเขาไม่โตแต่ก็ไม่ได้ตัดสินขนาดนั้น จนวันหนึ่งอยู่เขาก็บอกฉันว่าเขาลืมเเฟนเก่าไม่ได้ ฉันก็เข้าใจแล้วก็ให้โอกาสเขาโดยยังอยู่ข้าง ๆ นะ แต่แล้วเขาก็ทำให้ฉันเห็นว่าเข้าไม่สามารถ Growth Mindset ได้เลย และฉันคงไม่ลงไปจมเป็นเพื่อนเขาแน่ ๆ
หลังจากนั้นฉันก็คุยกับคนอื่น ๆ ฉันก็เดทกับคนที่อยากเดทกับฉัน แล้วสิ่งที่ฉันเจอคือพวกเขาต้องการผู้หญิงสวยแต่ไม่ต้องการผู้หญิงที่เก่ง และมีความคิดแวกแนวเกินไป หลังจากนั้นฉันก็คิดว่าการที่ฉันต้องมานั่งปรับตัวเพื่อให้ถูกใจใคร มันเหนื่อย ฉันอยากได้ตัวตนของฉันคืนมาและการอยู่คนเดียวเป็นอะไรที่ฉันมีความสุข แล้วการที่ฉันจะอ่านไม่ตอบมันผิด มันใจร้ายตรงไหน งั้นถามกลับถามผู้ชายอ่านไม่ตอบแล้วโดนผู้หญิงพูดบ่อย ๆ ว่าใจร้ายจัง พวกคุณก็คงจะตอบว่า ก็ไม่ใจร้ายนิแค่ไม่อยากคุย บางทีการที่ผู้หญิงบางคนยังไม่ยอมคบใครมันก็มีเหตุผลมากกว่าคำว่าลืมคนเก่าไม่ได้ แค่เราสามารถหาทุกอย่างได้ด้วยตัวเองแล้ว และก็ไม่เห็นว่าผู้ชายมีความจำเป็นกับชีวิตพวกเธอแล้วเท่านั้น การปล่อยให้มัผ่านไปนั้นคือสิ่งที่ยังสามารถรักษาอิสระได้ นั้นคือที่ฉันคิด จริง ๆ โลกนี้ก็ไม่ได้สอนให้ฉันใจดีกับทุกคนหรอก