คนที่คบกันอยู่แต่ต้องเลิกกันเพราะอีกฝ่ายมีคนอื่นนั้นมีหลายคู่ในสังคมเลยทีเดียว แต่ในครั้งนี้จะไม่ขอพูดถึงเคสที่โดนจับได้แบบคาหนังคาเขา เพราะนั่นคงจะดูธรรมดาทั่วไป
แต่จะขอพูดถึงเคสที่ต้องเลิกกันเพราะมาจากความไม่เชื่อใจโดยขอขยายความก่อนว่าไม่เชื่อใจในที่นี้มันไม่ได้หมายถึงไม่เชื่อใจเฉยๆนะ แต่มันหมายถึงความรู้สึกที่ว่า ให้ตายยังไงฉันก็จะไม่มีทางเชื่อใจเธออีกแน่ๆ โดยเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดเคสนี้99.9%เลยก็ว่าได้คือหลังจากที่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มนอกใจ จริงอยู่ว่าการนอกใจมันเป็นเรื่องที่ให้อภัยกันไม่ได้ ซึ่งแน่นอนคนบางกลุ่มก็เลือกตัดปัญหาไปเลยก็คือการเลิกมันซะตรงนั้น
แต่กลับกันคนบางกลุ่มด้วยอะไรก็ตามแต่ที่มีในความรู้สึกทำให้เขาได้ตัดสินใจให้อภัยซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายชายนอกใจฝ่ายหญิง หรือฝ่ายหญิงไปนอกใจฝ่ายชาย แน่นอน...ทั้งสองจะกลับมาคุยกัน สัญญากัน และจบลงที่ให้โอกาสกัน ความรักมันทำให้คนตาบอดประโยคนี้มันช่างเกินคำบรรยายซะจริงๆ
ทำไมน่ะเหรอก็เพราะคนที่ให้อภัยกันเหตุผลนั่นมีไม่มากเลยแทบจะจดลงใน1หน้ากระดาษA4ได้ เช่นอะไรน่ะเหรอ ก็อย่างเสียดายเวลาบ้างหล่ะ? คนนี้อาจเป็นรักแท้ก็ได้บ้างหล่ะ? หรือจะเป็น คบมาตั้งนานแล้วอะไรดีดีที่ทำร่วมกันหล่ะจะทิ้งมันไปงั้นเหรอ? จนสุดท้ายท้ายสุดแล้วก็ให้อภัยกัน.....นั่นไงเข้าแก๊บ
จะบอกอะไรให้เอาไปคิดนะไม่อยากรับรู้ก็ได้ก็แค่ปิดบทความนี้ไป คือเอาหล่ะหลังจากที่ให้อภัยแล้วคุณได้อะไร?? โอเคหล่ะคุณมีความสุข(ช่วงแรกๆน่ะนะใช่ผมไม่เถียงแน่นอน) อยู่ใกล้กันยังไงก็ไม่ทำอีก(เพราะทำอีกมีหวังโดนตบคว่ำได้) แต่หลังจากนั้นนี่สิพอกาลเวลาล่วงเลยผ่านไปนานแสนนาน.....หลังจากนั้นหน้าที่ความรับผิดชอบก็ได้ตามเข้ามา
เกิดเป็นระยะทางความไกลห่างขึ้น นั่นไงโป้ะเช้ะและแล้วก็มาถึง เวลาอันแสนเลวร้ายที่ไม่สามารถหยุดได้ รออะไรหล่ะผลกระทบของการกระทำในอดีตพุ่งขึ้นมาโผล่ในหัวทั้งสองฝ่ายแบบไม่รู้ตัวอยู่ๆมันมาจากไหนหนอ ฝ่ายที่โดนนอกใจหลังจากลืมๆมานานอยู่ๆก็ฉุดคิดขึ้นมาว่าเอ้ะห่างกันรอบนี้อีกฝ่ายจะทำแบบเดิมหรือป่าวเนี่ย
ส่วนฝ่ายที่เคยนอกใจเนื่องจากตรรกะ,จิตใต้สำนึกหรืออะไรก็ตามแต่ก็คิดเองเออเองหล่ะว่า เอ..จะโดนอีกฝ่ายที่ไม่ได้ทำเอาคืนเราบ้างหรือป่าวนะ(ซะงั้นแต่มันมีคนประเภทนี้จริงๆ)....กลัวเขาไปเจอคนที่ดีกว่าแล้วตัดสินใจชอบ เหมือนที่ตัวเองเคยทำในอดีต(เอาความชั่วตัวเองไปเป็นเกณฑ์ให้อีกฝ่ายเฉย) ปิ๊งป่อง!@$!เรียบร้อยรออะไร ทะเลาะกันไงจะเหลือเหรอ ความไม่เชื่อใจเพิ่มทวีขึ้นมาแบบงงๆงวยๆอยู่ๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนฉุดไม่อยู่
สุดท้ายกลายเป็นต่างฝ่ายยิ่งรักยิ่งเจ็บไปซะดื้อๆ คนรักมากแทนที่จะดีเหมือนมีความรักให้อีกฝ่ายมากกลายเป็นจู่ๆยิ่งรักมากยิ่งเจ็บมาก แถมต่างฝ่ายต่างทำตัวเป็นหมาหวงก้างของกันและกันแยกไม่ออกว่าใครเป็นใครนั่นเพื่อนเธอกลุ่มทำงานเหรอ? หรือเพื่อนกลุ่มนักเล่นดนตรีหล่ะ? ประชดกันเข้าไป
เอาง่ายๆก็คือพาลให้เสียการเสียงานของกันและกันไม่เป็นอันทำอะไร
มองเพียงแต่ว่าถ้าเป็นเพศตรงข้ามเข้ามาหาคนรักเราก็กลัวไปหมด
เลยทำให้ทั้งคู่ไม่มีความสุขในความรักของกันอีกแล้ว คือมันทำไงก็ไม่มีความสุขจริงๆในจังหวะนี้หรือมีแหละแต่มันยากมากๆเลยก็ว่าได้ หลังจากที่เวลาไม่ได้ตรงกันเหมือนแต่ก่อน ต่างฝ่ายต่างกลัวลับหลังเขาจะไปชอบใครหรือไม่ จนฉากสุดท้ายก็มาถึงสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นก็ได้เกิด...การเลิกรา....โดยเป็นการเลิกราที่รู้กัน คือทั้งคู่เหมือนมองตาก็รู้ใจคุยไลน์ก็รู้กันอารมณ์คงประมาณนั้นฉันและเธอแยกทางกันมันคงดี(ทำนองนี้) เพราะเหมือนกับว่ามันเหนื่อยมากๆนั่นเองแหละ
สรุปเลยบทความนี้ไม่ได้จะเสนออะไรมากหรอกเพราะจริงๆก็เสนอไปเยอะแล้วแต่ที่อยากสื่อจริงๆ ก็คือแค่ถ้าเราอยากมีความรักที่สมบูรณ์แบบมันสามารถทำได้มันไม่ได้มีแต่ในนิยายเท่านั้นหรอก รักที่สมบูรณ์แบบมันไม่ได้ยากเลยสักนิด คุณเคยรักใครจริงๆสักคนไหมลองถามตัวคุณเองเป้าหมายของรักที่ดีคือการทำให้อีกฝ่ายมีความสุขใช่ไหม?? เหมือนที่พ่อแม่ทำให้ลูกๆ แต่นี่ก็แค่เปลี่ยนเป็นตัวคุณกับตัวเขาโดยความสุขนั่นอาจมาจากตัวคุณเองเพราะเขาก็ชอบคุณแล้วมีความสุขนั่นก็ดีไป หรืออาจจะมาจากการทำอะไรร่วมกันแล้วมีความสุขแบบนั้นก็ได้
แต่!!ถ้าคุณคิดจะรักใครหรือใครมารักคุณแล้วเขาได้เกิดนอกใจคุณขึ้นมานั้น....เมื่อเขาได้นอกใจไปแล้ว! จากบทความข้างต้นนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณว่าคุณจะตัดปัญหาไปมองว่านี่ไม่ใช่รักแท้แล้วแหละ หรือจะเก็บรักที่เจ็บปวดนี้ไว้ละบั่นทอนชีวิตคุณไปเรื่อยๆ เพราะเอาจริงๆการที่เรารักใครแบบจริงจังสักคนเราจะไม่อยากทำให้เขาผิดหวังเลยนะ ซึ่งไอ่การนอกใจมันเป็นอะไรที่ทำให้ฝ่ายที่โดนผิดหวังอย่างรุนแรงและตั้งใจด้วย เพราะการนอกใจ=การตั้งใจนอกใจไปมีคนอื่น และยังไงก็ตามเมื่อเขาได้นอกใจไปแล้วแสดงว่าในขณะนั้นใจเขาไม่ได้อยู่กับคุณใช่ไหม?แล้วคุณจะให้โอกาสเขาทำไม หวังว่ามุมมองของคุณจะเปลี่ยนไปไม่มากก็น้อยอ้ะแล้วแต่เลย
ถ้ามันทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นหรือเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับความรักของคุณได้ผมก็ยินดี
คิดยังไงกับบทความนี้ครับ55555ยาวหน่อยแต่ลองอ่านดูอ่านจบแล้วมีข้อคิดเห็นยังไงบ้าง??
แต่จะขอพูดถึงเคสที่ต้องเลิกกันเพราะมาจากความไม่เชื่อใจโดยขอขยายความก่อนว่าไม่เชื่อใจในที่นี้มันไม่ได้หมายถึงไม่เชื่อใจเฉยๆนะ แต่มันหมายถึงความรู้สึกที่ว่า ให้ตายยังไงฉันก็จะไม่มีทางเชื่อใจเธออีกแน่ๆ โดยเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดเคสนี้99.9%เลยก็ว่าได้คือหลังจากที่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มนอกใจ จริงอยู่ว่าการนอกใจมันเป็นเรื่องที่ให้อภัยกันไม่ได้ ซึ่งแน่นอนคนบางกลุ่มก็เลือกตัดปัญหาไปเลยก็คือการเลิกมันซะตรงนั้น
แต่กลับกันคนบางกลุ่มด้วยอะไรก็ตามแต่ที่มีในความรู้สึกทำให้เขาได้ตัดสินใจให้อภัยซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายชายนอกใจฝ่ายหญิง หรือฝ่ายหญิงไปนอกใจฝ่ายชาย แน่นอน...ทั้งสองจะกลับมาคุยกัน สัญญากัน และจบลงที่ให้โอกาสกัน ความรักมันทำให้คนตาบอดประโยคนี้มันช่างเกินคำบรรยายซะจริงๆ
ทำไมน่ะเหรอก็เพราะคนที่ให้อภัยกันเหตุผลนั่นมีไม่มากเลยแทบจะจดลงใน1หน้ากระดาษA4ได้ เช่นอะไรน่ะเหรอ ก็อย่างเสียดายเวลาบ้างหล่ะ? คนนี้อาจเป็นรักแท้ก็ได้บ้างหล่ะ? หรือจะเป็น คบมาตั้งนานแล้วอะไรดีดีที่ทำร่วมกันหล่ะจะทิ้งมันไปงั้นเหรอ? จนสุดท้ายท้ายสุดแล้วก็ให้อภัยกัน.....นั่นไงเข้าแก๊บ
จะบอกอะไรให้เอาไปคิดนะไม่อยากรับรู้ก็ได้ก็แค่ปิดบทความนี้ไป คือเอาหล่ะหลังจากที่ให้อภัยแล้วคุณได้อะไร?? โอเคหล่ะคุณมีความสุข(ช่วงแรกๆน่ะนะใช่ผมไม่เถียงแน่นอน) อยู่ใกล้กันยังไงก็ไม่ทำอีก(เพราะทำอีกมีหวังโดนตบคว่ำได้) แต่หลังจากนั้นนี่สิพอกาลเวลาล่วงเลยผ่านไปนานแสนนาน.....หลังจากนั้นหน้าที่ความรับผิดชอบก็ได้ตามเข้ามา
เกิดเป็นระยะทางความไกลห่างขึ้น นั่นไงโป้ะเช้ะและแล้วก็มาถึง เวลาอันแสนเลวร้ายที่ไม่สามารถหยุดได้ รออะไรหล่ะผลกระทบของการกระทำในอดีตพุ่งขึ้นมาโผล่ในหัวทั้งสองฝ่ายแบบไม่รู้ตัวอยู่ๆมันมาจากไหนหนอ ฝ่ายที่โดนนอกใจหลังจากลืมๆมานานอยู่ๆก็ฉุดคิดขึ้นมาว่าเอ้ะห่างกันรอบนี้อีกฝ่ายจะทำแบบเดิมหรือป่าวเนี่ย
ส่วนฝ่ายที่เคยนอกใจเนื่องจากตรรกะ,จิตใต้สำนึกหรืออะไรก็ตามแต่ก็คิดเองเออเองหล่ะว่า เอ..จะโดนอีกฝ่ายที่ไม่ได้ทำเอาคืนเราบ้างหรือป่าวนะ(ซะงั้นแต่มันมีคนประเภทนี้จริงๆ)....กลัวเขาไปเจอคนที่ดีกว่าแล้วตัดสินใจชอบ เหมือนที่ตัวเองเคยทำในอดีต(เอาความชั่วตัวเองไปเป็นเกณฑ์ให้อีกฝ่ายเฉย) ปิ๊งป่อง!@$!เรียบร้อยรออะไร ทะเลาะกันไงจะเหลือเหรอ ความไม่เชื่อใจเพิ่มทวีขึ้นมาแบบงงๆงวยๆอยู่ๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนฉุดไม่อยู่
สุดท้ายกลายเป็นต่างฝ่ายยิ่งรักยิ่งเจ็บไปซะดื้อๆ คนรักมากแทนที่จะดีเหมือนมีความรักให้อีกฝ่ายมากกลายเป็นจู่ๆยิ่งรักมากยิ่งเจ็บมาก แถมต่างฝ่ายต่างทำตัวเป็นหมาหวงก้างของกันและกันแยกไม่ออกว่าใครเป็นใครนั่นเพื่อนเธอกลุ่มทำงานเหรอ? หรือเพื่อนกลุ่มนักเล่นดนตรีหล่ะ? ประชดกันเข้าไป
เอาง่ายๆก็คือพาลให้เสียการเสียงานของกันและกันไม่เป็นอันทำอะไร
มองเพียงแต่ว่าถ้าเป็นเพศตรงข้ามเข้ามาหาคนรักเราก็กลัวไปหมด
เลยทำให้ทั้งคู่ไม่มีความสุขในความรักของกันอีกแล้ว คือมันทำไงก็ไม่มีความสุขจริงๆในจังหวะนี้หรือมีแหละแต่มันยากมากๆเลยก็ว่าได้ หลังจากที่เวลาไม่ได้ตรงกันเหมือนแต่ก่อน ต่างฝ่ายต่างกลัวลับหลังเขาจะไปชอบใครหรือไม่ จนฉากสุดท้ายก็มาถึงสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นก็ได้เกิด...การเลิกรา....โดยเป็นการเลิกราที่รู้กัน คือทั้งคู่เหมือนมองตาก็รู้ใจคุยไลน์ก็รู้กันอารมณ์คงประมาณนั้นฉันและเธอแยกทางกันมันคงดี(ทำนองนี้) เพราะเหมือนกับว่ามันเหนื่อยมากๆนั่นเองแหละ
สรุปเลยบทความนี้ไม่ได้จะเสนออะไรมากหรอกเพราะจริงๆก็เสนอไปเยอะแล้วแต่ที่อยากสื่อจริงๆ ก็คือแค่ถ้าเราอยากมีความรักที่สมบูรณ์แบบมันสามารถทำได้มันไม่ได้มีแต่ในนิยายเท่านั้นหรอก รักที่สมบูรณ์แบบมันไม่ได้ยากเลยสักนิด คุณเคยรักใครจริงๆสักคนไหมลองถามตัวคุณเองเป้าหมายของรักที่ดีคือการทำให้อีกฝ่ายมีความสุขใช่ไหม?? เหมือนที่พ่อแม่ทำให้ลูกๆ แต่นี่ก็แค่เปลี่ยนเป็นตัวคุณกับตัวเขาโดยความสุขนั่นอาจมาจากตัวคุณเองเพราะเขาก็ชอบคุณแล้วมีความสุขนั่นก็ดีไป หรืออาจจะมาจากการทำอะไรร่วมกันแล้วมีความสุขแบบนั้นก็ได้
แต่!!ถ้าคุณคิดจะรักใครหรือใครมารักคุณแล้วเขาได้เกิดนอกใจคุณขึ้นมานั้น....เมื่อเขาได้นอกใจไปแล้ว! จากบทความข้างต้นนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณว่าคุณจะตัดปัญหาไปมองว่านี่ไม่ใช่รักแท้แล้วแหละ หรือจะเก็บรักที่เจ็บปวดนี้ไว้ละบั่นทอนชีวิตคุณไปเรื่อยๆ เพราะเอาจริงๆการที่เรารักใครแบบจริงจังสักคนเราจะไม่อยากทำให้เขาผิดหวังเลยนะ ซึ่งไอ่การนอกใจมันเป็นอะไรที่ทำให้ฝ่ายที่โดนผิดหวังอย่างรุนแรงและตั้งใจด้วย เพราะการนอกใจ=การตั้งใจนอกใจไปมีคนอื่น และยังไงก็ตามเมื่อเขาได้นอกใจไปแล้วแสดงว่าในขณะนั้นใจเขาไม่ได้อยู่กับคุณใช่ไหม?แล้วคุณจะให้โอกาสเขาทำไม หวังว่ามุมมองของคุณจะเปลี่ยนไปไม่มากก็น้อยอ้ะแล้วแต่เลย
ถ้ามันทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นหรือเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับความรักของคุณได้ผมก็ยินดี