ที่บ้านอยากให้เป็น 'หมอ' แต่เราไม่อยากเป็นควรทำไงดี

เราเป็นลูกคนโต ยอมรับละว่าเรียนเก่งในระดับหนึ่ง ได้ทุนการศึกษาทุกปี แม่ยังได้รางวัลแม่ดีเด่นอีก เพราะงั้นพ่อเลยหวังอย่างมากเลยว่าเราจะได้เป็นนักศึกษาแพทย์ เราไม่อาจจะทำลายความหวังนั้นเลยได้แต่ยิ้มรับ

เพราะงั้นตอนเรียนมัธยมถึงได้เลือกเรียนในสิ่งที่ตัวเองเกลียดที่สุด วิทย์-คณิต เพื่อจะได้ไปสอบหมอได้และเพื่อทางถอยให้ตัวเองด้วยเพราะเรียนสายนี้มีโอกาศเลือกเรียนต่อได้หลากหลาย ช่วงแรกๆก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เรายังสามารถสอบชิงทุนได้อยู่ แต่พอมาถึงเทอมสุดท้ายของการเรียนเกรดเรากลับตกลงมาอย่างน่าใจหาย 2.98 นี้ไม่ใช้ตัวเลขที่ดีเลย ถึงแม่เมื่อเฉลี่ยร่วมกับเทอมอื่นๆยังคงสูงอยู่ก็ตาม

แต่ตอนั้นเราก็รู้ตัวแล้วว่านี้คือที่สุดของเราแล้ว เราไม่ใช้อัจฉริยะ เราทั้งความจำสั้น และหัวช้าจึงพยายามมาตลอดเพื่อความหวังนั้นแต่เกรดที่ได้เทอมนั้นมันทำให้เราเริ่มกลัว เราเคยมันใจมาตลอดว่าจะสอบติดแพทย์แต่ตัวเลขเจ้ากรรมนั้นมันก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเราไม่เลิก เราไปปรึกษากับอาจารย์แนะแนวหลายครั้งแต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เรายังคงกังวลอยู่

เราตัดสินใจไปสอบแพทย์แต่สุดท้ายก็ไม่ติดเพราะไม่สามารถทำข้อสอบให้ทันเวลาได้เลยซักพาท คะแนนที่ประกาศออกมาจึงเป็นที่คาดเดาได้ว่าไม่ติดแน่ๆ เราไม่รู้จะไปทางไหนหรือจะเรียนต่ออะไรดีสุดท้ายจึงจบลงที่โควตาของมหาลัยหนึ่ง

เขารับแค่คนเดียวและนั้นก็คือโอกาศของเรา เราคว้าเอาไว้มันเป็นฟางเส้นสุดท้าย ถึงแม้เราจะไม่รู้เลยว่าไอ้คณะนี้สาขานี้สอนหรือเรียนเกี่ยวกับอะไร รู้แต่ว่ามันเป็นสาขาที่เปิดใหม่เท่านั้น เราเรียนมาได้ 1 ปีแล้ว กำลังจะขึ้นปี 2 ถึงพบว่าที่นี้มีอะไรมากมายให้เราได้เรียนรู้ มีหลายอย่างที่เราไม่นึกว่าตัวเองจะทำอย่างนี้ได้

เราได้รับคำชมมากมายจากรุ่นพี่ อาจารย์ หรือแม้แต่เพื่อนรุ่นเดียวกันที่เขาผ่านการเรียนสายนี้โดยตรงยังเรียกเราว่าเจ้าหน้าที่ ซึ่งมันเป็นคำเรียกหาที่ดูเท่ดีนะ

เรามีความสุขที่ได้เรียนในสาขานี้ได้พบเพื่อนดีๆที่เราไม่เคยมี เพราะแต่ก่อนเราบ้าเรียนมากๆเวลาพักก็คลุกอยู่แต่ในห้องสมุดไม่ได้คลุกคลีกับใครดังนั้นค่า EQ เราจึงต่ำมากไป แต่ตอนนี้เรามีเพื่อนมากมายที่พร้อมจะแชร์ความรู้ใหม่ๆให้เรา ได้ลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ จากคนที่ว่ากลัวดอกพิกุลล้วงจากปาก ตอนนี้พูดพรีเซ็นได้อย่างครองปากแล้ว

แต่พ่อก็ยังมาบอกให้เราไปสอบแพทย์อีกครั้งตลอด และทุกครั้งเราก็หาเหตุผลบอกปัดออกไปเสมอ ไม่ว่าจะเรื่องค่าสมัครสอบ ค่าเดินทางมาสอบ เราก็ยกมาตลอดบ่อยครั้งที่ต้องแกล้งโมโหใส่ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงวันรวมญาติเลยเพราะเมื่อไหร่ที่เจอหน้าเรา พวกคนเฒ่าคนแก่ก็มักจะพูดว่า ว่ายังไงละคุณหมอใหญ่ เมื่อไหร่จะใส่ชุดคุณหมอมาให้ดู

เรารู้ว่าทุกคนคาดหวังเพราะว่าในตระกูลนี้ไม่มีใครที่ฉลาดเหมือนเราเลย ส่วนใหญ่จะเรียนไม่จบชั่นมัธยมต้นด้วยซ้ำ ยกเว้นลูกพี่ลูกน้องเราคนนึ่งที่ตอนนี้เรียนมหาลัยปี 3 แล้ว แต่เพราะพี่เขานั้นไม่ได้มีผลงานที่โรงเรียนโดดเด่นเหมือนเราทุกคนเลยไม่มีใครสนใจซักเท่าไหร่ อีกอย่างเพราะพี่เขาเลือกเรียนการตลาดทุกคนเลยยิ่งแบะปากใส่เขากันใหญ่โดยที่ไม่ได้ดูเลยว่าลูกตัวเองก็เรียนไม่จบด้วยซ้ำ

และเพราะเราเรียนค่อนข้างเก่ง และมีเกียรติบัตรมาติดประดับบ้านอยู่หลายใบทุกคนเลยมุ้งเป้ามาที่เรา เราทั้งอึดอัดและคับข้องใจเพราะเราไม่ได้อยากเป็นหมอที่จืดชืดแบบนั้น

และเรารู้ดีว่าตัวเองไม่ได้เรียนเก่งอะไร เพียงแค่ใช้ความพยายามตะเกียกตะกายพาตัวเองขึ้นมาเท่านั้นคงเพราะไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลยพากันคาดหวังกันใหญ่โดยเฉพาะพ่อของเราที่หนักกว่าใคร เพราะไม่ยอมให้เราบอกคนในตระกูลเลยว่าไม่ได้เรียนหมอแล้วแต่เรียนอย่างอื่น ทุกครั้งที่พวกญาติๆพูดถึงการเรียนหมอออกมาเราก็ได้แต่ยิ้มรับและเอาความรู้เก่าๆตอนเรียนชีวะมาเล่าให้ฟัง

โชคดีที่โรงเรียนเราวิชานี้สอนการผ่าตัดอวัยวะต่างๆของหมูที่มีความคล้ายคลึงมนุษย์และยังมีการปฏิบัติจริง และโชคดีอย่างหนึ่งคือเราได้มีโอกาศไปฟังการบรรยายเกี่ยวกับเรื่องร่างก่ายมนุษย์มาเยอะพอควรและยังได้มีโอกาศสัมพัทธ์อาจารย์ใหญ่อีกด้วย นั้นจึงทำให้เราสามารถหาเรื่องมาคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ได้

แต่ยิ่งได้รู้เรื่องราวของการเรียนแพทย์มากขึ้น ถึงแม้จะไม่ใช้โดยตรงแต่ก็รู้มาบ้างว่าต้องเจอกับอะไร (เราไม่ได้กลัวอาจารย์ใหญ่นะ ตรงข้ามกับชอบด้วยซ้ำ) แต่ที่เรากลัวกลับเป็นเนื้อหาการเรียน เรากลัวสู้คนอื่นไม่ได้ กลัวที่จะเรียนไม่ทัน กลัวที่จะเข้ากับคนอื่นไม่ได้  กลัวเป็นตัวตลก  กลัวต้องรีไทร์  กลัวชิงทุนไม่ได้

ที่ผ่านมาเราเรียนโดยใช้ทุนจ่ายค่าเทอมตลอด เพราะฐานะทางบ้านไม่ดี ดังนั้นถ้าเราเรียนแพทย์ แต่กลับไม่สามารถชิงทุนได้ละ และไหนจะค่าอุปกรณ์อีก แต่ถึงอย่างนั่นพ่อกลับยืนกรานโดยไม่ฟังเราเลยว่าเราลำบากใจแค่ไหน ทางปู่กับย่าเองก็พูดหมอใหญ่ หมอใหญ่อยู่ได้ เราไม่ได้อยากเป็นหมอซักหน่อย

เราควรทำยังไงดี เรามีความสุขกับตอนนี้ มีความสุขที่จะเรียนสาขาที่เราเรียนนี้ ถึงแม้ตอนแรกมันจะเหมือนฟางเส้นสุดท้าย แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่ามันไม่ใช้ มันคือสิ่งที่ฟ้าลิขิตมาให้เรา เพราะรู้ว่าเราต้องการอะไรมากที่สุด ที่ผ่านมาเราไม่เคยนึกฝันว่าตัวเองจะเรียนสาขานี้ เพราะสายวิทย์-คณิต ที่เราเรียนมานั้นมันไม่ได้เข้ากับสาขานี้เลยคนส่วนมากสายศิลป์ซะด้วยซ้ำที่เรียนมีเราคนเดียวที่มาจากวิทย์คณิต แถมยังเป็นคนเดียวที่ไม่ได้สอบเข้าอีกด้วย เอกสารก็ไม่ได้ยื้นเพราะโรงเรียนจัดการให้เราแค่ตอบว่าจะเรียนไม่เรียนเท่านั้น เรื่องค่าเทอมในเทอมแรกก็ไม่ได้เสียแถมยังมีอุปกรณ์ให้ยื้มใช้กลับบ้านไม่จำเป็นต้องซื้ออีกต่างหาก เพื่อนก็ดีค่อยช่วยเหลือตลอด แถมยังพยายามหาอะไรแปลกๆมาให้เราทำเพื่อละลายพฤติกรรมอีกเพื่อนอย่างนี้หาที่ไหนได้กัน😄😄😄

ด้วยสภาพแวดล้อมต่างๆของที่นี้ แต่เดิมเคยคิดแค่ว่าจะเรียนๆไปก่อนปีหน้าค่อยเตรียมตัวสอบแพทย์ละกัน แต่ใครจะคิดว่าจะรักที่นี้ไปซะแล้วดังนั้นเลยไม่อยากกลับไปหาแพทย์ที่ดูชืดชานั้นอีก แต่พ่อไม่ยอมเข้าใจ เราควรทำยังไงดี ไม่อยากทะเลาะกับท่าน มาถึงตอนนี้เรากับพ่อแทบมองหน้ากันไม่ติดแล้ว เราพูดอะไรไป พ่อก็แทบไม่ค่อยตอบเลยทั้งที่แต่ก่อนนั้นพูดกันสนุกสนานอยู่แท้ๆ สิ่งเดียวที่เราทำให้พ่อได้ตอนนี้คือตบตาญาติผู้ใหญ่เท่านั้น แต่เราไม่อยากทำอย่างนี้แล้ว มันอึดอัดและทรมานมากเราไม่ใข้คนชอบโกหกหรืออะไรหรอกนะที่ทนมาได้ 1 ปีนี้ก็มากพอแล้วดังนั้นตอนนี้เราควรทำไงดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่