เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อ5-6ปีที่แล้ว เรากับผู้ชายคนหนึ่งทำงานที่เดียวกัน เราเจอหน้าเขาวันแรกบอกเลยว่าตกหลุมรักเพราะเขาหน้าตาเหมือนนักร้องที่เราชอบ เราบอกน้องที่สนิทกันว่าแอบชอบเขา น้องก็แสนดีไปบอกลูกน้องคนสนิทเขา หลังจากนั้นเขาก็มาแอบมองเราทำงานจากข้างหลังทุกวัน เขาจะเดินวนเวียนตรงที่เราทำงานทุกวัน มีน้องคนหนึ่งมากระซิบบอกเราว่า เขาแอบมองเวลาเราเล่นกับเพื่อนๆแล้วยิ้มบ้างหัวเราะบ้างไปกับพวกเราด้วย วันวาเลนไทน์เราซื้อช็อคโกแลตไปให้เขา น้องสนิทเราก็หวังดีกะเราไปบอกลูกน้องเขา เขาก็วนไปเวียนมาทั้งวัน จนในที่สุดเขาคงทนไม่ไหวเดินมาท้วงช็อคโกแลตจากน้องคนสนิทเรา แต่ตาก็มองเรา น้องหันมาสะกิด เราเลยหยิบช็อกโกแลตให้เขาแบบไม่กล้ามองหน้า เราอายมาก เขาบอก "ขอบคุณครับ"แล้วก็ส่งสายตาให้เรา เราก็หลบจ้า พอวันสงกรานต์ เขาก็มาตรงที่เดิมเกือบทั้งวัน ช่วงเย็นแล้วลูกน้องเขามาตามให้เราไปปะแป้งเขา เขารอเราอยู่ บอกตามตรงว่าอายมากไม่กล้าไป เราเองมาคิดว่าเขาก็คงชอบ แต่จะชอบแบบไหนแค่นั้น ระดับไหนนั้นอีกเรื่องหนึ่ง เขาหน้าตาดี ฐานะดี การศึกษาดี นิสัยก็ดีมีแต่คนชม เราหน้าตาดีในระดับหนึ่ง ฐานะทางบ้านจนหาเช้ากินค่ำ การศึกษาแค่ม.ปลาย เขาจบสูงแถมจบภาษาจากนอกอีก เราไม่กล้าจะเปิดใจกับเขา แม้แต่คุยกะเขายังไม่เคย ถึงแม้เขาดูเหมือนจะมีใจให้ แต่เราก็เจียมตัวเรา ขอเลือกรักในศักดิ์ศรีความจน ถึงจนก็ไม่จำเป็นต้องจับผู้ชายรวยให้เขาดูถูก เราทำงานที่นั้นเกือบปีแล้วตัดสินใจลาออกกลับบ้านตจว. เรากับเขาไม่เคยเจอกันเลยนับจากวั้นนั้น
จนในที่สุดเมื่อสองวันก่อน เรานั่งพักกลางวันที่ทำงาน ตรงจุดทางเข้าพนักงาน เรากินข้าวเสร็จ กำลังนั่งงวนอยู่กับการพับสนร้องเท้าคัชชูเพราะมันหนีบเท้า เราเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินมาแลกบัตรเพื่อจะกลับ แต่แปลกใจทำไมผู้ชายคนนั้นทำท่าอึ้งๆและผงะตอนมองเห็นเรา เราเลยแหงนหน้ามองเขาใหม่ให้ชัดๆ ทำไมหน้าตาเหมือนเขาของเราจัง เขามองหน้าเราตลอด เราก็มองเขา ในใจก็นึก แค่คนที่หน้าตาคล้ายกันไม่น่าใช่เพราะผู้ชายคนนี้ ผอมกว่า ดูโทรมดูแก่กว่า แต่เอะท่าทางสะพายเป้และสีของเป้เหมือนกัน เราบอกตัวเองอีก คงไม่ใช่หรอกโลกคงไม่กลมขนาดนั้น เขาก็ก้มเขียนเอกสารจนเสร็จ คิดงั้นเราก็ไม่สนใจอีก เรากลับมาทำงานก็นึกหรือจะคนเดียวกัน จำได้เลาๆว่า มีคนเอ่ยชื่อเขาเมื่อปีที่แล้ว แต่เราคงจำผิดไม่ใช่หรอก เราเลยตัดสินใจโพสท์ไลน์ระบายความรู้สึก ตกเย็นพี่ที่ทำงานมาถาม ว่าคนคนนี้หรอ เขาชื่อนี้แหละ เขาทำงานตำแหน่งนี้มาหลายปีแล้วนะ เราทั้งดีใจ ตื่นเต้น อาย เสียใจ มันปะปนระคนกันไปหมด คือเขาของเราทำงานอยู่ส่วนกลางในกรุงเทพ จะมาสาขาที่เราอยู่และสาขาอื่น เฉพาะมีการนับสต็อค ปีหนึ่งก็จะเข้าสาขาตจว.ที่ละสามสี่ครั้งแค่นั้น พี่เขายังว่าเขามาทุกปี เราบ่นแล้วทำไหมหนูไม่เคยเจอ พี่เขาว่าก็มันยังไม่เจอกันจะๆ ซึ่งหน้า เราทำงานคนละส่วนกะหน้าที่เขาด้วยเลยเป็นสาเหตุให้ไม่เจอ ที่แท้เขากะเราก็วนเวียนอยู่ใกล้ๆกัน เกือบจะตลอดระยะเวลาที่ไม่เจอกันก็ว่าได้ มีแต่คนบอกว่าเขากลับมาหาเรา เราเองก็ไม่รู้จะเป็นไงต่อ คงแล้วแต่ชะตาฟ้าลิขิต ต้นเดือนหน้าเขาจะต้องมาอีก ยังไงเดียวเรามาเล่าให้ฟังต่อ
ใครเคยเจอพรหมลิขิตแบบในละครบ้าง
จนในที่สุดเมื่อสองวันก่อน เรานั่งพักกลางวันที่ทำงาน ตรงจุดทางเข้าพนักงาน เรากินข้าวเสร็จ กำลังนั่งงวนอยู่กับการพับสนร้องเท้าคัชชูเพราะมันหนีบเท้า เราเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินมาแลกบัตรเพื่อจะกลับ แต่แปลกใจทำไมผู้ชายคนนั้นทำท่าอึ้งๆและผงะตอนมองเห็นเรา เราเลยแหงนหน้ามองเขาใหม่ให้ชัดๆ ทำไมหน้าตาเหมือนเขาของเราจัง เขามองหน้าเราตลอด เราก็มองเขา ในใจก็นึก แค่คนที่หน้าตาคล้ายกันไม่น่าใช่เพราะผู้ชายคนนี้ ผอมกว่า ดูโทรมดูแก่กว่า แต่เอะท่าทางสะพายเป้และสีของเป้เหมือนกัน เราบอกตัวเองอีก คงไม่ใช่หรอกโลกคงไม่กลมขนาดนั้น เขาก็ก้มเขียนเอกสารจนเสร็จ คิดงั้นเราก็ไม่สนใจอีก เรากลับมาทำงานก็นึกหรือจะคนเดียวกัน จำได้เลาๆว่า มีคนเอ่ยชื่อเขาเมื่อปีที่แล้ว แต่เราคงจำผิดไม่ใช่หรอก เราเลยตัดสินใจโพสท์ไลน์ระบายความรู้สึก ตกเย็นพี่ที่ทำงานมาถาม ว่าคนคนนี้หรอ เขาชื่อนี้แหละ เขาทำงานตำแหน่งนี้มาหลายปีแล้วนะ เราทั้งดีใจ ตื่นเต้น อาย เสียใจ มันปะปนระคนกันไปหมด คือเขาของเราทำงานอยู่ส่วนกลางในกรุงเทพ จะมาสาขาที่เราอยู่และสาขาอื่น เฉพาะมีการนับสต็อค ปีหนึ่งก็จะเข้าสาขาตจว.ที่ละสามสี่ครั้งแค่นั้น พี่เขายังว่าเขามาทุกปี เราบ่นแล้วทำไหมหนูไม่เคยเจอ พี่เขาว่าก็มันยังไม่เจอกันจะๆ ซึ่งหน้า เราทำงานคนละส่วนกะหน้าที่เขาด้วยเลยเป็นสาเหตุให้ไม่เจอ ที่แท้เขากะเราก็วนเวียนอยู่ใกล้ๆกัน เกือบจะตลอดระยะเวลาที่ไม่เจอกันก็ว่าได้ มีแต่คนบอกว่าเขากลับมาหาเรา เราเองก็ไม่รู้จะเป็นไงต่อ คงแล้วแต่ชะตาฟ้าลิขิต ต้นเดือนหน้าเขาจะต้องมาอีก ยังไงเดียวเรามาเล่าให้ฟังต่อ