เรามั่นใจและคาดหวังกับรุ่นน้องมากตั้งแต่ชนะบราซิลเมื่อปีก่อน และอีกหลายๆเกมก็สามารถทำผลงานได้ดี
แต่ถ้ามาวิเคราะห์จากฟอร์มการเล่นปีนี้แล้วมันทำให้เห็นว่านักกีฬาของเราอยู่ในช่วงเสียสมดุลอย่างชัดเจน
รุ่นพี่ดรอปอย่างเห็นได้ชัด ความกดดันจึงถูกพลักไปอยู่ที่รุ่นน้อง ซึ่งรุ่นน้องที่มองว่ากระดูกน่าจะแข็งแล้วแต่ก็ยังไม่เพียงพอ
ดังนั้นปีนี้รูปเกมของไทยจึงดูผิกแปลกไปหมด ไม่สมกับทีมไทยที่ขึ้นชื่อเรื่องสปีดบอลและบอลสูตรเลย
พอมาย้อนนึกหาสาเหตุแล้วน่าจะมีปัจจัยจากการวางแผนระยะยาวของโค้ช รุ่นพี่เจ็ดเซียนยืนยาวในสนามมาตลอดหลายปี
เรามองว่าโค้ชก็พยายามปั้น พยายามหาผู้เล่นคนอื่นมาทดแทนแต่ก็ไม่สามารถมีใครเบียดเจ็ดเซียนได้
เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ต้องเข็นรุ่นนี้ลงเล่นเพื่อให้ได้ชัยชนะมา ซึ่งใช้งานมาตลอดแทบไม่มีใครเบียนเป็นตัวยืนได้เลย
หลังจบปี 2013 แอบคาดหวังให้โค้ชดันรุ่นใหม่มาบ้าง เช่น เพียว และพู่ที่ติดทีมชาติมาสักพัก แต่ก็ไม่ได้ลง
ถ้าอำพรไม่เจ็บแนนก็คงไม่มีโอกาสได้ยืนตัวจริงในสนาม หรือต้องรอให้แต้มห่างท้ายเซตค่อยส่งเด็กลง เจอทีมอ่อนค่อยส่งรุ่นใหม่ลง
ไทยได้ลากรุ่นพี่มาใช้งานอย่างหนักจน แม้รุ่นน้องได้มีโอกาสลงสนามมาพิสูจน์ให้เห็นบ้าง เช่นในทัวร์คัดโอลิมปิก 2016
แม้จะดูเหมือนว่ามาช้าเกินไป แต่ก็มาช่วยทีมได้บ้างเพราะยังมีรุ่นพี่คอยประคองอยู่ จนถึง 2017
แต่พอมาปีนี้ทุกอย่างก็เหมือนระเบิดเวลา อายุการใช้งานเริ่มสึกหรอ ทั้งอายุและการบาดเจ็บ รุ่นพี่จึงไม่สามารถคืนฟอร์มตอนพีกๆได้อีกแล้ว
รุ่นน้องที่ถูกแฟนๆคาดหวังกลับทำผลงานได้ไม่ดี หวังจะพึ่งรุ่นพี่แต่ก็ไม่สามารถช่วยเกมหรือหาจุดเปลี่ยนใดๆได้
เราจึงเห็นได้จากทั้งสองสัปดาห์ที่ผ่านมาชัดเจนว่าตอนนี้ในทีมหาจุดสมดุลยังไม่เจอ
บางทีเราไม่อาจโทษอดีตที่ผ่านมาได้ หากตอนนั้นเราเลือกทำวิธีนั้นซึ่งมันเป็นวิธีที่ดีที่สุด
แต่อย่างไรก็ตามอยากให้คนดูเข้าใจปัจจัยของทีมไทยในแง่มุมนี้บ้าง วิเคราะห์หาสาเหตุในภาพกว้างๆแล้วเราจะได้เข้าใจทีมมากขึ้น
ฉะนั้นสิ่งเดียวที่จะทำให้ทีมไทยดีขึ้นก็คือ เวลา เมื่อถึงวันนั้นรุ่นน้องคงได้พิสูจน์ฝีมือให้เราเห็นสักทีว่าพวกเธอก็ไม่น้อยหน้ายุคเจ็ดเซียน


รุ่นพี่ขาลง รุ่นน้องขาขึ้น(ไม่ทัน)
แต่ถ้ามาวิเคราะห์จากฟอร์มการเล่นปีนี้แล้วมันทำให้เห็นว่านักกีฬาของเราอยู่ในช่วงเสียสมดุลอย่างชัดเจน
รุ่นพี่ดรอปอย่างเห็นได้ชัด ความกดดันจึงถูกพลักไปอยู่ที่รุ่นน้อง ซึ่งรุ่นน้องที่มองว่ากระดูกน่าจะแข็งแล้วแต่ก็ยังไม่เพียงพอ
ดังนั้นปีนี้รูปเกมของไทยจึงดูผิกแปลกไปหมด ไม่สมกับทีมไทยที่ขึ้นชื่อเรื่องสปีดบอลและบอลสูตรเลย
พอมาย้อนนึกหาสาเหตุแล้วน่าจะมีปัจจัยจากการวางแผนระยะยาวของโค้ช รุ่นพี่เจ็ดเซียนยืนยาวในสนามมาตลอดหลายปี
เรามองว่าโค้ชก็พยายามปั้น พยายามหาผู้เล่นคนอื่นมาทดแทนแต่ก็ไม่สามารถมีใครเบียดเจ็ดเซียนได้
เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ต้องเข็นรุ่นนี้ลงเล่นเพื่อให้ได้ชัยชนะมา ซึ่งใช้งานมาตลอดแทบไม่มีใครเบียนเป็นตัวยืนได้เลย
หลังจบปี 2013 แอบคาดหวังให้โค้ชดันรุ่นใหม่มาบ้าง เช่น เพียว และพู่ที่ติดทีมชาติมาสักพัก แต่ก็ไม่ได้ลง
ถ้าอำพรไม่เจ็บแนนก็คงไม่มีโอกาสได้ยืนตัวจริงในสนาม หรือต้องรอให้แต้มห่างท้ายเซตค่อยส่งเด็กลง เจอทีมอ่อนค่อยส่งรุ่นใหม่ลง
ไทยได้ลากรุ่นพี่มาใช้งานอย่างหนักจน แม้รุ่นน้องได้มีโอกาสลงสนามมาพิสูจน์ให้เห็นบ้าง เช่นในทัวร์คัดโอลิมปิก 2016
แม้จะดูเหมือนว่ามาช้าเกินไป แต่ก็มาช่วยทีมได้บ้างเพราะยังมีรุ่นพี่คอยประคองอยู่ จนถึง 2017
แต่พอมาปีนี้ทุกอย่างก็เหมือนระเบิดเวลา อายุการใช้งานเริ่มสึกหรอ ทั้งอายุและการบาดเจ็บ รุ่นพี่จึงไม่สามารถคืนฟอร์มตอนพีกๆได้อีกแล้ว
รุ่นน้องที่ถูกแฟนๆคาดหวังกลับทำผลงานได้ไม่ดี หวังจะพึ่งรุ่นพี่แต่ก็ไม่สามารถช่วยเกมหรือหาจุดเปลี่ยนใดๆได้
เราจึงเห็นได้จากทั้งสองสัปดาห์ที่ผ่านมาชัดเจนว่าตอนนี้ในทีมหาจุดสมดุลยังไม่เจอ
บางทีเราไม่อาจโทษอดีตที่ผ่านมาได้ หากตอนนั้นเราเลือกทำวิธีนั้นซึ่งมันเป็นวิธีที่ดีที่สุด
แต่อย่างไรก็ตามอยากให้คนดูเข้าใจปัจจัยของทีมไทยในแง่มุมนี้บ้าง วิเคราะห์หาสาเหตุในภาพกว้างๆแล้วเราจะได้เข้าใจทีมมากขึ้น
ฉะนั้นสิ่งเดียวที่จะทำให้ทีมไทยดีขึ้นก็คือ เวลา เมื่อถึงวันนั้นรุ่นน้องคงได้พิสูจน์ฝีมือให้เราเห็นสักทีว่าพวกเธอก็ไม่น้อยหน้ายุคเจ็ดเซียน