เขื่อนเชี่ยวหลาน พันวารีเดอะกรีนเนอรี่ สามวันสองคืน


เรื่องราวการเดินทางพักผ่อน ปลาย พฤษภาคม 2561 ณ เขื่อนเชี่ยวหลาน สุราษฎร์ธานี
ซื้อทัวร์จากงานไทยเที่ยวไทย กุมภา 2561 ราคาสองคน หมื่นสี่พันบาทสำหรับสองคืนสามวัน แบบมีรถรับส่งสนามบิน
ข้อกังวลแรกของการเดินทางคือ การกระหนำของฝนในช่วงนี้ที่กรุงเทพรวมทั้งการพยากรณ์อากาศแจ้งว่าฝนตกทั่วไปทั้งประเทศ ทำให้ต้องเตรียมอุปกรณ์กันฝนเพิ่ม
เริ่มออกเดิน ออกเดินทางเช้าหน่อยคือ เที่ยวบินนกแอร์ หกโมงเช้า คือ ต้องตื่นตั้งแต่ ตีสี่เตรียมตัวมาสนามบินดอนเมือง เครื่องออก หกโมง มื้อเช้าซื้อในสนามบินได้เลยหลังผ่านกระบวนการตรวจในสนามบินแล้วระหว่างเดินไปประตูขึ้นเครื่องมี 7-11 ซื้ออะไรรองท้องมื้อเช้าได้ ใช้เวลาบินบนเครื่องประมาณชั่วโมงพอดีก็ถึงจุดหมาย สนามบินสุราษฎร์ธานี
บริเวณจุดรอคอยก่อนทีมงานทัวร์มารับก็หาร้านนั่งจิบการแกฟาไปพลางๆก่อน เก้าโมงตรงเวลานัด
เก้าโมงตรงได้เวลา ไร้คนมารับ ทำไงดี โทรหาเบอร์ที่ให้ไว้เงียบ โทรหาที่พักบอกเดียวตามให้ ผ่านไป 10 นาทีแจ้งกลับเดี่ยวส่งรถไปรับใหม่ ไม่นานนักมีสายเข้าเจ้าหน้าที่มารับแล้ว โล่งใจหน่อย งานนี้มีอีกคณะที่รอเหมือนเรา แก้ปัญหาได้ไวมาก รถมารับทั้งคณะมี สี่คน มุ่งหน้าสู่ท่าเรือเขื่อนรัชประภาในเวลา สิบเอ็ดโมงตรง ระหว่างก็จะมีการเล่าเรื่องราวสถานที่ของจังหวัด มีการสอบถามความต้องการซื้อสิ่งของจำเป็น ขนม ฯลฯ โดยจะแวะให้ตาม 7-11 ส่วนของมึนเมาสายเมาถ้าไม่เตรียมมาทำไง 7-11 ตามปั๊มไม่มีขาย พี่ที่มารับบอกเดี่ยวแวะซื้อร้านก่อนถึงเขื่อน
11.00 ถึงเขื่อนตรงเวลาผู้คนมากมาย ทั้งคนจะกลับ ทั้งคนมาใหม่ คนรถติดต่อเจ้าหน้าที่พักและเรือให้เรียบร้อย สังเกตุได้จากการแต่งตั้งหลายที่พักมีชื่อบนชุดชัดเจน 500ไร่ คีรีวารี ฯลฯ สำหรับคณะเรา พันวารีเดอะกรีนเนอรี่ หาเจอไม่อยาก เนื่องจากเค้าติดค่อกับรถไว้แล้ว
แนะนำตัวนัดหมายเวลาลงเรือ 11.30 น สำหรับค่าเข้าเขตอุทยานที่พักจัดการเรียบร้อย
เรือออกจากท่าตรงเวลา ใช้เวลาเดินทางสู่ที่พัก สี่สิบนาที เรือแล่นสักพักเจอคลื่นเจอลมซัดน้ำมาในเรือเปียกกันพอสมควร ผู้โดยสารส่วนใหญ่ตื่นเต้นกับภาพบรรยากาศท้องน้ำใสสีเขียวกับภูเขาหินปูนรูปร่างแปลกตาสลับต้นได้ขึ้นเขียว
ไม่นานนักก็ถึงที่พักบรรยากาศโดยรอบสวยงาม มีห้าแพหลัก ขึ้นเรือมาเจ้าหน้าที่ต่อนรับด้วยเครื่องดื่มเย็นๆ จากนั้นอธิบายวิธีการปฏิบัติตัวระหว่างเข้าพัก หลักๆก็เรื่องความปลอดภัย เช่นใส่ชูชีพทุกครั้งที่ลงเล่นน้ำ กำจัดเวลาเล่นน้ำไม่เกิน หกโมงเย็น ส่วนอื่นเป็นเรื่องการอำนวยความสะดวกไฟฟ้าในห้องเปิดทุกอย่างระหว่างห้าโมงเย็นถึงสามโมงเช้า นอกนั้นมีเฉพาะพัดลม ที่นี่มีคลื่นสัญญาโทรศัพท์ เอไอเอส ใช้ได้ดีพอควร ดังนั้นแบตโทรศัพท์นอกเวลาฝากชาร์ทได้ที่เคาร์เตอร์ อุปกรณ์การลงเล่นน้ำมีครบ น้องๆพนักงานน่ารักทุกคน
   หลังจากได้รับกุญแจห้อง นำกระเป๋าเก็บก็มารับประทานอาหารมื้อแรกที่แพหลักชั้นสองซึ่งเป็นห้องอาหารหลักทุกมื้อของที่นี่ เค้าจัดโต๊ะตามกลุ่มลูกค้าที่เข้าพัก มาสองนั่งสอง มาห้านั่งกลุ่มห้าไม่ปนกัน อาหารเป็นกับข้าวสี่อย่าง หมดเต็มได้ยกเว้นปลาทอด
โปรแกรมแรกคือนั่งเรือชมเขาสามเกลอหรือกลุ้ยหลินน้อยเวลา สี่โมงครึ่ง ตอนนี้บ่ายโมงกว่าๆทำอะไรกันดี มาเขื่อนก็เล่นไง ใส่ชูชีพว่ายน้ำหน้าห้องพัก พายเรือคายัก โซฟาน้ำ แต่บอกก่อนแดดแรงนะช่วงที่ไปมา พร้อมใกล้เวลาก็ขึ้นจากน้ำเตรียมตัวเข้าโปรแกรมชมกลุ้ยหลิน
ตรงเวลาสี่โมงครึ่งทุกคนมาลงเรือเพื่อไปชมเขาสามเกลอ ใช้เวลาประมาณ ยี่สิบนาที่ ก็ถึงเป้าหมาย เรือจะวนรอบๆ มีเรือเข้าคิวรอจอดถ่ายรูปหลายลำ ตามคิวไม่แย่งกันเก็บภาพความงดงามเสร็จ ก็พามาต่อยังจุดที่เป็นศาล ซึ่งเป็นที่นับถึงขอคนที่อาศัยบริเวณนี้ จุดที่ตั้งศาลใต้ท้องน้ำเป็นวัดเก่าที่ถูกน้ำท่วมตอนสร้างเขื่อน เดิมจะมีกิจกรรมลอยกระทงขนมปังเพื่อเคารพสิ่งศักสิทดิ์ แต่ปัจจุบันเจ้าหน้าขอให้ยกเลิก จากจุดนี้ก็มุ่งหน้ากลับที่พัก ซึ่งได้เวลาอาหารเย็นพอดี

มื้อเย็นถูกจัดเตรียมไว้พร้อมกลับข้าวสี่อย่าง ต้มพัดแกงทอง ไม่พอเติมได้ตลอด พร้อมผลไม้ อิ่มอร่อยเสร็จเข้าห้องพัก




ห้องพักของที่นี่มีหลายแบบ พักคู่ พักกลุ่ม ทุกห้องมีห้องน้ำในตัว ห้องห้องเปิดออกมาเล่นน้ำได้เลย ตู้เย็น โทรทัศน์ พัดลม น้ำร้อน อุปกรณ์ห้องน้ำครบถ้วน ตามมาตรฐานโรงแรมชั้นนำ ไม่เห็นแค่โทรศัพท์ น้ำดื่มใส่ขวดแก้วไว้ให้สองขวดเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มาที่นี้ชากาแฟผลไม้มีให้ตลอดเวลาที่ห้องอาหาร ขนมขบเคี้ยวเครื่องอื่นๆทั้งเมาไม่เมา มีให้ซื้อหาพอประมาณ หรือจะซื้อเตนียมมาก็จะประหยัดตังได้นะ ใครนอนดึกก็ทำกิจกรรมกลุ่มในที่พัก หรือออกมาดูดาว ดูจันทร์ก็สวยงามจับตา สำหรับวันแรกของทริปนี้ไม่เจอฝนเลย นัดหมายกิจกรรมวันที่สองเริ่ม หกโมงครึ่งเช้าตรูาเลย





วันที่สอง กิจกรรมชมธรรมชาติส่องสัตว์ช่วงเช้า ช่วงบ่ายเดินป่าล่องแพช่องถ้ำปะการัง เริ่มกิจกรรมแรกแบบไม่อยากตื่น หกโมงครึ่งเรือออกมุ่งหาสู่อ่าวเทียบจุดลึกสุดของเขื่อนเส้นทางเดียวกับการเดินทางไปแพ500ไร่ที่พักชื่อดังอันดับต้นๆของเขื่อนนี้ พยายามมองดูธรรมชาติยามเช้า สวยสุดก็สายหมอกเหนือน้ำบนยอดสันเขา ไม่ไม่เห็นสัตว์อะไรชักตัวได้ยินเสียงลิงเสียงข่างนิดหน่อย สรุปสำเร็จตามเป้าหมาย ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ กลับถึงที่พักก็เวลามื้อเช้าพอดี มื้อเช้าที่นี่ก็ประมาณ ข้าวผัด ข้าวต้ม ขนมปัง ไข่ดาวไส้กรอก ผลไม้ ชา กาแฟ น้ำผลไม้ ตามสมควรไม่อายใคร รอกิจกรรมที่สองบ่ายผโมงตรง เวลาเหลือเปิดโอกาศให้ลงเล่นน้ำได้ แต่ขอบอกแดดแรง หรือจะนอนพักดีกว่า เลือกเลยครับ
มื้อกลางวันเริ่มเที่ยงตรงอาหารตามรูปแบบเดิมแต่ไม่ซ้ำนะ ไข่เจียว น้ำพริก แกงเผ็ด ต้มจืด ผัดผัก มีครบ บ่ายโมงเรือออกไปเดินป่าเพื่อล่องแพต่อไปชมถ้ำปะการัง



ต้องอธิบายก่อนว่าเขื่อนนี้เป็การสร้างเขื่อนปิดลำคลองแสงทำให้พื้นที่โดยรอบเก็บกั้นน้ำไว้เป็นเขื่อนให้เราได้เที่ยวน้ำที่ท่วมบริเวณนี้คืนการทั่วหุบเขาหินปูนระดับน้ำลึกสุด ร้อยห้าสิบเมตร หินปูนมีแร่ธาตุบางอย่างทำให้น้ำใสเป็นสีเขียว อุทยานอนุญาตให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบที่เป็นแพเท่านั้น เพราะไม่เห็นสิ่งปลูกสร้างบนเกาะในเขื่อนเลย ยกเว้นบริเวณจุดเดินป่าไปยังทะเลในถ้ำปะการัง
  การเดินทางไปยังจุดทางเดินเชื่อมต่อไปยังทะเลในจากที่พักใช่เวลาประมาณยี่สิบนาที ถึงจุดเดินทางระยะทางประมาณ หนึ่งกิโลเมตรกว่าๆเป็นทางชัดขึ้นเขาหนึ่งส่วน ทางราบหนึ่งส่วน ทางลงเขาหนึ่งส่วน ก่อนขึ้นต้องเสียค่าเข้ากับทางอุทยานซึ่งทีมงานที่พักจัดการเรียบร้อย ก่อนทางขึ้นมีร้านค้าจำหน่าย ขนม น้ำดื่ม ของจำเป็นนิดหน่อยราคาพอคบหาได้ การเดินควรใส่รองเท้าให้เหมาะสม ในวันที่ไปช่วงแรกของการเดินมีฝนตก ต้องหาซื้อเสื้อกันฝนซึ่งแน่นอนแถวนั้นมีรอพร้อม เดินขึ้นพอได้เหงื่อสักพักก็มาถึงจุดต่อแพ เป็นแพไม้ไผ่ติดเครื่องยนต์ใช้ข้ามทะเลในไปยังถ้ำปะการัง ทะเลในคือหุบเขาที่ไม่มีทางน้ำจากเขื่อนไหลผ่านโดยตรงแต่น้ำจะทะลุลอดใต้ภูเขามาท่วมบริเวณหุบเขาด้านนี้จึงไม่สามารถนำเรือเข้ามาได้โดยตรง ต้องใช้การเดินผ่านสันเขาที่ใช้ระยะน้อยที่สุดและเตี้ยที่สุด เพราะส่วนใหญ่บริเวณนี่จะป็นเขาประเภทหน้าผาเขาสูงทั้งหมด การไปถ้ำปะการังก็นั่งแพข้ามไปประมาณสิบนาทีเดินเข้าในถ้ำดูหินงอกหินย้อยซึ่งมีไกด์เด็กน้อยประจำถิ่นคอยอธิบายและส่องไปแสงสว่างให้ ดูในถ้ำใช้เวลาครึ่งชั่วโมงก็ออกเดินทางกลับย้อนเส้นทางเดิม การเดินช่วงขึ้นเขาสำหรับผู้สูงอายุระวังลื่นล้นด้วยนะ ระหว่างทางมีปลิงมีทากให้เห็นพอหวาดเสียวจะมีติดตัวออกมา นั่งกลับถึงที่พักประมาณสี่โมงเย็น แดดหลบหลังเขาไปแล้วเล่นน้ำพายเรือต่อเรียกกำลังได้ รอมื้อเย็น หกโมงครึ่ง


มื้อเย็นก็อาหารตามสูตรเดิมครับครบ ต้มผัดแกงทอด แต่ไม่ซ้ำมื้อที่ผ่านมา อร่อยเพราะวันนี้ใช้พลังงานมาก อิ่มก็เข้าที่พัก ดีที่ที่มีสัญญาโทรศัพท์ทำให้ไม่เหงา หรือนอนสบายดูทีวี บนห้องอาหารสามารถสั่งเครื่องดื่มได้ตลอดครับ สามสี่ทุ่มก็พักผ่อนได้ ถ้ามาเป็นกลุ่มมีกิจกรรมนับเลข หรือล้อมวงนับขวดก็ยาวๆไป พรุ่งนี้เช้าวันกลับแล้ว
  วันรุ่งขึ้น อาหารเช้าตามแบบมาตรฐาน เช็คเอาร์ เก้าโมง เรือออกเก้าโมงครึ่ง ลาก่อนพันวารีเดอพกรีนเนอรี่ แต่ตามโปรมแกรมยังไม่หมดนะ เค้าเริ่มจากลงเรื่องจนมาส่งที่เครื่อง เวลาเหลือระหว่างมาสนามบินก็จะมีโปรมแกรมเสริม คืน ชมวิวสันเขื่อนรัชประภา สะพานแขวนเขารูปหัวใจ กินข้าวเที่ยงร้านหรูในสุราษ และแวะร้านของฝากแม่จิตร์ ก่อนส่งคณะที่สนามบินประมาณ บ่ายสามโมงครึ่ง




สรุปโดยรวมๆก็ประทับใจกับการให้บริการของทริปนี้นะครับมีโอกาสคงได้ไปอีก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่