ช่วงนี้ใครๆก็ไปอินเดียกันเยอะมากกกก มากจนเราเห็นภาพจากเว็บรีวิวต่างๆ แล้วก็รู้สึกว่า อยากไปบ้างจัง ด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม ความแพทเทิร์นสวยๆ มากมาย รวมถึงความอยากลองไปเปิดประสบการณ์อะไรใหม่ๆ ที่เมืองแขกดูบ้าง ก็เลยตัดสินปักหมุดเดินทางไปที่ Jaipur – Agra และแน่นอนเราก็เลือกไปในเดือนที่ร้อนที่สุด ฮีตที่สุดของอินเดียกันเลยจ้า ก็คือปลายเดือนเมษาและต้นเดือนพฤษภาที่ผ่านนี่เอง…เอาล่ะ พร้อมแล้ว มาตะลุยแดนภารตะฉบับร้อนๆกันนะนายจ๋า

    เราเริ่มออกเดินทางกันตอนกลางคืนของวันที่ 28 เม.ย ที่ผ่านมา เดินทางโดยสายการบิน Thai Smile เที่ยวบิน WE343 เวลาตี 1 ครึ่ง บอกเลยว่าง่วงสุดๆ ไปเลยค่ะ เราใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ – ไปลงที่สนามบิน Jaipur International Airport ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงค่ะ จากนั้นเราก็จะเดินทางไปที่เมือง Agra กันก่อน แล้วค่อยกลับมาที่ Jaipur



สวัสดีอินเดีย…เราจะรอดหรือไม่รอด เดี่ยวรู้!

เดินทางมาถึงเวลาประมาณตี 5 กว่าๆ ของที่นี่ค่ะ แต่ที่แจ็คพ็อตสุดๆ คือ คนรถที่นัดไว้ชื่อซิงค์ ไม่มารอเราตามที่นัดกันไว้! OMG! อินเดียเล่นพี่แล้วจ้ะนายจ๋า ซึ่งใช้เวลายืนรอประมาณ 45 นาทีได้ พยายามโทรหา พิมพ์หาผ่านทาง Whats App ซิงค์ก็ไม่ตอบ แต่ในที่สุดซิงค์ก็มา (น้ำตาจะไหล) ตอนแรกคิดว่าโดนหลอกที่อินเดียซะแล้ว



พอซิงค์มาถึงเราก็ขึ้นรถ และออกเดินทางไปเมือง Agra ทันที เพราะใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนาน ประมาณ 3 ชั่วโมงได้ค่ะ ที่ต้องนั่งอยู่บนรถไปยาวๆ

ระหว่างทางเจอแต่เรื่องเซอร์ไพรส์ไปหมด ขอไล่ไปทีละเรื่องเลยแล้วกัน และแอบสอดแทรกความรู้ของอินเดียไว้ด้วยนะคะ

การจราจรสนุกๆ เหมือนเล่นเกมตลอดเวลา
- อินเดียเป็นเมืองที่มีนานาสัตว์ชาติพันธุ์เยอะมาก แบบมากกกกกกก เราจะเจอสัตว์มากหน้าหลายตา เช่น นกพิราบ หมา ลา อูฐ วัว ควาย ม้า แกะ แพะ และนกยูง เดินอยู่ตามท้องถนน (ก็ที่นี่อินเดียไง) บางทีมันก็ข้ามถนนแบบไม่กลัวตาย เอาเป็นว่าต่างคนต่างหลบกันดีๆ บางทีอาจจะเจอ barrier กั้นอยู่กลางถนนอีก ก็งงนะ มันจะกั้นทำไม?



- เสริมเรื่องสัตว์นิด...สัตว์ที่เราจะไม่มีวันได้เห็นเลยแม้แต่ตัวเดียวก็คือแมวเหมียว ซิงค์ (คนขับรถที่เราจ้างพาไปไหนต่อไหนตลอดทริปนี้) บอกว่าแมวคือสัตว์ไม่ดี แต่อย่างอื่นดีหมด ต่างกับญี่ปุ่นเลย ที่แมวคือสัตว์นำโชค
- การจราจรของอินเดียเป็นอะไรที่สุดติ่งกระดิ่งเเมวมาก ที่นี่จะเขียนท้ายรถเกือบทุกคันว่า 'Blow Horn' บีบแตรเถิดจะเกิดผล ดังนั้นเราจะได้ยินเสียงแตรทุกๆวินาทีเลยทีเดียว คล้ายเวียดนาม แล้วก็เป็นทุกเมืองที่เราจะได้ยินเสียงแตร ที่ดังและยาววววววประมาณ 15 วิ (ซิงค์เนี่ยตัวดี! บีบอยู่นั่น)
- เวลาคนอินเดียขับรถก็จะเสียวๆหน่อย ชอบปาดซ้ายแซงขวากันอย่างสนุกสนาน ฝ่าไฟแดงได้ก็ทำ (ใครล่ะก็ซิงค์ไง) ทำให้บางทีนั่งรถแล้วรู้สึกเวียนหัวเลย ต้องนั่งดมกลิ่นหอมระเหยไปด้วย ช่วยได้ดีเลยทีเดียว หรือบางทีคุยเพลินๆหน่อย ซิงค์ก็ไม่จับพวงมาลัยนะ เปลี่ยนมายกไม้ยกมือ แถมขับไม่มองข้างหน้าอีก มองแต่ข้างทางจนคอหันแทบหลุด




พาหนะของอินเดียที่เห็นส่วนใหญ่ นอกจากรถยนต์ รถเมล์ รถไฟ รถบรรทุก สัตว์ แล้วก็จะมีรถออโต้ ที่คล้ายๆกับรถตุ๊กๆบ้านเราเนี่ยแหละ คันนึงก็นั่งได้ 3-4 คน แต่ถ้าจะเอาแบบสไตล์อินเดียเลยก็เกาะตามซอกมุม โหนกันไปแบบที่เคยเห็นกันนั่นแหละ ... คนอินเดียทำได้!



เมื่อเรามาถึงเมื่อ Agra แล้วก็ตรงไปที่ Red Fort หรือป้อมอัครา กันเลย

บอกตามตรงเลยว่า เห็นสภาพอากาศอันร้อนระอุ ที่เฉียด 42 องศาแล้ว ไม่อยากจะลงจากรถเลยค่ะ เพราะมันร้อนม๊ากกกก แต่เมื่อเรามาถึงแล้วก็ต้องลงไปชมความงดงามกันสักนิด

สำหรับป้อมอัคราหรือ Agra Fort ถือเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้ ซึ่งเป็นป้อมปราการที่สร้างด้วยอิฐแดง ภายในเป็นสถานที่กว้างขวางมีท้องพระโรงที่ใช้ว่าราชการ ท้องพระโรงส่วนพระองค์ พระตำหนักหินอ่อนขาว และมีธรรมชาติที่สวยงาม และมีจุดที่เห็นทัช มาฮาลไกลๆด้วยนะ



ถัดมาจาก Agra Fort อีกวันเราก็ตื่นแต่เช้าไปเที่ยวทัช มาฮาล (Taj Mahal) กันค่ะ เราต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 และไปถึงทัช มาฮาล ประมาณ 6 โมงเช้า เพราะซิงค์แนะนำว่ามาเช้าจะได้เห็นตอนพระอาทิตย์ขึ้น ก่อนเข้าเราก็แวะซื้อตั๋วกันหน่อย เสียค่าเข้าสำหรับนักท่องเที่ยวประมาณ 530 รูปีค่ะ แนะนำเลยว่าให้เดินไปให้ถึงก่อนทางเข้า จะมีจุดจำหน่ายตั๋วอยู่ คนที่มาหว่านล้อมให้ซื้อใดๆ อย่าได้หลงเชื่อ อาจจะถูกหลอกได้นะคะ



ภาพแรกของอนุสรณ์สถานแห่งความรัก เป็นอะไรที่สวยงามอลังการตระการตามากจริงๆ ไม่คิดว่าของจริงจะสวยขนาดนี้เลยค่ะ บอกเลยว่าสักครั้งหนึ่งในชีวิตควรมาเที่ยวชมทัช มาฮาลค่ะ





เห็นแสงพระอาทิตย์ส่องมาแล้วบอกเลยว่า ร้อนตับแล่บสุดๆ ปวดหัวสุดๆ ไปเลยค่ะ ต้องดมยาดมตลอดเวลา ใครที่มาช่วงเดือนเมษาหรือพฤษภาคม อาจจะต้องเตรียมตัวให้ดีๆ นะคะ

จริงๆแล้วในอัคราไม่ได้มีที่เที่ยวเยอะค่ะ หลักๆมีแค่ 2 ที่นี้เท่านั้น ที่เหลือเลยไปเที่ยวใน Jaipur แทนค่ะ

(ต่อที่คห1 นะคะ)