เรื่องเล่าจากฮาร์บิน (2018) แนะนำสำหรับคนเตรียมตัวไปเรียนซัมเมอร์ที่ฮากงต้า

สวัสดีค่า  ตั้งกระทู้ละครมาเยอะอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง  คราวนี้เลยมาตั้งกระทู้เล่าประสบการณ์ที่ได้ไปเรียนซัมเมอร์ที่ฮาร์บิน  ประเทศจีนมา  เมื่อวันที่ 11 มีนาคม - 9 เมษายน 2018 ค่ะ  กระทู้นี้จะไม่เน้นเรื่องการเดินทางมากนักนะคะ  เพราะคิดว่าหลายๆกระทู้เกี่ยวกับฮาร์บินคงมีคนเล่าไปบ้างแล้ว  เลยไม่อยากเล่าซ้ำอีก  (ที่จริงก็เป็นคนไม่ค่อยจำรายละเอียดพวกนี้ด้วยแหละ)  เลยขอเขียนเป็นเรื่องเล่าสนุกๆ  อ่านเพลินๆ  ได้เห็นอะไรแปลกๆใหม่ๆที่ฮาร์บินของตัวเองก็แล้วกันนะคะ  ใครอยากอ่านตามมาเลยจ้า  

     พาร์ทแรกๆข้อมูลเน้นๆนะคะ  พวกเรื่องเล่าอยู่หลังๆ  ขอทยอยๆลงนะคะ



     ที่มาของการไปเรียน  เริ่มมาจากการติดเฟสค่ะ  ในเฟสก็จะกดติดตามนั่นนี่ไปเรื่อย  พวกเพจการศึกษาก็ตามเยอะพอสมควร  เพราะช่วงหลังๆเพจแบบนี้เขาจะแจกทุนไปเรียนเมืองนอกบ่อยค่ะ  ก็เลยตามๆไว้  เผื่อจะมีโอกาสได้กับเขามั่ง  หนึ่งในนั้นคือเพจ j.harbin เรียนต่อจีน  แต่ตอนนี้เพจเปลี่ยนชื่อแล้วเป็น  Befriend Education เรียนต่อจีน  ทีนี้ช่วงตุลาปีที่แล้ว  เพจนี้เขาก็แจกทุนค่ะแต่เป็นทุนบางส่วนไปเรียนที่ฮาร์บิน 1 เดือน  ใครอยากได้ให้ส่งเรียงความไป  หัวข้อแรงบันดาลใจในการเรียนภาษาจีน  ที่ 1 ได้ทุน 10000 บาท ที่ 2 ที่ 3 ได้คนละ 5000  นี่เห็นก็คิดเล่นๆว่าลองส่งไปดู  เผื่อจะโชคดีได้สักหมื่น  แถมมีข้ออ้างไปขอแม่ด้วย (ที่บ้านเราถ้าอยู่เฉยๆแล้วไปขอ เขาไม่มีทางให้ไปค่ะ) เราเลยส่งไปตั้งแต่วันแรกที่พี่เขาลงประกาศเลย  ก็รอฟังผลจนสุดท้าย  ติดจริงๆค่ะ  ได้ทุน 5000 บาท  แต่ก็ไม่มีใครได้หมื่นนึงนะคะ  เพราะสุดท้ายคงตัดสินไม่ได้  พี่เขาเลยกระจายรางวัลเป็น 4 คน คนละ 5000 แทน  สรุปไปเล่าให้ที่บ้านฟัง  ถึงจะเป็นความสำเร็จเล็กๆแต่ก็ยอมสนับสนุนให้เราไปค่ะ  ทางพี่เจวกับพี่ฟอยที่เป็นเจ้าของเพจน่ารักและเป็นกันเองมาก  พี่เขาแอดไลน์มาก่อนเป็นเดือนๆเลย  มาคอยชวนคุย  ให้ข้อมูลเตรียมความพร้อมทุกคนเรื่อยๆ  เสียแต่ฝั่งเด็กๆนี่แหละที่เงียบใส่พี่เขาแทน ฮา
     มหาวิทยาลัยที่เราไปเรียนคือฮากงต้า  หรือ  哈尔滨工业大学  หอพักเป็นหอนักเรียนต่างชาติ A13 (อีกหอคือ B6) ลักษณะคือเป็นตึก 16 ชั้น หนึ่งห้องใหญ่ด้านในแบ่งเป็นห้องเล็กอีก 2 ห้อง  อยู่ได้ห้องละ 2 คน  รวมเป็นห้องละ  4 ก่อนวันเดินทางแม่เราที่มีประสบการณ์ไปเมืองหนาวมาก่อน  มาช่วยเตรียมเสื้อผ้าให้  ช่วงนั้นอุณหภูมิติดลบที่ประมาณ -1ถึง-10 กว่าองศา  ขนเสื้อผ้าไปเยอะมากเพราะกลัวไม่พอ  ตัวเราเองก็เคยไปเมืองหนาวขนาดนี้เป็นครั้งแรก  กะเองไม่ถูกเหมือนกัน  ก่อนขึ้นเครื่องแม่ก็บอกให้เราแยกเสื้อกันหนาว  หมวก  ถุงมือ  ผ้าพันคอไว้ในแฮนแบ็คเผื่อไว้เลย  และบอกให้เตรียมทิชชู่ไปด้วย  เพราะบางคนที่ไวกับอากาศหนาวพอไปถึงน้ำมูกจะไหลทันที
     พอไปถึงจริงเก็ทเลยจ้า  ถึงสนามบินเข็นกระเป๋าไปขึ้นรถมหาลัยไม่ไกลเท่าไหร่  แต่แปบๆน้ำมูกมาจริงๆ  ติดลบ 12 องศาอะคิดดู  ถึงหอตอนเกือบๆตี 1 ได้มั้ง  และด้วยความที่มากันเป็นกลุ่มใหญ่มาก  กลุ่มคนไทยเลยได้อยู่ห้องเดียวกันหมด  (ปกติคละชาติ)  วันแรกที่ไปก็มีน้องสองคนเปิดกระเป๋าเดินทางไม่ได้  ก็ได้ลุงยามล่างหอมาช่วย  
     ลุงยามกับแม่บ้านล่างหอน่ารักมาก  น้องหลายๆคนไม่ได้มีพื้นภาษาจีนมาดีนัก  แต่แกก็พยายามคุยพยายามช่วยแก้ปัญหาให้ตลอด  ถึงจะคุยรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างก็เถอะ  แต่ให้พยายามคุยไว้ก่อนนะ  ไม่ต้องกลัว
     ไปถึงครั้งแรกมีหลายเรื่องที่เราต้องติดต่อเยอะแยะตาแป๊ะไก่มากค่ะ  เป็นธรรมดาของม.ในจีน  ถ้าใครไม่เคยไปมาก่อนมีมึนแน่ๆ  แล้วถ้าจีนไม่แข็งด้วยยิ่งแล้วใหญ่  เพราะสถานที่แต่ละที่มันห่างกันพอสมควรค่ะ  ต่อให้เก่งจีนแต่ถ้าไม่เคยไปมาก่อนบางทียังงงๆเลย  ถ้าให้เราแนะนำครั้งแรกเราว่าควรไปกับเอเจนซี่ก่อน  ของเราได้พี่เจวพี่ฟอยดูแลตรงนี้ให้มันแบ่งเบาไปได้เยอะมาก  เข้าใจเลยว่าทำไมยอมจ้างเอเจนซี่กันทั้งๆที่ราคารวมมันแพงกว่า  สำหรับหอนี้ค่าน้ำฟรีให้  แต่ค่าไฟเป็นระบบจ่ายก่อนใช้  ยุ่งยากกว่าบ้านเรา  ต้องไปขอบัตรจ่ายค่าไฟที่ป้าแม่บ้าน  จ่ายมัดจำ 20 หยวน  แล้วไปติดต่อจ่ายเงินที่จุดจ่ายเงินอีกที(ถ้าไปกับพี่เจวพี่เขาจะพาไปสอนวิธีจ่ายให้ครั้งแรก  ไม่ต้องไปงมโข่งเอง)  แล้วไอ่จุดนี้มันปิดเปิดตามเวลาราชการด้วย  เท่ากับว่าถ้าลืมจ่ายค่าไฟแล้วเกิดไฟดับตอนเย็นๆ  มีทางเดียวคือต้องทนอยู่ไปจนกว่าจะเช้าแล้วไปจ่ายเงินซะก่อน  แล้วกลับมาตัดบัตรที่มิเตอร์ไฟในหออีกที =_=
     บัตรอาหารต้องไปติดต่อสำนักงานใหญ่ตึกจงซิน  แล้วไปเติมเงินที่โรงอาหารอีกรอบ  ถึงจะเอาไปจ่ายที่ร้านอาหารอีกทีได้  และที่เจ๋งคือใช้กับร้านค้าหลายๆร้านที่โคกับมหาลัยได้ด้วยนะ
     วันที่สองมีสอบจัดห้อง  ตรงนี้เราทำพลาดมาแล้ว  ขอแนะนำจากประสบการณ์ตรงว่า  เวลาสอบให้จัดเต็มที่สุด  ผิดไม่เป็นไร  แต่เขียนไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่รู้  ประเภทว่าไม่มั่นใจเลยไม่เขียนอย่าทำเชียว  เพราะถ้าคะแนนขาดจะโดนลดห้อง  แล้วถ้าอยากปรับระดับก็ต้องเสียเวลาไปนัดใหม่  สอบใหม่อีก  ไหนๆมาเรียนแล้วเอาให้สุดค่ะ  คิดซะว่ากลับบ้านไปต้องเห็นความต่าง  อย่าไปกังวลเรื่องเพื่อนมาก  ถึงสอบได้ระดับเดียวกันก็ไม่ได้แปลว่าจะได้อยู่ห้องเดียวกันอยู่ดี  เดี๋ยวก็ได้ไปรู้จักเพื่อนใหม่ๆในห้องเอง  เนื้อหาออกสอบจะอิงจากหนังสือ  汉语教程 ตรงนี้ต้องระวังนะคะ  เพราะหนังสือแต่ละเล่มเรียงไวยากรณ์ไว้ในระดับความยากง่ายไม่เหมือนกัน  ควรทบทวนดีๆไปก่อนสอบ  อ.ที่นี่ซีเรียสมาก  จะยึดผลคะแนนเป็นสำคัญเท่านั้น  พอสอบเสร็จจะได้รู้ห้องเรียนตารางเรียนเลย  ให้ดูตึกเรียนดีๆ  ตึกเรียนหลักๆจะมี 3 ตึก  แต่ไม่ต้องห่วง  ในช่วงแรกๆพี่เจวพี่ฟอยจะพาเราไปส่งก่อนจนจำทางได้  หนังสือซื้อได้ที่ตึกข้างๆ  ถ้าซื้อเกิน 200 หยวนลด 20 เปอร์เซ็นต์ รวมกับเพื่อนได้  แนะนำว่าเก็บใบเสร็จให้ดีๆด้วย  ถ้าสมมติเปลี่ยนคลาสขึ้นมาขอเปลี่ยนคืนได้  แต่มีข้อแม้ว่าห้ามเขียนอะไรลงไปในเล่มนะ  (ถ้ายังไม่มั่นใจใช้ดินสอเขียนไปก่อน  ค่อยลบทีหลัง)
     สำหรับห้องน้ำตึก A13 จะดีกว่า B6  ทั้งๆที่เก่ากว่า  แต่มีข้อเสียคือน้ำร้อนไม่ใช่แบบเปิดแล้วร้อนตลอดเวลา แต่ต้องเปิดแล้วรอให้มันต้มจนอุณหภูมิสะสมสูงพอถึงจะอาบได้  และตรงนี้ก็ต้องบริหารจำนวนน้ำดีๆ  เพราะ 1 ห้องมีคน 4 คน  ถ้าคนแรกใช้เยอะ  เท่ากับคนหลังๆต้องอาบน้ำที่อุณหภูมิต่ำๆ  หนาวทรมานมากบอกเลย
     น้ำดื่ม  ปกติในหอ B6 จะมีน้ำร้อนให้ทุกชั้น  แต่ A13 จะมีแค่ที่ชั้น 3 ส่วนน้ำธรรมดาเราต้องซื้อเอง  ไม่มีให้  ยังไม่เคยเจอแบบหยอดเหรียญ  ตอนเราอยู่ก็จะไปซื้อแบบถัง 5 ลิตรตามร้านค้า  แต่ถ้าใครชอบดื่มน้ำร้อนก็สบายหน่อย
     ฮีทเตอร์  ส่งตามท่อ  
     การซักผ้า  มีเครื่องซักผ้า  แต่ต้องตัดผ่านแอพ  และเติมเงินผ่านการผูกบัญชี  ปกติคนที่ไป 1-2 เดือน  จะขอใช้ร่วมกับเพื่อนที่อยู่นานๆเป็นปี  แล้วจ่ายเป็นเงินสดแทนมากกว่า
     ร้านค้า  มีร้านค้าใต้หอ  เปิดปิดเป็นเวลา  เช้าเปิด 8 โมง  เย็นปิด 4 ทุ่มครึ่ง  ***ช่วงประมาณ 5 โมงเย็นป้าคนขายชอบโดด พยายามอย่ามาช่วงนี้  ไม่งั้นก็รอไปเหอะ  เดี๋ยวต่อวันหลังนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่