ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะครับว่า นี่คือการรีวิวครั้งแรกของผม อาจจะมีข้อผิดพลาดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย รูปอาจจะไม่ค่อยชัด เพราะถ่ายจากกล้องมือถือซะส่วนใหญ่ เน้นรูปนะครับ ไม่เน้นบรรยาย ว่าแล้วเราไปกันเลยครับ
ทริปนี้ก็เป็นอีกทริปที่เราได้มีโอกาสไปเที่ยวกับเพื่อนที่ทำงาน ซึ่งครั้งนี้ไปกันเยอะหน่อย รวมถึงหัวหน้าก็ไปด้วย เรียกได้ว่าไปยกแผนกเลยก็ว่าได้

กำหนดการของเราคือ วันที่ 26-27 พฤษภาคม 2561 เอารถไปทั้งหมด 3 คัน สมาชิกประมาณ 20 ชีวิต เราออกเดินทางประมาณ 07.00 น. ที่แรกที่เราไปคือ ....
Day 1

เพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยที่ดีในการไปเที่ยวครั้งนี้ เราก็มาที่นี่ก่อนเลย นั่นก็คือศาลหลักเมือง จ.จันทบุรีนั่นเอง

ในบริเวณใกล้ๆกันก็จะมีค่ายตากสินให้เราถ่ายรูป เดินดูสถานที่สวยๆอีกด้วย

หลังจากไว้พระ ขอพรเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ไม่รอช้า ไปยังสถานที่ถัดไปทันที

ถูกต้องนะครับ และสถานที่ที่เราไปก็คือ ชุมชุนริมน้ำจันทบูรนั่นเอง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากศาลหลักเมืองนัก ใช้เวลาเดินทางไม่กี่นาทีก็ถึงล่ะ สำหรับที่นี่ก็จะมีของกินของใช้ให้เราเลือกซื้อมากมาย เอาเป็นว่าไม่พูดเยอะล่ะ ขอธิบายด้วยรูปภาพดีกว่าแล้วกันน้อ

ทางเข้าด้านหน้า ดูแล้วหน้าค้นหา

รูปแบบบ้านภายในก็จะเป็นบ้านทรงเก่า ซึ่งดูแล้วให้ความคลาสสิคน่าดู

บ้านหลวงราชไมตรี ซึ่งเหมือนเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม และท่านยังเป็นผู้นำยางพารามาปลูกเป็นคนแรกในจ.จันทบุรี อีกด้วย

อันนี้เขาบอกว่าเป็นไอติมต้นตำรับ พลาดไม่ได้ใครไปก็อย่าลืมแวะชิมนะครับ ไอศครีม ตราจรวด

หลังจากเดินเที่ยวที่นี่ได้ประมาณครึ่งชั่วโมง เราก็ไป “ชุมชนขนมแปลก” ต่อเลย ซึ่งที่ชุมชนขนมแปลกนั่นก็ตามชื่อเลย มีขนมแปลกๆให้เราเลือกซื้อมากมาย อะไรที่ไม่เคยเห็นที่นี่มีให้เห็นเยอะเลย

ที่นี่เขาทำขนมโชว์กันหน้าร้านแบบนี้เลย

ขนมค..ลิงก็มีนะ ใครเคยกินบ้าง ขอเสียงหน่อย

บรรยากาศภายในชุมชนก็จะประมาณนี้ ซึ่งใช้เวลาเดินชมไม่นาน แต่ใครที่ชอบกิน แนะนำให้มาที่นี่เลย
จบไปอีกหนึ่งที่ เดินจนเหนื่อย อาการหิวก็กำเริบ เลยแวะเข้าที่พักเพื่อทานอาหารกลางวัน ก่อนจะตลุยต่อ
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ถึงเวลาแล้วที่เราจะไปเล่นน้ำกันสักที ที่ที่เราจะไปในวันนี้คือ ... ขออุบไว้ก่อน ไปดูภาพกันดีกว่า

มีการนั่งเรือด้วย

ระหว่างทางที่จะไปเล่นน้ำ ก็จะเจอกับที่พักอาศัยของคนพื้นที่ริมน้ำแบบข้างบนเลย

และแล้วเราก็มาถึง สถานที่นั่นคือ หมู่บ้านไร้แผ่นดิน นั่นเอง ใช้เวลานั่งเรือจากท่ามายังที่นี้ประมาณ 1 ชั่วโมง เรียกได้ว่านานพอสมควร ไปดูรูปกันต่อเลยดีกว่า

ที่นี่ก็จะมีโฮมสเตย์มากมาย ใครที่อยากจะพักผ่อน ก็สามารถเดินทางมาพักแถวนี้ได้เลย เริ่มแรกก็สงสัยนะว่าทำไมเขาถึงเรียกหมู่บ้านนี้ว่า หมู่บ้านไร้แผ่นดิน แต่พอมาก็ถึงบ้างอ้อ เพราะมันไม่ได้สร้างอยู่บนพื้นดินนั่นเอง อันนี้ไม่รู้นะ เดาเอาล้วนๆ

ทางเดินภายในหมู่บ้านก็จะมีประมาณนี้ พอเดินไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับเรือที่เรานั่งมา มารอรับ เพื่อที่จะไปดูเหยี่ยวกับทะเลแหวกต่อ

ที่เห็นอยู่เป็นฝูงนั่นก็ เหยี่ยวไงจะใครล่ะ บริเวณนี้ก็จะมีแพเปียกของนักท่องเที่ยวมากมาย ถัดไปนิดนึงก็จะเป็นทะเลแหวก ซึ่งไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู เพราะ ทะเวลมันไม่แหวก ฮ่าๆ จริงๆมันก็แหวกแหละ แต่มันน้อย เลยเล่นน้ำซะส่วนใหญ่ จนลืมถ่ายรูปมาให้ดูเลย
เล่นน้ำกันเหนื่อยพอสมควรได้เวลากลับ ซึ่งรวมตั้งแต่ออกมาจากที่พักก็ใช้เวลาไปกลับประมาณ 3 ชั่วโมงเศษหรือมากกว่านิดหน่อย
ตัดภาพกลับมาที่พักเลยดีกว่า มีอาหารเย็นรออยู่แล้ว แต่บังเอิญวันที่ไปไฟดับทำให้น้ำไม่ใหล ทุกคนก็เปียกจากการเล่นน้ำ ทำไงล่ะทีนี้ ก็อยู่กันแบบเปียกๆนั่นแหละ บางคนก็ไปอาบน้ำบ้านคนอื่น ซึ่งเจ้าของที่พักเป็นคนไปขอให้ เสร็จแล้วก็มารับประทานอาหารเย็น ไฟมาประมาณเกือบๆสองทุ่ม จบไปหนึ่งวัน พักผ่อนตามอัธยาศัย
Day 2
หลักจากเหน็ดเหนื่อยมาจากเมื่อวาน วันนี้เลยหลับยาวกันนิดนึง ตื่อเช้ามาก็มีข้าวต้มร้อนๆรออยู่ ก็มีพวกกาแฟ โอวัลติน ฯลฯ แล้วแต่จะเลือกทาน ตอนเช้าก็มีปูกับกุ้งให้ทานเหมือนกันนะ เรียกได้ว่าเอาที่ทุกคนสบายใจกันได้เลย
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ก็ถึงเวลาเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า ขึ้นรถมุ่งตรงไปยังสถานที่ถัดไปทันที

และแล้วที่ที่เราไปก็คือ .... สะพานตากสิน นั่นเอง ซึ่งแดดมันก็ร้อนอ่ะ เลยทำให้ไม่ค่อยได้เก็บภาพ เที่ยวเดี๋ยวเดียว เลยมุ่งตรงไปยังสถานที่ถัดไปทันที

ใช่แล้ว และที่นี่ก็คือหน่วยสาธิตการเลี้ยงสัตว์น้ำภายในอ่างคุ้งกระเบนนั่นเอง เลยคนอาจจะสงสัยว่าที่นี่มีอะไร นั่นดิ ไปดูกันเลยดีกว่า

สำหรับที่นี่ก็จะมีสัตว์ทะเลให้เราได้ดู รวมไปถึงการเลี้ยงหอยนางรมด้วยนะ

เห้ย นั่นมันตัวอะไร ฉลาม...ห๊ะ อะไรนะ... ถูกต้องละครับ ที่นี่ยังมีการเพาะเลี้ยงฉลามอีกด้วย ใครที่ไม่เคยเจอฉลามตัวเป็นๆสามารถมาดูที่นี้ได้เลย

หลังจากที่กินไอติมคลายร้อนกันหมดไปคนละแท่งสองแท่งแล้ว คงจะมีแรกฮึดต่อที่จะไปที่ถัดไปเลยดีกว่า

ที่ที่ว่านั่นก็คือ เจดีย์กลางน้ำ นั่นเอง ซึ่งเราจะมองเห็นเจดีย์สีขาวเล็กๆอยู่บ้างนะ นั่นแหละครับท่านผู้ชม

เราสามารถมาไหว้พระขอพรได้จากตรงนี้

เก็บวิวรอบๆมาฝาก
แอบดูนาฬิกา นี่มันก็บ่ายแล้วนี่นา ยังไม่ได้ทานข้าวกลางวันเลย จะรออะไรล่ะครับ ขึ้นรถไปทันทีทันใด (อันนี้ไม่มีรูปมาฝากนะครับ)
พอทานข้าวเสร็จก่อนกลับจริงๆละคราวนี้ ก็แวะที่สุดท้าย แวะไหว้เสด็จเตี่ยวก่อนกลับ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
และเก็บภาพวิวรอบๆเล็กน้อย ก่อนจะเดินทางกลับ

จบละครับสำหรับทริปนี้ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาชม ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้านะครับ สวัสดีครับ
[CR] กินปู ดูทะเล เที่ยวโฮมสเตย์ จันทบุรี
ทริปนี้ก็เป็นอีกทริปที่เราได้มีโอกาสไปเที่ยวกับเพื่อนที่ทำงาน ซึ่งครั้งนี้ไปกันเยอะหน่อย รวมถึงหัวหน้าก็ไปด้วย เรียกได้ว่าไปยกแผนกเลยก็ว่าได้
กำหนดการของเราคือ วันที่ 26-27 พฤษภาคม 2561 เอารถไปทั้งหมด 3 คัน สมาชิกประมาณ 20 ชีวิต เราออกเดินทางประมาณ 07.00 น. ที่แรกที่เราไปคือ ....
Day 1
เพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยที่ดีในการไปเที่ยวครั้งนี้ เราก็มาที่นี่ก่อนเลย นั่นก็คือศาลหลักเมือง จ.จันทบุรีนั่นเอง
ในบริเวณใกล้ๆกันก็จะมีค่ายตากสินให้เราถ่ายรูป เดินดูสถานที่สวยๆอีกด้วย
หลังจากไว้พระ ขอพรเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ไม่รอช้า ไปยังสถานที่ถัดไปทันที
ถูกต้องนะครับ และสถานที่ที่เราไปก็คือ ชุมชุนริมน้ำจันทบูรนั่นเอง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากศาลหลักเมืองนัก ใช้เวลาเดินทางไม่กี่นาทีก็ถึงล่ะ สำหรับที่นี่ก็จะมีของกินของใช้ให้เราเลือกซื้อมากมาย เอาเป็นว่าไม่พูดเยอะล่ะ ขอธิบายด้วยรูปภาพดีกว่าแล้วกันน้อ
ทางเข้าด้านหน้า ดูแล้วหน้าค้นหา
รูปแบบบ้านภายในก็จะเป็นบ้านทรงเก่า ซึ่งดูแล้วให้ความคลาสสิคน่าดู
บ้านหลวงราชไมตรี ซึ่งเหมือนเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม และท่านยังเป็นผู้นำยางพารามาปลูกเป็นคนแรกในจ.จันทบุรี อีกด้วย
อันนี้เขาบอกว่าเป็นไอติมต้นตำรับ พลาดไม่ได้ใครไปก็อย่าลืมแวะชิมนะครับ ไอศครีม ตราจรวด
หลังจากเดินเที่ยวที่นี่ได้ประมาณครึ่งชั่วโมง เราก็ไป “ชุมชนขนมแปลก” ต่อเลย ซึ่งที่ชุมชนขนมแปลกนั่นก็ตามชื่อเลย มีขนมแปลกๆให้เราเลือกซื้อมากมาย อะไรที่ไม่เคยเห็นที่นี่มีให้เห็นเยอะเลย
ที่นี่เขาทำขนมโชว์กันหน้าร้านแบบนี้เลย
ขนมค..ลิงก็มีนะ ใครเคยกินบ้าง ขอเสียงหน่อย
บรรยากาศภายในชุมชนก็จะประมาณนี้ ซึ่งใช้เวลาเดินชมไม่นาน แต่ใครที่ชอบกิน แนะนำให้มาที่นี่เลย
จบไปอีกหนึ่งที่ เดินจนเหนื่อย อาการหิวก็กำเริบ เลยแวะเข้าที่พักเพื่อทานอาหารกลางวัน ก่อนจะตลุยต่อ
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ถึงเวลาแล้วที่เราจะไปเล่นน้ำกันสักที ที่ที่เราจะไปในวันนี้คือ ... ขออุบไว้ก่อน ไปดูภาพกันดีกว่า
มีการนั่งเรือด้วย
ระหว่างทางที่จะไปเล่นน้ำ ก็จะเจอกับที่พักอาศัยของคนพื้นที่ริมน้ำแบบข้างบนเลย
และแล้วเราก็มาถึง สถานที่นั่นคือ หมู่บ้านไร้แผ่นดิน นั่นเอง ใช้เวลานั่งเรือจากท่ามายังที่นี้ประมาณ 1 ชั่วโมง เรียกได้ว่านานพอสมควร ไปดูรูปกันต่อเลยดีกว่า
ที่นี่ก็จะมีโฮมสเตย์มากมาย ใครที่อยากจะพักผ่อน ก็สามารถเดินทางมาพักแถวนี้ได้เลย เริ่มแรกก็สงสัยนะว่าทำไมเขาถึงเรียกหมู่บ้านนี้ว่า หมู่บ้านไร้แผ่นดิน แต่พอมาก็ถึงบ้างอ้อ เพราะมันไม่ได้สร้างอยู่บนพื้นดินนั่นเอง อันนี้ไม่รู้นะ เดาเอาล้วนๆ
ทางเดินภายในหมู่บ้านก็จะมีประมาณนี้ พอเดินไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับเรือที่เรานั่งมา มารอรับ เพื่อที่จะไปดูเหยี่ยวกับทะเลแหวกต่อ
ที่เห็นอยู่เป็นฝูงนั่นก็ เหยี่ยวไงจะใครล่ะ บริเวณนี้ก็จะมีแพเปียกของนักท่องเที่ยวมากมาย ถัดไปนิดนึงก็จะเป็นทะเลแหวก ซึ่งไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู เพราะ ทะเวลมันไม่แหวก ฮ่าๆ จริงๆมันก็แหวกแหละ แต่มันน้อย เลยเล่นน้ำซะส่วนใหญ่ จนลืมถ่ายรูปมาให้ดูเลย
เล่นน้ำกันเหนื่อยพอสมควรได้เวลากลับ ซึ่งรวมตั้งแต่ออกมาจากที่พักก็ใช้เวลาไปกลับประมาณ 3 ชั่วโมงเศษหรือมากกว่านิดหน่อย
ตัดภาพกลับมาที่พักเลยดีกว่า มีอาหารเย็นรออยู่แล้ว แต่บังเอิญวันที่ไปไฟดับทำให้น้ำไม่ใหล ทุกคนก็เปียกจากการเล่นน้ำ ทำไงล่ะทีนี้ ก็อยู่กันแบบเปียกๆนั่นแหละ บางคนก็ไปอาบน้ำบ้านคนอื่น ซึ่งเจ้าของที่พักเป็นคนไปขอให้ เสร็จแล้วก็มารับประทานอาหารเย็น ไฟมาประมาณเกือบๆสองทุ่ม จบไปหนึ่งวัน พักผ่อนตามอัธยาศัย
Day 2
หลักจากเหน็ดเหนื่อยมาจากเมื่อวาน วันนี้เลยหลับยาวกันนิดนึง ตื่อเช้ามาก็มีข้าวต้มร้อนๆรออยู่ ก็มีพวกกาแฟ โอวัลติน ฯลฯ แล้วแต่จะเลือกทาน ตอนเช้าก็มีปูกับกุ้งให้ทานเหมือนกันนะ เรียกได้ว่าเอาที่ทุกคนสบายใจกันได้เลย
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ก็ถึงเวลาเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า ขึ้นรถมุ่งตรงไปยังสถานที่ถัดไปทันที
และแล้วที่ที่เราไปก็คือ .... สะพานตากสิน นั่นเอง ซึ่งแดดมันก็ร้อนอ่ะ เลยทำให้ไม่ค่อยได้เก็บภาพ เที่ยวเดี๋ยวเดียว เลยมุ่งตรงไปยังสถานที่ถัดไปทันที
ใช่แล้ว และที่นี่ก็คือหน่วยสาธิตการเลี้ยงสัตว์น้ำภายในอ่างคุ้งกระเบนนั่นเอง เลยคนอาจจะสงสัยว่าที่นี่มีอะไร นั่นดิ ไปดูกันเลยดีกว่า
สำหรับที่นี่ก็จะมีสัตว์ทะเลให้เราได้ดู รวมไปถึงการเลี้ยงหอยนางรมด้วยนะ
เห้ย นั่นมันตัวอะไร ฉลาม...ห๊ะ อะไรนะ... ถูกต้องละครับ ที่นี่ยังมีการเพาะเลี้ยงฉลามอีกด้วย ใครที่ไม่เคยเจอฉลามตัวเป็นๆสามารถมาดูที่นี้ได้เลย
หลังจากที่กินไอติมคลายร้อนกันหมดไปคนละแท่งสองแท่งแล้ว คงจะมีแรกฮึดต่อที่จะไปที่ถัดไปเลยดีกว่า
ที่ที่ว่านั่นก็คือ เจดีย์กลางน้ำ นั่นเอง ซึ่งเราจะมองเห็นเจดีย์สีขาวเล็กๆอยู่บ้างนะ นั่นแหละครับท่านผู้ชม
เราสามารถมาไหว้พระขอพรได้จากตรงนี้
เก็บวิวรอบๆมาฝาก
แอบดูนาฬิกา นี่มันก็บ่ายแล้วนี่นา ยังไม่ได้ทานข้าวกลางวันเลย จะรออะไรล่ะครับ ขึ้นรถไปทันทีทันใด (อันนี้ไม่มีรูปมาฝากนะครับ)
พอทานข้าวเสร็จก่อนกลับจริงๆละคราวนี้ ก็แวะที่สุดท้าย แวะไหว้เสด็จเตี่ยวก่อนกลับ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
และเก็บภาพวิวรอบๆเล็กน้อย ก่อนจะเดินทางกลับ
จบละครับสำหรับทริปนี้ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาชม ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้านะครับ สวัสดีครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้