"ชุดแข่งชุดใหม่ แผนการเล่นใหม่ นักเตะหน้าใหม่" นี่คือสิ่งใหม่ๆในเกมส์อุ่นเครื่องของทีมชาติจีนเมื่อคืนวานนี้ แต่สิ่งใหม่มีแค่เปลือกนอกที่เห็น ผลการแข่ง 1-0 นั้น แสดงให้เห็นว่า ฟุตบอลทีมชาติจีนยังเป็นทีมเดิมที่เราคุ้นเคย
เมื่อสองเดือนก่อนในรายการ "ไชนีสคัพ" ทีมชาติสร้างผลงานอันน่าอับอายให้กับลิปปี้เป็นอย่างมาก ลิปปี้จึงทำการเปลี่ยนสายเลือดใหม่ให้กับทีมชาติจีน นอกจากเรียกจอมเก๋าในวัยใกล้ 40 ปี อย่าง "เจิ้งจื้อ" เข้ามา ยังเรียกนักเตะ U23 มาหลายคนรวมถึงดาวดังอย่าง "หวงจื่อชาง" เข้ามาร่วมทีมด้วย
11 คนแรกของทีม มีมากกว่าครึ่งเป็นหน้าใหม่ ทั้งติดทีมครั้งแรก ทั้งเคยลงไม่ถึง 5 นัด เมื่อรวมตัวกับขาประจำอย่าง เจิ้งจื้อ อู่เหลย อู๋ซี ... ทำให้เห็นชัดในการผสมผสานของคนเก่าและคนใหม่ แต่ปัญหาก็แสดงออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด
ถึงแม้ก่อนหน้านี้ทีมชาติจะไม่ชนะมา 7 นัดแล้ว แต่การชนะเมียนมาร์ 1-0 ก็ไม่เป็นที่น่ายินดีตรงไหน การแข่งขันนี้ยังไม่สามารถเรียกความมั่นใจในทีมกลับคืนมา ซึ่งในการแข่งขันนี้ สถิติการครอบครองบอล การยิงประตู(ยิง23 เข้ากรอบ4 เป็นประตู 1 ลูก จากลูกเตะมุม) เหนือกว่าทุกอย่าง เพียงแต่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้เท่านั้นเอง
ฝั่งเมียนมาร์ถึงเป็นฝ่ายแพ้แต่ไม่น่าอายตรงไหน สถิติเคยเจอกันมา 4 ครั้ง จีนชนะรวด ยิงได้18 เสีย0 ประตู แต่ถ้าดูผู้เล่นเมียนมาร์ทั้ง 22 คน อายุมากสุด 30 ปี อายุน้อยสุด 20 ปี เป็นผู้เล่น U23 ถึง 14 คน มี 4 คนติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรก และทั้งทีมมีส่วนสูงเกิน 170 เซนฯ แค่ 7 คน (นัดนี้ไม่มี อ่องตู แต่อ่องตูก็สูงไม่ถึง 170 เซนฯ อยู่ดี)
หลังเกมส์ ลิปปี้กล่าวว่า "จากการแข่งนัดนี้ ผมพอใจในเลือดนักสู้ของนักเตะทุกคน ผลชนะแค่ลูกเดียวไม่เป็นที่น่าพอใจ เราน่าจะชนะด้วยสกอร์ที่มากกว่านี้"
วันที่ 2 เดือน 6 (มิถุนายน) ทีมชาติจีนจะออกไปเล่นเกมส์อุ่นเครื่องกับทีมชาติไทย คู่แข่งที่เคยยัดเยียดความปราชัยอันน่าอับอายให้กับทีมชาติจีน ทีมชาติจีนจะสามารถล้างอัปยศ 1-5 ครั้งนั้นได้หรือ?
ปล. เจิ้งจื้อ อายุ 38 ปี ตำแหน่งกองกลาง (ใส่เสื้อเบอร์ 10) ลงสนามทีมชาติ 99 เกมส์ (รวมนัดเมียนมาร์) ถ้าได้ลงนัดเจอทีมชาติไทยก็ครบ 100 นัดพอดี ให้กำลังใจเขาหน่อยนะครับ
credit:
https://zj.zjol.com.cn/news/949645.html 
(เรียบเรียงข่าวจากจีน) ฟุตบอลอุ่นเครื่อง จีน 1 - 0 เมียนมาร์ "ความเชื่อมั่นยังไม่กลับมา กลับเห็นปัญหามากว่าเดิม"
เมื่อสองเดือนก่อนในรายการ "ไชนีสคัพ" ทีมชาติสร้างผลงานอันน่าอับอายให้กับลิปปี้เป็นอย่างมาก ลิปปี้จึงทำการเปลี่ยนสายเลือดใหม่ให้กับทีมชาติจีน นอกจากเรียกจอมเก๋าในวัยใกล้ 40 ปี อย่าง "เจิ้งจื้อ" เข้ามา ยังเรียกนักเตะ U23 มาหลายคนรวมถึงดาวดังอย่าง "หวงจื่อชาง" เข้ามาร่วมทีมด้วย
11 คนแรกของทีม มีมากกว่าครึ่งเป็นหน้าใหม่ ทั้งติดทีมครั้งแรก ทั้งเคยลงไม่ถึง 5 นัด เมื่อรวมตัวกับขาประจำอย่าง เจิ้งจื้อ อู่เหลย อู๋ซี ... ทำให้เห็นชัดในการผสมผสานของคนเก่าและคนใหม่ แต่ปัญหาก็แสดงออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด
ถึงแม้ก่อนหน้านี้ทีมชาติจะไม่ชนะมา 7 นัดแล้ว แต่การชนะเมียนมาร์ 1-0 ก็ไม่เป็นที่น่ายินดีตรงไหน การแข่งขันนี้ยังไม่สามารถเรียกความมั่นใจในทีมกลับคืนมา ซึ่งในการแข่งขันนี้ สถิติการครอบครองบอล การยิงประตู(ยิง23 เข้ากรอบ4 เป็นประตู 1 ลูก จากลูกเตะมุม) เหนือกว่าทุกอย่าง เพียงแต่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้เท่านั้นเอง
ฝั่งเมียนมาร์ถึงเป็นฝ่ายแพ้แต่ไม่น่าอายตรงไหน สถิติเคยเจอกันมา 4 ครั้ง จีนชนะรวด ยิงได้18 เสีย0 ประตู แต่ถ้าดูผู้เล่นเมียนมาร์ทั้ง 22 คน อายุมากสุด 30 ปี อายุน้อยสุด 20 ปี เป็นผู้เล่น U23 ถึง 14 คน มี 4 คนติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรก และทั้งทีมมีส่วนสูงเกิน 170 เซนฯ แค่ 7 คน (นัดนี้ไม่มี อ่องตู แต่อ่องตูก็สูงไม่ถึง 170 เซนฯ อยู่ดี)
หลังเกมส์ ลิปปี้กล่าวว่า "จากการแข่งนัดนี้ ผมพอใจในเลือดนักสู้ของนักเตะทุกคน ผลชนะแค่ลูกเดียวไม่เป็นที่น่าพอใจ เราน่าจะชนะด้วยสกอร์ที่มากกว่านี้"
วันที่ 2 เดือน 6 (มิถุนายน) ทีมชาติจีนจะออกไปเล่นเกมส์อุ่นเครื่องกับทีมชาติไทย คู่แข่งที่เคยยัดเยียดความปราชัยอันน่าอับอายให้กับทีมชาติจีน ทีมชาติจีนจะสามารถล้างอัปยศ 1-5 ครั้งนั้นได้หรือ?
ปล. เจิ้งจื้อ อายุ 38 ปี ตำแหน่งกองกลาง (ใส่เสื้อเบอร์ 10) ลงสนามทีมชาติ 99 เกมส์ (รวมนัดเมียนมาร์) ถ้าได้ลงนัดเจอทีมชาติไทยก็ครบ 100 นัดพอดี ให้กำลังใจเขาหน่อยนะครับ
credit: https://zj.zjol.com.cn/news/949645.html