เราเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ พบจิตแพทย์และรับยามาตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม 2560
สาเหตุมาจากการผิดหวังเรื่องความรักและเราดึงตัวเองมาจากความเศร้าไม่ได้ เลยไปหาหมอ รับยา กินยาอย่างต่อเนื่อง
ยาและการพบหมอช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้ามีเรื่องมากระทบจิตใจ เราจะดำดิ่งทันที
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราไม่อยากทำอะไรเลยนอกกจากนอน วันหยุดเราจะปิดม่านในห้องให้มืดมิด ปิดไฟและนอนไปตลอดทั้งวัน
รู้สึกว่าการนอนหลับคือความสุขอย่างที่สุดและทำให้เวลาในแต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เราหมดความสนุก หมดความสนใจในเรื่องที่เคยชอบ อย่างเช่นอ่านหนังสือ ออกกำลังกาย
ทุกครั้งที่กลับไปทำสิ่งเหล่านั้นคือความทรมานและฝืนใจอย่างที่สุด
เราเคยทำร้ายตัวเองด้วยการใช้มีดพกกรีดข้อมือแต่ไม่ได้กรีดลึกอะไรแค่กรีดซ้ำๆให้เป็นรอย
และทุกครั้งที่เราทำเรารู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยความรู้สึกที่หนักหน่วงในใจ
รู้สึกดีที่ได้เห็นรอยแผลบนข้อมือตัวเอง เราจ้องมองรอยแผลจางๆนั้นและคิดว่าต้องทำอีก
จนวันนึงเรากลับมามีความสุขจากการรู้สึกดีกับคนๆหนึ่ง
เค้าเป็นเหมือนแสงสว่าง เป็นความสุขที่เราโหยหามานาน
เราไม่ได้หัวเราะเต็มเสียง ยิ้มเต็มที่และเกิดความอบอุ่นในหัวใจมานานมากแล้ว
ความสัมพันธ์ที่ "เหมือนจะ" ไปได้ดี มีโอกาสพัฒนา แต่ผ่านมา 5 เดือนกลับไม่มีความชัดเจนใดๆ
เหมือนเราเป็นฝ่ายพยายามหาทางใกล้ชิด เป็นฝ่ายทักไลน์และโทรหาเค้าอยู่ฝ่ายเดียว
และช่วงหลังๆมานี้เค้ารับปากว่าจะโทรกลับแต่ก็ไม่มีเบอร์เค้าโทรกลับมา
เราเลยตัดสินใจเดินออกมาจากความสัมพันธ์นี้เอง ออกมาทั้งๆที่เจ็บปวด
และมีหลายคำถามที่อยากถาม แต่ว่า...ความเงียบของเค้าคงเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดแล้ว
20/05/2561 เราได้เจอเค้าครั้งล่าสุด ภายนอกเราสนุกสนาน ยิ้มแย้มทำเหมือนไม่สนใจ
แต่เมื่อเค้าพ้นจากสายตาเราไป เราร้องไห้หนักมาก ร้องเหมือนใจจะขาด และตัดสินใจเดินออกมาเพราะรู้สึกว่า
เราพยายามมากเกินไปแล้ว มันเหนื่อยเกินไปแล้ว เราร้องไห้จนเหนื่อย
ในที่สุดเราเจอทางออกจากการได้ฟังเพลง "เดียวดายกลางสายลม"โดยบังเอิญ
เนื้อเพลงนี้เชิญชวนให้อยากจบชีวิตมาก เราฟังเพลงนี้บ่อยๆ จากที่เคยร้องไห้ก็หยุดร้อง ฟังแล้วรู้สึกล่องลอย
และเห็นทางที่จะพ้นจากความเจ็บปวด
21/05/2561 เย็นวันนี้เราเตรียมที่จะทำร้ายตัวเอง เราแอบขโมยยาของน้องสาว คือน้องสาวเรามีอาการเครียด
และพบจิตแพทย์โรงพยายาบาลเดียวกับที่เรารักษาอยู่ น้องได้ยานอนหลับกับยาอีกตัวนึงทานคู่กัน
แต่น้องเลือกทานแค่ยานอนหลับ เก็บยาอีกตัวนึงไว้เพราะน้องเคยกินแล้วบอกว่ามีอาการง่วงซึมไปทั้งวัน
เราแอบขโมยยาตัวนั้นค่ะ ขโมยมาหนึ่งแผง 10 เม็ดเพื่อไม่ให้น้องผิดสังเกต เตรียมยาแก้แพ้ 1 กระปุก
ยาพาราเท่าที่มี 2 แผง และยานอนหลับของเราที่เหลือก่อนจะพบหมอครั้งต่อไป เราไม่รู้หรอกว่ายาจำนวนนี้จะทำให้เราตายได้มั้ย
แต่เราแค่อยากหลับยาวๆ หลับไปนานๆ ไม่ต้องตื่นมารับรู้อะไร ไม่ต้องคิดซ้ำๆ ไม่ต้องมีคำถามอะไรอีก
***จุดเปลี่ยนคือน้องเลิกงานกลับมา น้องร้องไห้ปรับทุกข์กับเราเรื่องงานที่ต้องทำยอดให้ได้ตามเป้า น้ำตาและความทุกข์ของน้อง
ทำให้เราไม่ได้ลงมือในคืนนั้น แต่ยังเก็บยาไว้อยู่ ตั้งใจว่ารอให้น้องหายเครียดแล้วเราจะลงมือ
23/05/2561 วันนี้เราไปบ้านสงเคราะห์หมาและแมวแห่งหนึ่ง เป็นที่ๆเราตั้งใจอยากจะไปนานแล้ว และเป็นความตั้งใจที่ยังค้างคาอยู่
บ้านสงเคราะห์นี้เจ้าของใช้ทุนของตัวเองเลี้ยงดูหมา 200 ตัว แมว 70 ตัว คอยดูแลให้อาหาร ทำความสะอาดกรง สัตว์ที่นี่ได้กินข้าววันละมื้อ
เรามอบเงินให้เจ้าของบ้านและเข้าไปดูข้างใน น้องหมาและน้องแมวมีกรงอยู่แยกพื้นที่ชัดเจน แต่ละกรงอยู่กันไม่แออัด
บางกรงก็แยกอยู่ตัวเดียว เราไปที่กรงน้องแมว พอเห็นคนน้องแมวจรหลากสีสันก็ปรี่เข้ามาหา ยื่นขาหน้าออกมาให้จับ อยากทำความรู้จัก
เราทำได้แค่สอดนิ้วเข้าไปในกรงเล่นกับมัน พอไปที่กรงๆหนึ่งเป็นลูกหมา 5 ตัวที่เพิ่งถูกคนนำมาปล่อย
เราเห็นความกระตือรือร้นที่อยากทำความรู้จัก ดวงตาซื่อใส ไร้เดียวสา ทำให้เราเกิดคำถามว่า
"ความหมายของการมีชีวิตอยู่คืออะไร"
คือ...การมีที่อยู่ แม้จะอยู่แบบจำกัด ไม่มีอิสระที่จะวิ่งเล่นไปไหนตามชอบใจ
คือ...ความอิ่มท้อง แม้จะเพียงหนึ่งมื้อต่อวัน
มีเจ้าของดูแลเอาใจใส่ ไม่ต้องเร่ร่อนตามข้างถนนเสี่ยงต่อการถูกรถชนจนกลายเป็นสัตว์พิการ
หรือถูกทำร้ายและแน่นอนว่ายังไงก็มีอาหารให้กิน ไม่ต้องเร่ร่อนไปตามยถากรรม
****ที่สำคัญที่สุดคือเจ้าของบ้านที่อุทิศตัวเองดูแลน้องหมาน้องแมวเหล่านี้ด้วยหัวใจ
เป็นกิจวัตรที่วนเวียน ซ้ำซาก จำเจ อยู่กับการต้มข้าวรอบเช้า ล้างกรง ดูแลสัตว์บางตัวที่เจ็บป่วย
และต้มข้าวรอบบ่ายเพื่อเอาไปให้หมาจรตามไร่อ้อยที่ไม่ไว้ใจคน
งานที่หนัก เหนื่อย และเชิญชวนให้ทอดทิ้งเสียกลางคันหลายต่อหลายครั้ง
แต่เพราะความเมตตาและสงสารที่ทำให้เจ้าของบ้านยังคงทำงานนี้ซ้ำๆโดยไม่เหน็ดเหนื่อย
เงินที่เรามอบให้หลักพันเท่ากับอาหารมื้อเดียวของสัตว์ที่นี่เท่านั้น
มีอีกหลายอย่างที่ทำให้เราอยากกลับไปอีกครั้ง
กลับไปสัมผัสความรู้สึกอิ่มเอมจากการแบ่งปัน
และพลังใจจากสิ่งมีชีวิตที่ถูกมองว่าไร้ค่า
แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่า มือเล็กๆที่ยื่นออกมาเพื่อทำความรู้จัก
หางที่กระดิกด้วยความดีใจนั้น เติมเต็มหัวใจที่ว่างโหวงของเราให้เต็มตื้นขึ้นมามากแค่ไหน ...
***ขอบคุณ
น้องสาว หลายครั้งที่เป็นหลักให้เราโดยที่น้องเองก็ไม่รู้ตัว น้องเราเป็นคนเข้มแข็งมากค่ะ เจอปัญหาชีวิตที่หนักๆมาหลายครั้ง
และสาหัสมากกว่าเรา แต่น้องก็ไม่เคยคิดที่จะทำร้ายตัวเอง ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร
น้องเราจะสู้และยืนขึ้นมาได้อย่างเข้มแข็งและสง่างามทุกครั้ง
***ขอบคุณ
น้องหมาและน้องแมวจร ชีวิตจรจัดที่ไม่มีใครสนใจ แต่ก็ยังดิ้นรนอยากจะมีชีวิตอยู่
ดวงตาอันบริสุทธิ์นั้นทำให้เราเกิดพลังใจที่อยากจะอยู่ต่อ แม้ว่าจะต้องอยู่อย่างเหนื่อยหัวใจ
และไร้ความรู้สึกก็ตาม.....
[โรคซึมเศร้า] ขอบคุณน้องสาวและน้องหมาจร แมวจรที่ช่วยชีวิตคนที่วางแผนจะฆ่าตัวตายอย่างเรา
สาเหตุมาจากการผิดหวังเรื่องความรักและเราดึงตัวเองมาจากความเศร้าไม่ได้ เลยไปหาหมอ รับยา กินยาอย่างต่อเนื่อง
ยาและการพบหมอช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้ามีเรื่องมากระทบจิตใจ เราจะดำดิ่งทันที
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราไม่อยากทำอะไรเลยนอกกจากนอน วันหยุดเราจะปิดม่านในห้องให้มืดมิด ปิดไฟและนอนไปตลอดทั้งวัน
รู้สึกว่าการนอนหลับคือความสุขอย่างที่สุดและทำให้เวลาในแต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เราหมดความสนุก หมดความสนใจในเรื่องที่เคยชอบ อย่างเช่นอ่านหนังสือ ออกกำลังกาย
ทุกครั้งที่กลับไปทำสิ่งเหล่านั้นคือความทรมานและฝืนใจอย่างที่สุด
เราเคยทำร้ายตัวเองด้วยการใช้มีดพกกรีดข้อมือแต่ไม่ได้กรีดลึกอะไรแค่กรีดซ้ำๆให้เป็นรอย
และทุกครั้งที่เราทำเรารู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยความรู้สึกที่หนักหน่วงในใจ
รู้สึกดีที่ได้เห็นรอยแผลบนข้อมือตัวเอง เราจ้องมองรอยแผลจางๆนั้นและคิดว่าต้องทำอีก
จนวันนึงเรากลับมามีความสุขจากการรู้สึกดีกับคนๆหนึ่ง
เค้าเป็นเหมือนแสงสว่าง เป็นความสุขที่เราโหยหามานาน
เราไม่ได้หัวเราะเต็มเสียง ยิ้มเต็มที่และเกิดความอบอุ่นในหัวใจมานานมากแล้ว
ความสัมพันธ์ที่ "เหมือนจะ" ไปได้ดี มีโอกาสพัฒนา แต่ผ่านมา 5 เดือนกลับไม่มีความชัดเจนใดๆ
เหมือนเราเป็นฝ่ายพยายามหาทางใกล้ชิด เป็นฝ่ายทักไลน์และโทรหาเค้าอยู่ฝ่ายเดียว
และช่วงหลังๆมานี้เค้ารับปากว่าจะโทรกลับแต่ก็ไม่มีเบอร์เค้าโทรกลับมา
เราเลยตัดสินใจเดินออกมาจากความสัมพันธ์นี้เอง ออกมาทั้งๆที่เจ็บปวด
และมีหลายคำถามที่อยากถาม แต่ว่า...ความเงียบของเค้าคงเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดแล้ว
20/05/2561 เราได้เจอเค้าครั้งล่าสุด ภายนอกเราสนุกสนาน ยิ้มแย้มทำเหมือนไม่สนใจ
แต่เมื่อเค้าพ้นจากสายตาเราไป เราร้องไห้หนักมาก ร้องเหมือนใจจะขาด และตัดสินใจเดินออกมาเพราะรู้สึกว่า
เราพยายามมากเกินไปแล้ว มันเหนื่อยเกินไปแล้ว เราร้องไห้จนเหนื่อย
ในที่สุดเราเจอทางออกจากการได้ฟังเพลง "เดียวดายกลางสายลม"โดยบังเอิญ
เนื้อเพลงนี้เชิญชวนให้อยากจบชีวิตมาก เราฟังเพลงนี้บ่อยๆ จากที่เคยร้องไห้ก็หยุดร้อง ฟังแล้วรู้สึกล่องลอย
และเห็นทางที่จะพ้นจากความเจ็บปวด
21/05/2561 เย็นวันนี้เราเตรียมที่จะทำร้ายตัวเอง เราแอบขโมยยาของน้องสาว คือน้องสาวเรามีอาการเครียด
และพบจิตแพทย์โรงพยายาบาลเดียวกับที่เรารักษาอยู่ น้องได้ยานอนหลับกับยาอีกตัวนึงทานคู่กัน
แต่น้องเลือกทานแค่ยานอนหลับ เก็บยาอีกตัวนึงไว้เพราะน้องเคยกินแล้วบอกว่ามีอาการง่วงซึมไปทั้งวัน
เราแอบขโมยยาตัวนั้นค่ะ ขโมยมาหนึ่งแผง 10 เม็ดเพื่อไม่ให้น้องผิดสังเกต เตรียมยาแก้แพ้ 1 กระปุก
ยาพาราเท่าที่มี 2 แผง และยานอนหลับของเราที่เหลือก่อนจะพบหมอครั้งต่อไป เราไม่รู้หรอกว่ายาจำนวนนี้จะทำให้เราตายได้มั้ย
แต่เราแค่อยากหลับยาวๆ หลับไปนานๆ ไม่ต้องตื่นมารับรู้อะไร ไม่ต้องคิดซ้ำๆ ไม่ต้องมีคำถามอะไรอีก
***จุดเปลี่ยนคือน้องเลิกงานกลับมา น้องร้องไห้ปรับทุกข์กับเราเรื่องงานที่ต้องทำยอดให้ได้ตามเป้า น้ำตาและความทุกข์ของน้อง
ทำให้เราไม่ได้ลงมือในคืนนั้น แต่ยังเก็บยาไว้อยู่ ตั้งใจว่ารอให้น้องหายเครียดแล้วเราจะลงมือ
23/05/2561 วันนี้เราไปบ้านสงเคราะห์หมาและแมวแห่งหนึ่ง เป็นที่ๆเราตั้งใจอยากจะไปนานแล้ว และเป็นความตั้งใจที่ยังค้างคาอยู่
บ้านสงเคราะห์นี้เจ้าของใช้ทุนของตัวเองเลี้ยงดูหมา 200 ตัว แมว 70 ตัว คอยดูแลให้อาหาร ทำความสะอาดกรง สัตว์ที่นี่ได้กินข้าววันละมื้อ
เรามอบเงินให้เจ้าของบ้านและเข้าไปดูข้างใน น้องหมาและน้องแมวมีกรงอยู่แยกพื้นที่ชัดเจน แต่ละกรงอยู่กันไม่แออัด
บางกรงก็แยกอยู่ตัวเดียว เราไปที่กรงน้องแมว พอเห็นคนน้องแมวจรหลากสีสันก็ปรี่เข้ามาหา ยื่นขาหน้าออกมาให้จับ อยากทำความรู้จัก
เราทำได้แค่สอดนิ้วเข้าไปในกรงเล่นกับมัน พอไปที่กรงๆหนึ่งเป็นลูกหมา 5 ตัวที่เพิ่งถูกคนนำมาปล่อย
เราเห็นความกระตือรือร้นที่อยากทำความรู้จัก ดวงตาซื่อใส ไร้เดียวสา ทำให้เราเกิดคำถามว่า
"ความหมายของการมีชีวิตอยู่คืออะไร"
คือ...การมีที่อยู่ แม้จะอยู่แบบจำกัด ไม่มีอิสระที่จะวิ่งเล่นไปไหนตามชอบใจ
คือ...ความอิ่มท้อง แม้จะเพียงหนึ่งมื้อต่อวัน
มีเจ้าของดูแลเอาใจใส่ ไม่ต้องเร่ร่อนตามข้างถนนเสี่ยงต่อการถูกรถชนจนกลายเป็นสัตว์พิการ
หรือถูกทำร้ายและแน่นอนว่ายังไงก็มีอาหารให้กิน ไม่ต้องเร่ร่อนไปตามยถากรรม
****ที่สำคัญที่สุดคือเจ้าของบ้านที่อุทิศตัวเองดูแลน้องหมาน้องแมวเหล่านี้ด้วยหัวใจ
เป็นกิจวัตรที่วนเวียน ซ้ำซาก จำเจ อยู่กับการต้มข้าวรอบเช้า ล้างกรง ดูแลสัตว์บางตัวที่เจ็บป่วย
และต้มข้าวรอบบ่ายเพื่อเอาไปให้หมาจรตามไร่อ้อยที่ไม่ไว้ใจคน
งานที่หนัก เหนื่อย และเชิญชวนให้ทอดทิ้งเสียกลางคันหลายต่อหลายครั้ง
แต่เพราะความเมตตาและสงสารที่ทำให้เจ้าของบ้านยังคงทำงานนี้ซ้ำๆโดยไม่เหน็ดเหนื่อย
เงินที่เรามอบให้หลักพันเท่ากับอาหารมื้อเดียวของสัตว์ที่นี่เท่านั้น
มีอีกหลายอย่างที่ทำให้เราอยากกลับไปอีกครั้ง
กลับไปสัมผัสความรู้สึกอิ่มเอมจากการแบ่งปัน
และพลังใจจากสิ่งมีชีวิตที่ถูกมองว่าไร้ค่า
แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่า มือเล็กๆที่ยื่นออกมาเพื่อทำความรู้จัก
หางที่กระดิกด้วยความดีใจนั้น เติมเต็มหัวใจที่ว่างโหวงของเราให้เต็มตื้นขึ้นมามากแค่ไหน ...
***ขอบคุณ
น้องสาว หลายครั้งที่เป็นหลักให้เราโดยที่น้องเองก็ไม่รู้ตัว น้องเราเป็นคนเข้มแข็งมากค่ะ เจอปัญหาชีวิตที่หนักๆมาหลายครั้ง
และสาหัสมากกว่าเรา แต่น้องก็ไม่เคยคิดที่จะทำร้ายตัวเอง ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร
น้องเราจะสู้และยืนขึ้นมาได้อย่างเข้มแข็งและสง่างามทุกครั้ง
***ขอบคุณ
น้องหมาและน้องแมวจร ชีวิตจรจัดที่ไม่มีใครสนใจ แต่ก็ยังดิ้นรนอยากจะมีชีวิตอยู่
ดวงตาอันบริสุทธิ์นั้นทำให้เราเกิดพลังใจที่อยากจะอยู่ต่อ แม้ว่าจะต้องอยู่อย่างเหนื่อยหัวใจ
และไร้ความรู้สึกก็ตาม.....