[CR] Intro [JAF] ศิลปะ ณ Vancouver ตอนที่ 0:

กระทู้รีวิว

ศิลปะ วิจิตรศิลป์ (Fine Art) ภาพถ่าย มหาวิทยาลัย ชีวิตในต่างแดน

สวัสดีครับ… พวกเราชาว JAF จะพาเพิ่อนๆไปเยี่ยมชมศิลปะที่แฝงอยู่ในสถานที่ต่างๆ ที่สามารถเป็นตัวสื่อสารวิถีชีวิตและสิ่งแวดล้อมของที่นั้นๆในแบบจ๊าฟๆกันครับ !!! เพี้ยนแช๊ะ

ก่อนอื่นต้องแนะนำตัวก่อนเลย... JAF เกิดจากการรวมตัวของ เด็กนักเรียนไทยในเมืองแวนคูเวอร์ประเทศแคนาดา ก็เลยอยากพาเพื่อนๆไปชมศิลปะในเมืองนี้ซักหน่อย… ถึงแม้พวกเรามีความสนใจในต่างสาขาวิชากันแต่ก็เห็นตรงกันว่า “ศิลปะ” นี่แหละที่สามารถใช้สื่อสารทางวัฒนธรรมได้จ๊าฟและชัดเจนที่สุด ถึงไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาในการสื่อสาร แต่ก็สามารถทำให้คนเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ได้ เพราะงั้น… ชาว JAF เลยตัดสินใจ รวบรวม Art จาก Gallery ที่เราไปแวะชมใน เมือง แวนคูเวอร์, “one of the greenest cities in the world.” มาให้ชมกันครับ

ในขณะที่เรียนอยู่พวกเราตื่นเต้นกับวัฒนธรรมใหม่ๆของทางตะวันตกและหนึ่งในชาวจ๊าฟก็ได้มีโอกาสเรียนวิชา Art History เลยมีโอกาสรู้จักกับ ศิลปิน ชาวญี่ปุ่นอย่าง Takashi Murakami ที่ชาวตะวันตกหลงไหลถึงกับศึกษาศิลปะของเขาและนำผลงานของเขาไปจัดแสดงทั่วโลก

ศิลปินคนนี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากชาติตะวันตกเขาเคยได้เป็น designer ให้กับ luxury brand อย่าง Louis Vuitton โดยได้รับการติดต่อจาก Marc Jacob อีกด้วย!!! ยังไม่พอ!!! เค้าเคยได้จัดวางผลงานของเค้าที่พระราชวังแวร์ซายในประเทศฝรั่งเศสมาแล้วอีกด้วย!!!!!!!!

ช่วงเดือนสุดท้ายก่อนกลับประเทศไทย เป็นโชคของ พวกเราที่ Vancouver Art Gallery ไดัจัด Exhibition ของ Takashi Murakamiในช่วงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ถึง 6 พฤษภาคม 2561 ภายใต้ชื่อ “The Octopus Eats Its Own Leg” หรือภาษาไทยก็คือ ปลาหมึกกินขาตัวเอง นั่นแหละ 5555

โดยงานจัดแสดงนี้จะเน้นไปที่วิวัฒนาการในชิ้นงานของทาคาชิตลอดช่วงเวลา 30 ปี ที่ทาคาชิได้สร้างสรรค์ออกมา หากใครมีโอกาสแวะมา.. บอกได้เลยครับว่าคุ้มจ๊าดส์ เพี้ยนออกทริป

จะผลงานเก่าๆที่ทาคาชิไม่ค่อยอยากจะโชว์.. ก็มี.. ผลงานขนาดเป้ง..ก็มี..

Nuclear Power Picture ,1988
ทาคาชิไม่ค่อยอยากจะโชว์เพราะเขาไปลอกเทคนิคจากศิลปินคนอื่นมา555 อีกทั้งยังเป็นผลงานเชิงเสียดสี้รัฐบาลอันแรก

727, 1996

ไอเดียที่โดดเด่นของทาคาชิคือการรวมศิลปะที่เขาคิดว่าเป็นไอคอนของญี่ปุ่นกับศิลปะร่วมสมัยของทางตะวันตกซึ่งทางทาคาชิเองก็ทำได้จ๊าฟจนเป็นที่ยอมรับระดับสากล ซึ่งในช่วงปลายของยุค 90s ผลงานที่เป็นที่รู้จักและนิยมมากที่สุดตัวนึ่งคือเจ้าตัวการตูนหน้าคล้ายๆมิคกี้เม้าส์หรือ Mr. DOB(มิสเตอร์โด๊บ) โด๊บเป็นเหมือนแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่ช่วยปูทางให้ตัวละครอื่นๆหรือไอเดียใหม่ๆอย่างเช่นในโซนจัดแสดง Superflat ที่มิสเตอร์โด๊บถูกแปลงร่างให้กระจายตัวไปทั่วพื้นผิวของชิ้นงาน

ต่อด้วยภาพ superflat

Mr.DOB ได้ปูทางให้กับตัวละครอื่น ๆ ตลอดอาชีพของตัวศิลปิน โดยตัวการ์ตูนหน้าหนู รูปทรงโค้งมน แสดงให้เห็นถึงความเรียบง่ายของแนวคิด Superflat ภาพสกินที่แผ่กระจายไปทั่วพื้นผิวเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นภาพเขียนประติมากรรม ไปจนถึงของเล่นตุ๊กตา และสติกเกอร์

ในตัวงานจะมีส่วนจัดแสดงที่เป็นห้องดำ แต่ที่จ๊าฟคือมีการฉายไฟจากด้านหลังของผลงาน ทำให้สีสันของเหล่าพระอรหันต์ ที่มีอยู่เต็มห้องให้ดูน่วนผ่องละมุ่นตา อย่างไรก็ตามในช่วงปี 2554 นั้นแนวคิดหลักในการสร้างสรรค์ผลงานของทาคาชิมาจากพุทธศาสนาด้วยเหตุที่เขาคิดว่าศาสนาจะช่วยบรรเทาความโศกเศร้าจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในฟูกูชิม่าที่เกิดขึ้นในปีนั้นนั่นเอง
ภาพในห้องมืด

Embodiment of “Um” 2014 & Embodiment of “A” 2014

Isle of the Dead, 2014

Tan Tan Bo Puking- Gero Tan, 2002

งานศิลปะชิ้นนี้ในความคิดของเราแล้วมีลักษณะที่ยุ่งเหยิงแต่ที่มันยุ่งเหยิงก็เพราะมันสื่อถึงค่านิยมที่หลากหลายที่มุราคามิได้ซึมซับเข้าไปแล้วรู้สึกว่ามันมากเกินไปจนต้องสำรอกออกมา เป็นความรู้สึกที่เอ่อล้นออกมาจากความเบื่อหนายสังคม เราจะเห็นได้จาก ผลงานชิ้นนี้ได้รวบรวมทุกๆองค์ประกอบของมนุษย์ที่ก่อให้เกิดเรื่องราวต่างๆ อาทิเช่น ความสัมพันธ์ระหว่างเพศ (ที่มีทั้งดีและไม่ดี ขึ้นอยู่กับเราจะทำมันออกมาในรูปแบบไหน), บ้านเมือง (การที่จะมีการพัฒนาได้ต้องมีการเสียสละอะไรบางอย่างไป) และได้รวมไปถึงการระเบิดของความบ้าคลั่งทั้งหมดที่ปะทุออกมา ก่อให้เกิด Big Bang หรือในที่นี้คือเจ้า Gero Tan นี่เอง. เพี้ยนกิน

หลายผลงานของทาคาชิใน “The Octopus Eats Its Own Leg” ต้องเตือนไว้ก่อนเลยนะครับ ว่าสัมผัสได้ถึงความคลุ้มคลั่งแบบจัดเต็ม ทั้งสีสัน ตัวละคร และไอเดียต่างๆที่เขาเอามารวมกัน รับประกันว่าดูจนตาแฉะกันไปเลยครับ เพี้ยนนักทดลอง

Waterfall Appears in the Ocean วาดด้วยสีอะคริลิคลงบนแผ่นไม้
ในขั้นตอนการจัดทำผลงานต่างๆ มูราคามิ กับลูกทีมในสตูดิโอ Kaikai Kiki ของเขา เป็นกลุ่มคนหลักที่ดำเนินการ ทาสี แกะสลัก และ นำเสนอความบ้าคลั่งในงานแต่ละชิ้น รวมถึงการโปรโมตเชิงพาณิชย์ด้วยนะครับนี่ ศิลปินหน้าใหม่ อาที่เช่น Chiho Aoshima, Aya Takano, Chinatsu Ban, Mahomi Kunikata และ Rei Sato ก็ได้ศึกษางาน และเติบโตอยู่ใน Kaikai Kiki สตูดิโอ ซะด้วย

Tan Tan Bo Puking—a.k.a. Gero Tan, works from Tan Tan Bo series, 2018

Tan Tan Bo, 2001
น้องๆ ให้ความสนใจกับงาน Art มากๆ (เหลือบๆ ดูกระดาษ น้องๆ เค้ากำลัง หา ไอเดีย, เทคนิค และ แรงบัลดาลใจในการวาดรูปอยู่… ลึกซึ้งแต่เด็กเลยนะ เพี้ยนสู้สู้

)

นอกจากจะจัดแสดงผลงานแล้ว ที่ Vancouver Art Gallery ก้มีผลงาน lithography ของ Murakami ขายอยู่ด้วย.. โดย ผลงานเหล่านี่ จะเป็น limited edition มีแค่ 300 ชิ้นต่อรุ่นเท่านั้น เพราะ แต่ละรูปจะมีลายเซ็น และเลขรหัส ยืนยันด้วยลายมือของทาคาชิเลยนะครับ เพี้ยนชนะเลิศ

ภาพ นี้มีชื่อว่า “Obliterate the self and even a fire is cool” เป็น ผลงานของ คุณ Murakami ขนาด 50 x 50 cm limited edition of 300 ชุดนะครับ แต่… เรื่องราคา ก้ตามที่เห็นครับ แบบมีเฟรม จะตกอยู่ที่ $2,915.00 กับ $2,700 สำหรับภาพที่ไม่มี เฟรมครับ

นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่นๆอย่าง หมอนข้าง ตุ๊กตา ปากกา เข็มกลัด ร่วมถึงหนังสือ บอกเลยครับ ราคาค่อนข้างสูงเลยทีเดียว 555 ถึงจะไม่เท่ากับรูป Limited Edition แต่ก้แพงถ้าเทียบกับราคาสินค้าทั่วไปครับ