*** จขกท.ยังงงๆว่าผมเดินทางกับแม่ แต่พอถึง ตม.อเมริกา ผมผ่าน แม่ติด ตม. แต่ครึ่ง ชม. เค้าก็ปล่อยออกมา***
ยาวหน่อยนะครับ พยายามใส่ข้อมูลทั้งหมดเพื่ออยากรู้ว่า ทำไมแม่ผมติด ตม.
- เริ่มจาก
1.มีโปรโมชั่นฮ่องกงแอร์ไลน์ BKK-LAX คนละ 17,000 บาท มีน้องสาวอยู่ที่อเมริกา (แต่งงานกับคนทางโน้นแล้ว) มีวีซ่าแล้วทั้งแม่ลูก ขอไว้เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว และจะหมดอายุสิ้นปีนี้
2.ผมเดินทางครั้งนี้ครั้งที่ 2 ครั้งแรกก็เมื่อ 10 ปีที่แล้วตอนขอวีซ่าใหม่ๆ ส่วนแม่ เดินทางครั้งที่ 4 (ไม่รวมวีซ่าก่อนโน้นเมื่อสมัยสาวๆ) สองครั้งหลังแม่ไปอยู่โน่นประมาณครั้งละ 2 เดือน
3.ผมวางแผนเที่ยว 16 วัน แบ่งเป็น 2 ทริป ทริปแรก LAX-LAS VEGAS-GRANDCANYON-PAGE-LAS VEGAS โดยมีญาติเดินทางมาสมทบ รวมเที่ยวทั้งหมด 6 คน ผมจอง ผมจอง รร.โดยใช้ชื่อผม 3 รร. ที่เหลือรวมถึงเช่ารถ น้องสาวจัดการให้ทั้งหมด
4.หลังจากจบทริปแรก แยกทางกับญาติที่มาสมทบ และเดินทางต่อไป alaska (4 คน คือผม แม่ น้องสาว และแฟนน้อง) ทริปนี้ไม่ได้วางแผนเลย แค่น้องสาวซื้อตั๋วเครื่องบินไว้สำหรับ 4 คน ที่คิดไว้คือ จะเช่ารถ RV เลยไม่ได้จอง รร.
- การจัดการเป๋า และเครื่องใช้ต่างๆ
1.กระเป๋า 20" 24" 26" อย่างละใบ
2.ของฝาก เพียบรวมน้ำหนัก 26 กก.(อันนี้แม่จัดการ ผมไม่รู้เรื่องเลย) ของฝากมีทั้งขนมต่างๆ กุ้งแห้ง น้ำปลาร้า(ไม่รู้ใส่อะไรไป) ที่เด็ดสุดคือปลาสลิดตากแห้ง (ผมมารู้ทีหลังว่ามันไม่ได้แห้งเท่าไหร่ ออกจะมีกลิ่นเน่าแล้วด้วยซ้ำ)
3.ก่อนหน้าเดินทาง 1 อาทิตย์ ไปเที่ยวประเทศจีนมาด้วย ก็มีของฝากที่เป็นขนมจากประเทศจีนด้วย เช่นพวกบ๊วย ฯลฯ
4.เสื้อผ้าของผมเอาไปเยอะมาก ด้วยเพราะอยู่ 17 วัน นน.สายการบินให้ 23*2 กก. เลยเอาไปเผื่อญาติด้วย (ดูพยากรณ์อากาศบอกว่าแกรนแคนย่อนหนาวมาก) และเผื่อ alska ด้วย ขี้เกียจซัก เอาเสื้อกันหนาว (ขนเป็ดของ uniqlo) ไป 7 ตัว เสื้อฮีตเทค 3 กางเกงฮีทเทค 2 บล็อกเทคอีก 2 กางเกงขายาวอีก 3 เสื้อแขนสั้น 10 ชุดนอนอีก 3 ไม่รวมของแม่นะ
-การเดินทาง
1.โดยสายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์ จองผ่าน expedia แวะที่ฮ่องกง
2.ตอนเช็คอิน พนักงานให้กรอกสถานที่พักด้วย ก็กรอกที่พักของน้องสาวไป สำหรับใครที่จะจองผ่าน expedia ให้โทรไปบอก expedia ว่าให้ส่งที่อยู่ให้ฮ่องกงแอร์ไลน์ด้วยนะครับ เพราะถ้าไม่บอกจะไม่สามารถ check in online ได้
3.ตอนต่อเครื่องที่ฮ่องกง พนักงานถามเยอะ (ถามทุกคน)
- ตอนเข้าประเทศอเมริกา
1.พาสปอร์ตกับวีซ่าทั้งของผมและของแม่ อยู่คนละเล่มกันนะครับ เพราะพาสปอร์ตเดิมหมดอายุ (แต่วีซ่าได้ 10ปี)
1.ครั้งนี้ต่างจากครั้งแรกโดยสิ้นเชิง ครั้งแรก ลงเครื่อง ก็เข้าไป ตม.เลย จนท.กล่าวสวัสดีครับ แล้วถาม(eng) มาทำอะไร มากี่วัน พักที่ไหน ถามแค่นี้แป๊บเดียวก็ปล่อยผ่าน
2.ครั้งนี้ ก่อนเข้าหา จนท.ตม. จะต้องผ่านเครื่องตรวจสอบวีซ่าอัตโนมัติ(ผมเรียกชื่อไม่ถูกนะ) ขั้นตอนคือ กดที่เครื่อง ตอบคำถาม(เหมือนที่เขียนในใบ ตม.) แล้วก็เอาพาสปอร์ตหน้าที่มีวีซ่าไปสแกน ถ้าเสร็จเรียบร้อย เครื่องจะปริ้นข้อมูลออกมา (ก็คือรายละเอียดวีซ่านั่นแหละ) เสร็จแล้วเราก็แนบไปพร้อมกับพาสปอร์ตไปยื่นให้ ตม.
3.ผมทำพลาดขั้นตอนสแกนวีซ่าที่เครื่อง ผมดันไปเปิดหน้าพาสปอร์ต หน้าจอมันก็ขึ้นชื่อแม่ผมนะ แต่ระบบมันขึ้นว่าไม่ถูกต้อง(อะไรสักอย่างนี่แหละ) แล้วผมก็ทำของผมต่อ มาเอะใจคิดว่าน่าจะทำอะไรผิด เลยกดยกเลิก พอจะทำใหม่ก็ทำไม่ได้เหมือนเครื่องมันค้าง ก็เลยเปลี่ยนไปทำอีกเครื่องจนเสร็จเรียบร้อย ระหว่างนั้นก็ได้ยิน จนท.บอกคนอื่นๆนะว่าไม่ใช่สแกนพาสปอร์ต ให้สแกนวีซ่า
https://www.youtube.com/watch?v=nOWhxmdG8Aw
4.พอได้รับกระดาษที่ปริ้นออกมาแล้ว มีข้อสังเกตุคือ ใบของแม่ผมมีเครื่องหมากกากบาทครึ่งกระดาษเลย แต่ของผมปกติ
5.พอถึง จนท.ตม. (คนนี้ตรวจช้าและละเอียดมาก จนแถวอื่นเค้าเสร็จไปหมดแล้วแถวผม แทบไม่ขยับเลย ตอนแรกๆคนเยอะมากๆ พอมาถึงคิวผมกับแม่ผม คนหายไปหมดแล้ว (ไม่น่ามาต่อแถวนี้เลย)
6.ในใบ ตม. ผมกรอกที่พักของน้องสาว
7.พอถึงคิว ก็เข้าไปพร้อมกันกับแม่ จนท.ก็ถามคำถาม ซึ่งถามคำถามนึงแล้วก็เงียบไปนานมาก ตาจ้องมองคอม คีย์นั่นนี่แล้วก็หันมาถาม แล้วก็หันไปมองคอม คีย์โน่นนั่นนี่ ใช้เวลากับไม่กี่คำถาม แต่นานมาก คำถามที่ถามคือ
- มาทำอะไร จะไปที่ไหน *ตอบ มาเที่ยว....และมาเยี่ยมน้องสาว (ตอนนั้นง่วงๆ ขี้เกียจตอบยาวว่าไปไหนบ้าง และทริป alska ยังไม่ได้จองอะไรเลย)
- ถามว่า 2 คนมีความสัมพันธ์เป็นอะไรกัน *ตอบ เป็นแม่กับลูก
- มากี่วัน *ตอบ 16 วัน (ตอบช้า เพราะมัวแต่สับสนว่ามา 16 วันหรือ 17วัน)
- มีเงินสดมาเท่าไหร่ *ตอบ ไม่มี....ใช้บัตรเครดิต (ตอนแรก กะแลกเงินสดไปสักสองหมื่นบาทนะ แต่แม่ทักว่าจะแลกให้เปลืองทำไม)
คำถามน่าจะประมาณนี้ สักพักใหญ่ๆ จนท.บอกว่าจะขอคุยกับแม่ผม แล้วให้ผมอธิบายให้แม่ผมฟังว่าเค้าจะพาแม่ไปคุยในห้อง แล้วให้ผมลงไปรอข้างล่าง หลังจากนั้นก็คืนพาสปอร์ตให้ผม หลังจากนั้นเค้าก็พาแม่เข้าห้อง ส่วนผมก็ลงมาข้างล่างมารอกระเป๋า ตรงนี้คืองง จะคุยอะไรกับแม่ผม แม่ภาษาอังกฤษได้แค่ yes no และ ok ส่วนผมก็อ่อนด้อยมาก ต้องตั้งใจฟังมากๆถึงจะเข้าใจ
8.ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ผมหากระเป๋าที่สายพานไม่เจอนะ เลยเดินย้อนกลับไปที่ห้องเย็น เห็นแม่ยืนอยู่กับรถเข็นพร้อมกระเป๋า 3 ใบ (ใน tag กระเป๋าเป็นชื่อผม 1 ใบ ชื่อแม่ 2 ใบ) ถามแม่ว่าเค้าถามอะไรบ้าง แม่บอกเค้าก็ไม่ได้ถาม แต่ยืนเค้าเถียงๆกันอยู่ 3 คนจนสุดท้าย ได้ยินว่าไชน่า ไชน่า แล้วแม่บอกว่าเค้าเอารูปถ่ายกระเป๋ามาให้ดูว่า3ใบนี้ของแม่ใช่มั้ย แม่ก็ชี้ๆ แล้วบอก yes yes yes แล้วเค้าก็เข็นกระเป๋ามาให้ แล้วก็ให้ออกมา
ใครเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างครับ
***สำหรับ hk airline a350 เวลาเลือกที่นั่งให้เลือกด้านหน้าๆหน่อยนะครับ ถ้าแถวหลังๆ ระยะมันจะแคบกว่า ที่รู้เพราะจากกรุงเทพนั่งแถว 36 ยังชมเลยว่า a350 ระยะขาเหลือมากๆ แต่พอนั่งจาก ฮ่องกง ได้แถว 56 รู้สึกได้เลยว่าระยะขามันแคบกว่าเดิมมากๆครับ***
แชร์ประสพการณ์พาแม่ติด ตม. อเมริกาครับ
ยาวหน่อยนะครับ พยายามใส่ข้อมูลทั้งหมดเพื่ออยากรู้ว่า ทำไมแม่ผมติด ตม.
- เริ่มจาก
1.มีโปรโมชั่นฮ่องกงแอร์ไลน์ BKK-LAX คนละ 17,000 บาท มีน้องสาวอยู่ที่อเมริกา (แต่งงานกับคนทางโน้นแล้ว) มีวีซ่าแล้วทั้งแม่ลูก ขอไว้เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว และจะหมดอายุสิ้นปีนี้
2.ผมเดินทางครั้งนี้ครั้งที่ 2 ครั้งแรกก็เมื่อ 10 ปีที่แล้วตอนขอวีซ่าใหม่ๆ ส่วนแม่ เดินทางครั้งที่ 4 (ไม่รวมวีซ่าก่อนโน้นเมื่อสมัยสาวๆ) สองครั้งหลังแม่ไปอยู่โน่นประมาณครั้งละ 2 เดือน
3.ผมวางแผนเที่ยว 16 วัน แบ่งเป็น 2 ทริป ทริปแรก LAX-LAS VEGAS-GRANDCANYON-PAGE-LAS VEGAS โดยมีญาติเดินทางมาสมทบ รวมเที่ยวทั้งหมด 6 คน ผมจอง ผมจอง รร.โดยใช้ชื่อผม 3 รร. ที่เหลือรวมถึงเช่ารถ น้องสาวจัดการให้ทั้งหมด
4.หลังจากจบทริปแรก แยกทางกับญาติที่มาสมทบ และเดินทางต่อไป alaska (4 คน คือผม แม่ น้องสาว และแฟนน้อง) ทริปนี้ไม่ได้วางแผนเลย แค่น้องสาวซื้อตั๋วเครื่องบินไว้สำหรับ 4 คน ที่คิดไว้คือ จะเช่ารถ RV เลยไม่ได้จอง รร.
- การจัดการเป๋า และเครื่องใช้ต่างๆ
1.กระเป๋า 20" 24" 26" อย่างละใบ
2.ของฝาก เพียบรวมน้ำหนัก 26 กก.(อันนี้แม่จัดการ ผมไม่รู้เรื่องเลย) ของฝากมีทั้งขนมต่างๆ กุ้งแห้ง น้ำปลาร้า(ไม่รู้ใส่อะไรไป) ที่เด็ดสุดคือปลาสลิดตากแห้ง (ผมมารู้ทีหลังว่ามันไม่ได้แห้งเท่าไหร่ ออกจะมีกลิ่นเน่าแล้วด้วยซ้ำ)
3.ก่อนหน้าเดินทาง 1 อาทิตย์ ไปเที่ยวประเทศจีนมาด้วย ก็มีของฝากที่เป็นขนมจากประเทศจีนด้วย เช่นพวกบ๊วย ฯลฯ
4.เสื้อผ้าของผมเอาไปเยอะมาก ด้วยเพราะอยู่ 17 วัน นน.สายการบินให้ 23*2 กก. เลยเอาไปเผื่อญาติด้วย (ดูพยากรณ์อากาศบอกว่าแกรนแคนย่อนหนาวมาก) และเผื่อ alska ด้วย ขี้เกียจซัก เอาเสื้อกันหนาว (ขนเป็ดของ uniqlo) ไป 7 ตัว เสื้อฮีตเทค 3 กางเกงฮีทเทค 2 บล็อกเทคอีก 2 กางเกงขายาวอีก 3 เสื้อแขนสั้น 10 ชุดนอนอีก 3 ไม่รวมของแม่นะ
-การเดินทาง
1.โดยสายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์ จองผ่าน expedia แวะที่ฮ่องกง
2.ตอนเช็คอิน พนักงานให้กรอกสถานที่พักด้วย ก็กรอกที่พักของน้องสาวไป สำหรับใครที่จะจองผ่าน expedia ให้โทรไปบอก expedia ว่าให้ส่งที่อยู่ให้ฮ่องกงแอร์ไลน์ด้วยนะครับ เพราะถ้าไม่บอกจะไม่สามารถ check in online ได้
3.ตอนต่อเครื่องที่ฮ่องกง พนักงานถามเยอะ (ถามทุกคน)
- ตอนเข้าประเทศอเมริกา
1.พาสปอร์ตกับวีซ่าทั้งของผมและของแม่ อยู่คนละเล่มกันนะครับ เพราะพาสปอร์ตเดิมหมดอายุ (แต่วีซ่าได้ 10ปี)
1.ครั้งนี้ต่างจากครั้งแรกโดยสิ้นเชิง ครั้งแรก ลงเครื่อง ก็เข้าไป ตม.เลย จนท.กล่าวสวัสดีครับ แล้วถาม(eng) มาทำอะไร มากี่วัน พักที่ไหน ถามแค่นี้แป๊บเดียวก็ปล่อยผ่าน
2.ครั้งนี้ ก่อนเข้าหา จนท.ตม. จะต้องผ่านเครื่องตรวจสอบวีซ่าอัตโนมัติ(ผมเรียกชื่อไม่ถูกนะ) ขั้นตอนคือ กดที่เครื่อง ตอบคำถาม(เหมือนที่เขียนในใบ ตม.) แล้วก็เอาพาสปอร์ตหน้าที่มีวีซ่าไปสแกน ถ้าเสร็จเรียบร้อย เครื่องจะปริ้นข้อมูลออกมา (ก็คือรายละเอียดวีซ่านั่นแหละ) เสร็จแล้วเราก็แนบไปพร้อมกับพาสปอร์ตไปยื่นให้ ตม.
3.ผมทำพลาดขั้นตอนสแกนวีซ่าที่เครื่อง ผมดันไปเปิดหน้าพาสปอร์ต หน้าจอมันก็ขึ้นชื่อแม่ผมนะ แต่ระบบมันขึ้นว่าไม่ถูกต้อง(อะไรสักอย่างนี่แหละ) แล้วผมก็ทำของผมต่อ มาเอะใจคิดว่าน่าจะทำอะไรผิด เลยกดยกเลิก พอจะทำใหม่ก็ทำไม่ได้เหมือนเครื่องมันค้าง ก็เลยเปลี่ยนไปทำอีกเครื่องจนเสร็จเรียบร้อย ระหว่างนั้นก็ได้ยิน จนท.บอกคนอื่นๆนะว่าไม่ใช่สแกนพาสปอร์ต ให้สแกนวีซ่า
https://www.youtube.com/watch?v=nOWhxmdG8Aw
4.พอได้รับกระดาษที่ปริ้นออกมาแล้ว มีข้อสังเกตุคือ ใบของแม่ผมมีเครื่องหมากกากบาทครึ่งกระดาษเลย แต่ของผมปกติ
5.พอถึง จนท.ตม. (คนนี้ตรวจช้าและละเอียดมาก จนแถวอื่นเค้าเสร็จไปหมดแล้วแถวผม แทบไม่ขยับเลย ตอนแรกๆคนเยอะมากๆ พอมาถึงคิวผมกับแม่ผม คนหายไปหมดแล้ว (ไม่น่ามาต่อแถวนี้เลย)
6.ในใบ ตม. ผมกรอกที่พักของน้องสาว
7.พอถึงคิว ก็เข้าไปพร้อมกันกับแม่ จนท.ก็ถามคำถาม ซึ่งถามคำถามนึงแล้วก็เงียบไปนานมาก ตาจ้องมองคอม คีย์นั่นนี่แล้วก็หันมาถาม แล้วก็หันไปมองคอม คีย์โน่นนั่นนี่ ใช้เวลากับไม่กี่คำถาม แต่นานมาก คำถามที่ถามคือ
- มาทำอะไร จะไปที่ไหน *ตอบ มาเที่ยว....และมาเยี่ยมน้องสาว (ตอนนั้นง่วงๆ ขี้เกียจตอบยาวว่าไปไหนบ้าง และทริป alska ยังไม่ได้จองอะไรเลย)
- ถามว่า 2 คนมีความสัมพันธ์เป็นอะไรกัน *ตอบ เป็นแม่กับลูก
- มากี่วัน *ตอบ 16 วัน (ตอบช้า เพราะมัวแต่สับสนว่ามา 16 วันหรือ 17วัน)
- มีเงินสดมาเท่าไหร่ *ตอบ ไม่มี....ใช้บัตรเครดิต (ตอนแรก กะแลกเงินสดไปสักสองหมื่นบาทนะ แต่แม่ทักว่าจะแลกให้เปลืองทำไม)
คำถามน่าจะประมาณนี้ สักพักใหญ่ๆ จนท.บอกว่าจะขอคุยกับแม่ผม แล้วให้ผมอธิบายให้แม่ผมฟังว่าเค้าจะพาแม่ไปคุยในห้อง แล้วให้ผมลงไปรอข้างล่าง หลังจากนั้นก็คืนพาสปอร์ตให้ผม หลังจากนั้นเค้าก็พาแม่เข้าห้อง ส่วนผมก็ลงมาข้างล่างมารอกระเป๋า ตรงนี้คืองง จะคุยอะไรกับแม่ผม แม่ภาษาอังกฤษได้แค่ yes no และ ok ส่วนผมก็อ่อนด้อยมาก ต้องตั้งใจฟังมากๆถึงจะเข้าใจ
8.ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ผมหากระเป๋าที่สายพานไม่เจอนะ เลยเดินย้อนกลับไปที่ห้องเย็น เห็นแม่ยืนอยู่กับรถเข็นพร้อมกระเป๋า 3 ใบ (ใน tag กระเป๋าเป็นชื่อผม 1 ใบ ชื่อแม่ 2 ใบ) ถามแม่ว่าเค้าถามอะไรบ้าง แม่บอกเค้าก็ไม่ได้ถาม แต่ยืนเค้าเถียงๆกันอยู่ 3 คนจนสุดท้าย ได้ยินว่าไชน่า ไชน่า แล้วแม่บอกว่าเค้าเอารูปถ่ายกระเป๋ามาให้ดูว่า3ใบนี้ของแม่ใช่มั้ย แม่ก็ชี้ๆ แล้วบอก yes yes yes แล้วเค้าก็เข็นกระเป๋ามาให้ แล้วก็ให้ออกมา
ใครเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างครับ
***สำหรับ hk airline a350 เวลาเลือกที่นั่งให้เลือกด้านหน้าๆหน่อยนะครับ ถ้าแถวหลังๆ ระยะมันจะแคบกว่า ที่รู้เพราะจากกรุงเทพนั่งแถว 36 ยังชมเลยว่า a350 ระยะขาเหลือมากๆ แต่พอนั่งจาก ฮ่องกง ได้แถว 56 รู้สึกได้เลยว่าระยะขามันแคบกว่าเดิมมากๆครับ***