ซ่อมให้ไหม? หัวใจ Boss is trouble - 5

ความเดิม >> https://pantip.com/topic/37679911






ตะวันดวงโตทอแสงอุ่น สาดกระทบกับสันตึกสีเทาสูงสี่ชั้นของธารทะเล เอราวรรณ รีสอร์ท แอนด์ สปา เงาตึกทำมุมลาดกับท้องฟ้าสีชมพูอ่อน ก่อนจะสะท้อนกลับลงไปยังผืนน้ำนิ่งสงบในทะเล ปรากฏเป็นภาพคล้ายดั่งรูปวาดสีน้ำมันบนผืนผ้าใบของพ่อ


เอราอดไม่ได้ที่จะย้อนไปคิดถึงวันเวลาเก่าๆ สมัยที่พ่อยังอยู่ ถึงแม้ว่าจะนานเกือบยี่สิบปีมาแล้ว แต่ภาพใบหน้าเปื้อนยิ้มของพ่อยังคงฉายชัดอยู่ในความทรงจำ

ก่อนพ่อจะเสียชีวิตราวสองปี พ่อพูดบ่อยๆ ว่าสร้างที่นี่เอาไว้ให้เขา เพื่อที่วันหนึ่งเขาจะกลับมาดูแลมันแทน ...พ่อพูดเหมือนอย่างกับรู้อยู่ก่อนแล้วว่าตนเองจะไม่อยู่



คลื่นความคิดถึงความโหยหา และอยากได้พ่อคืนกลับมา ก่อรูปรวมตัวกันจนเกือบกลั่นออกเป็นหยาดน้ำ

แต่แล้วดวงตาคู่เข้มของชายหนุ่มกลับต้องกะพริบถี่ๆ ไล่หยาดน้ำนั้นทันทีที่เสียงกริ่งดังขึ้นจากหน้าประตู สติและความเข้มแข็งของเขาถูกดึงกลับมา



ชายหนุ่มผละจากท้องฟ้าเหนือผืนน้ำ ก้าวไวๆ พาร่างสูงของตัวเองที่อยู่ในชุดเสื้อโปโลกางเกงผ้าฝ้ายสบายๆ กลับเข้ามาภายในห้อง ซึ่งจากระเบียงเขาเดินอ้อมโซฟาเพียงไม่ถึงสี่ก้าวก็ถึงประตู ถือว่าแคบมากหากจะเทียบกับพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดภายในห้องของโรงแรมที่อยากจะเรียกตัวเองว่าห้าดาว



ประตูห้องขนาดกว้าง 3 ฟุต สูง 2 เมตร สำหรับรองรับลูกค้าที่ใช้วีลแชร์ถูกเปิดออก บุคคลที่เยี่ยมหน้าเข้ามาทักทายในเช้าแรกของวันคือนายกิตติ หรือกี้ ผู้ติดตามของเขาเอง


“มอร์นิ่งค่ะคุณเจ้านายสุดหล่อ” เสียงที่เคยถูกดัดแปลงจนทุ้มเข้มของกิตติ บัดนี้กลับมาแว่วหวานชวนสยิวขนคอได้อีกครั้ง

"จะเบรกฟาสต์กันในนี้ หรือลงไปที่ห้องอาหารดีคะ" เจ้าของใบหน้าสำอางเอื้อนเอ่ย ทำเอาคนโดนถามต้องโคลงหัวขับไล่อาการสยิวขนคอ ซึ่งหากใครผ่านมาทันได้ยิน คงพากันเข้าใจผิดและร่ำลือแบบผิดๆ กันไปทั้งโรงแรม

"ตั้งใจว่าจะลองไปหาอะไรกินในตัวเมือง หลังจากนั้นค่อยกลับมาสำรวจงาน"


กิตติพยักหน้า พลางเดินหนีบบั้นท้ายงามงอนเฉิดฉายเข้ามาภายในห้อง "อืมม์ กี้ว่าก็ดีค่ะ ตอนนี้ท้องเริ่มร้องงอแงแล้ว ว่าแต่ทานมื้อเช้ากันเสร็จเราจะกลับมาสำรวจงานกันที่แผนกไหนก่อนดีคะ... แผนกช่างก่อนเลยไหม" ตี๋น้อยยิ้มกริ่ม นึกถึงหนุ่มๆ แผนกวิศวกรรมประจำโรงแรมที่เคยเยี่ยมชมดูงานมา ล้วนแล้วแต่หล่อล่ำกล้ามงี้เป็นมัด คิดแล้วหัวใจพองโตมีกำลังใจในการทำงานขึ้นมาทันที


ครู่เดียวจากคำถามของกิตติ ใบหน้าเข้มดูตึงเครียดของเอราผ่อนคลายลง ราวกับมีความคิดอันเป็นประโยชน์ก่อขึ้นในหัว ก่อนที่ไหล่หนาของเขาจะไหวเบาๆ ก่อนจะตอบขึ้นว่า “ไปดูงาน Back of House กัน”


กิตติยิ้มจืด ถอนใจเนือยๆ “ก็ยังดี" เชิดคางบ่นลอยๆ "กี้ไม่ชอบสำรวจงานส่วนหน้า เบื่อกับการต้องปั้นหน้าดุ”



“แล้วฉันไปบังคับแกตอนไหนว่าจะต้องปั้นหน้าดุ” เอราสวนกลับ ขณะเดินกลับมายังระเบียง



“ไม่ทำหน้าดุก็คุมคนไม่ได้นะสิคะ” กิตติอธิบาย และพาร่างในชุดเชิ้ตสีชมพู กางเกงขาเดฟสี่ส่วนสีเขียวทรุดแหมะลงตรงโซฟาหนังสีซีดดูเก่าแบบวินเทจ ก่อนจะพูดจีบปากด้วยความอยากเมาท์มอยเต็มแก่


“กี้ได้ยินมาว่าพวกผู้จัดการแผนกส่วนใหญ่เป็นคนเก่าคนแก่หัวแข็งหัวดื้อ ทำให้ผู้บริหารกี่รายต่อกี่รายอยู่ได้ไม่นาน พากันเผ่นแนบลาออกไปหมด เพราะทนฤทธิ์เดชพนักงานหัวแข็งพวกนั้นไม่ไหว ดังนั้นขืนให้กี้เลิกทำหน้าดุ พนักงานก็ไม่เกรงใจกันพอดี”


เอราที่ยังคงยืนทอดสายตามองทะเลผืนกว้างเรียบสงบ กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบสงบไม่แพ้กันว่า “พ่อสอนฉันเสมอ การเป็นนายคน เราต้องทำตัวให้เขานับถือ ไม่ใช่ให้เขากลัว”


กิตติคอหดทันที “มันก็ใช่ค่ะ แต่ถ้าแวบแรก เราทำตัวใจดีเป็นกันเอง เขาก็ได้หาว่าเราเป็นพวกมือสมัครเล่น ยิ่งเห็นหน้าพวกเราใสๆ อายุไม่ถึงสามสิบด้วยแล้ว พวกนั้นก็จะพากันไม่กลัวเข้าไปอีก คราวนี้ก็จะลำบากเรานะคะ สั่งงานไม่ได้ แถมไล่ออกก็ไม่ได้อีก แล้วยังงี้จะให้บริหารงานยังไง”


“แกอยากได้ลูกน้องที่เต็มใจทำงานกับเราด้วยความรักความทุ่มเท หรืออยากได้ลูกน้องแบบที่ทนทำงานให้เสร็จไปวันๆ ไม่ได้รัก ไม่ได้ใส่ใจงาน แถมลับหลังยังเอาเราไปด่า โกรธเกลียดเราจนแทบจะเผาพริกเผาเกลือสาบแช่งกันล่ะ” ชายหนุ่มย้อนถามแยบยล ทำเอากิตตินั่งไหล่ตก มองหน้าเข้มๆ ของเจ้านายแล้วก็ต้องถอนลมหายใจออกมา

เอรา เจ้านายหนุ่มของตนแม้อายุยังไม่ถึงสามสิบ แต่ความที่เขาต้องผจญโลกโดยลำพังมาอย่างนานนับสิบปี ทำให้บุคคลิกและความคิดดูแก่เกินวัย และถ้าไม่นับคุณวรรณณ์มารดาบังเกิดเเกล้า เจ้านายหนุ่มก็คงไม่มีใครเข้าใจหัวอกหัวใจได้ดีไปกว่านายกิตติผู้นี้อีกแล้ว


“โอเคค่ะ กี้น้อมรับคำสอนของคุณช้าง แต่ถึงยังไง ระยะนี้กี้ก็ต้องขอทำหน้าดุขู่พวกนั้นไว้ก่อน เห็นท่าไม่ดีขึ้นมากี้จะได้ใส่เกียร์ถอยได้ทัน” กิตติพูดพลางยิ้มกลอกตาอย่างคนคิดซับซ้อน ...พวก ‘บ้านป่าเมืองเถื่อน’ ไว้ใจได้ที่ไหน ดูเอาแต่วันแรกที่เหยียบย่างลงบนพื้นปฐพีของธารทะเลเอราวรรณแห่งนี้ ตั้งแต่ตรงหน้าล้อบบี้เลยแล้วกัน แทนที่จะมีพนักงานคอยยืนเรียงแถวรอต้อนรับ มีช่อดอกไม้ พวงมาลัย สแตนดี้สวยๆ ป้ายผ้า ป้ายไฟ หรือไดคัตอะไรก็ได้ เพื่อบ่งบอกความยินดีที่ลูกชายเจ้าของโรงแรมให้เกียรติเดินทางมาเยือน…

ซึ่งก็เปล่า ดูเหมือนไม่มีใครให้ความสำคัญหรือยินดียินร้ายในการเดินทางมาครั้งนี้ ไม่หนำซ้ำ แม้แต่พนักงานขับรถที่แต่งเนื้อแต่งตัวเหมือนคนซ่อมท่อยังกล้าขึ้นเสียงต่อปากต่อคำแบบไม่เกรงใจกันอีกด้วย  



'ตึกคุณช้าง' เป็นชื่อเรียกหอพนักงานความสูงสามชั้น จำนวน 40 ห้อง ซึ่งจัดไว้สำหรับพนักงานต่างจังหวัดและคนที่ต้องควงกะ หนึ่งห้องพักได้ 2 คน ชื่อหอพักที่ดูยิ่งใหญ่อลังการนี้ ราวกับจะตั้งไว้เพื่อเชิดชูเกียรติลูกชายเจ้าของโรงแรม

แต่ความเป็นจริงแล้ว คนแถวนี้กลับเรียกที่นี่ว่า 'แฟลตช้างน้อย' เพราะลักษณะทางกายภาพที่เต็มไปด้วยรูปปั้นช้างน้อยแบบนูนต่ำและแบบลอยตัวประดับตกแต่งให้เห็นอยู่โดยรอบ นอกจากนี้ยังได้รับอานิสงส์ความขยันจากนายอู คนสวนประจำโรงแรม คอยตัดแต่งกิ่งก้านพุ่มชาฮกเกี้ยนรอบอาคารเป็นรูปช้างตัวเล็กตัวน้อยเรียงรายอย่างน่ารักน่าเอ็นดู

เช้าๆ แบบนี้ พนักงานกะบ่ายส่วนมากยังไม่ตื่น พนักงานกะดึกเพิ่งเลิกงานกลับเข้ามา ส่วนพนักงานกะเช้าออกเดินทางกันไปหมดแล้วเพราะต้องสแกนนิ้วในเวลาเจ็ดโมงเช้าและให้ทันกินมื้อเช้าที่แคนทีนก่อนเริ่มงาน  

ปกติปีกุนเป็นคนตื่นเช้า แต่วันนี้เป็น Day off เธอเลยอนุญาตตัวเองให้ตื่นสายได้นิดหน่อย

หกโมงสี่สิบห้า เธอตั้งใจว่าอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วจะไปหาอะไรกินข้างล่าง เพราะบนเขาไตรตรังนี่นอกจากร้านบังนันซึ่งขายแต่โรตีกับชาชักแล้ว บังนันแกก็ไม่มีอ๊อปชั่นอื่นให้ลูกค้าเลือกเลย


แล้วปัญหาของเช้านี้ก็คือไดร์เป่าผมราคา199.- ที่อดทนใช้มานานแรมปีเพิ่งยุติบทบาทลงเมื่อกี้นี้เอง และการที่เธอต้องรอผมเพิ่งสระเสร็จใหม่ให้แห้งเองตามธรรมชาตินั้นก็คงอีกนาน ท้องไส้แสนบอบบางของเธอคงรับไม่ไหวแน่ ครั้นจะออกไปข้างนอกในสภาพหัวเปียกเป็นลูกวัวเพิ่งคลอดก็จะเสียเชิงความเป็นสาวเมืองกรุง


แต่ไดร์เป่าผมเสียมันจะไปยากอะไร เธอก็แค่อาศัยลมร้อนจากคอยล์แอร์ห้องดูทีวีนี่แหละง่ายดี ฟรีด้วย ไม่ต้องเปลืองค่าไฟที่ห้อง และอีกอย่างห้องพักพนักงานไม่มีแอร์ แม้แต่พัดลมตั้งพื้นขนาด 16” ที่มีอยู่ในห้องเธอก็ซื้อหามาเอง

หญิงสาวค่อยๆ พาร่างเล็กกะทัดรัดกับเรือนผมอันเปียกโชก ไต่เลาะขอบระเบียงชั้นหนึ่งจากหน้าต่างห้องตัวเองมาจนถึงห้องดูทีวี ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่

ห้องดูทีวีถือเป็นสถานที่เดียวในหอพักที่ติดเครื่องปรับอากาศ เธอเหลือบตามองผ่านกระจกหน้าต่างเข้าไปด้านใน เห็นป้านวลแผนก Laundry กำลังนอนหลับปุ๋ยคาจอทีวี เหลียวซ้ายแลขวาให้แน่ใจอีกรอบ ไม่มีใครคนอื่นอีก

ที่คอนเดนเซอร์แอร์ ใบพัดคอยล์ร้อนกำลังหมุนติ้ว อุณหภูมิกับแรงพัดกำลังพอเหมาะ ผมเธอคงจะแห้งได้ง่ายๆ ภายในสามนาที ไวยิ่งกว่าตอนต้มบะหมี่แล้วรอให้เส้นสุก

หญิงสาวพริ้มตาลงขณะโก้งโค้งห้อยหัวสยายผมยาวๆ ของตัวเองให้ทิ้งน้ำหนักลงหน้าฝาครอบอย่างอิสระ ลมอุ่นพัดกระทบโคนผมกับต้นคอทำให้รู้สึกผ่อนคลายเคลิบเคลิ้มสบายตัว จนไม่ทันสังเกตเห็นการมาเยือนของบุคคลคู่หนึ่ง ซึ่งนอกจากคนทั้งสองจะผ่านมาแบบจงใจแล้ว ดวงตาคู่เข้มของชายหนึ่งคนในนั้นยังกะพริบมองแบบถี่ๆ อย่างไม่เชื่อกับพฤติกรรมสุดเพี้ยนที่ประจักษ์แก่สายตา

รถยนต์ส่วนบุคคลขนาดพิกัดความจุกระบอกสูบที่ 1500 ซีซีที่แผนก Front ช่วยเป็นธุระจัดหามาให้ แทนที่จะถูก 'คุณช้างตัวจริง' ที่ทำหน้าที่สารถีปลอมๆ ให้กับนายกิตติ เกือบจะขับผ่านด้านหลังของหอพักพนักงานไปเฉยๆ ตามความประสงค์แรกที่เขาเพียงแค่อยากแวะมาดู แต่กับต้องตะลึงงงให้พฤติกรรมสุดพิลึกของคนในหอพัก ถึงกับทำให้เขาต้องเหยียบเบรกดังกึก

สามนาทีโดยไม่ต้องดูนาฬิกา เรือนผมยาวสลวยสวยเก๋ของปีกุนกลับมาแห้งสนิทและเงางามดังเดิม เธอกระดกตัวและยกหัวขึ้นตั้ง สะบัดหน้าสองสามทีไล่อาการมึนจากการห้อยหัวนานไปนิด แต่แลกกับการที่ผมแห้งสนิท เธอก็ยิ้มแป้นออกมาอย่างพึงพอใจ ก่อนจะไต่เลาะขอบระเบียงปีนหน้าต่างกลับเข้าห้องตัวเองอย่างสบายใจเฉิบ


ซึ่งนั่นจึงทำให้เอราเห็นใบหน้าเจ้าของเรือนผมยาวสลวยสุดเพี้ยนได้อย่างถนัดตา... แม่สาวคนขับรถผู้รักษ์โลกผู้ที่ปีนขึ้นไปจับลูกแมวบนต้นไม้ริมระเบียงห้องนอนเขาเมื่อวานนั่นเอง ที่แท้เจ้าหล่อนก็พักอยู่ที่นี่... ชายหนุ่มอมยิ้มอย่างลืมตัวอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นที่สังเกตของผู้ติดตามจนรายนั้นต้องสงเสียงกระแอมไอออกมา


"อะแฮ้ม!... นี่คุณช้างคงไม่ได้กำลังคิดจะเปลี่ยนโปรแกรมหรอกนะคะ"



เมื่อเห็นสาวร่างเล็กในชุดเสื้อยืดคอย้วยกับกางเกงขาสั้นคล้อยหลังกลับเข้าห้องพักไปด้วยวิธีแปลกพิสดารคือปีนหน้าต่างไปจนลับสายตาแล้ว เอราดึงเบรกมือ ก่อนจะผลักเกียร์ไปที่ตำแหน่งจอด พร้อมกับบอกขึ้นกับผู้ติดตามทันที



"ฉันว่าเรามีบางเรื่องต้องทำก่อนไปทานอาหารเช้า"
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่