คือเราอยากรู้ว่า ใครเป็นคนแต่งอะคะ หาไม่เจอเลยค่ะ หาเจอในเน็ตแบบนี้อะค่ะ
ขอบคุณ "ทิวหลิปหลากสี" ด้วยนะคะ
"ชาวเขมรเรียกรุ้งกินน้ำว่า ธนูพระอินทร์เพราะมีรัศมีโค้งข้ามฟ้าเหมือนคันธนู
ที่โก่งจนเต็มที่ ไทยและไทยใหญ่เชื่อตรงกันว่า ถ้าเอามือชี้รุ้งกินน้ำแล้วนิ้วจะด้วน
ต้องแก้เคล็ดด้วยการเอามือเช็ดก้น ชาวมอญเชื่อว่า ถ้าชี้รุ้งกินน้ำแล้วจะโชคร้าย
แต่ไม่ได้ระบุว่าจะโชคร้ายอย่างไร ส่วนคนจีนก็เชื่อเช่นเดียวกันว่า รุ้งกินน้ำเกิดขึ้น
ทางทิศตะวันออก ไม่มีใครกล้าชี้ เพราะการทำเช่นนั้นจะทำให้เกิดโชคร้าย และ
มักจะทำให้เป็นแผลที่มือที่ชี้นั้น นอกจากนี้ชาวจีนยังเชื่ออีกว่า ถ้าเมื่อใดเกิดมีรุ้ง
กินน้ำ เมื่อนั้นฝนจะหยุดตก
ความจริงแล้วรุ้งกินน้ำเกิดเป็นวง แต่ที่เราเห็นรุ้งกินน้ำเพียงส่วนหนึ่งของวงกลม
เท่านั้นก็เพราะขอบโลกบังแสงอาทิตย์เสีย แต่อย่างไรก็ตามผู้โดยสารบนเครื่องบิน
อาจจะเคยเห็นรุ้งกินน้ำครบทั้งวงแผ่กระจายบนก้อนเมฆ โดยมีเงาของเครื่องบินที่
โดยสารไปนั้นเป็นจุดศูนย์กลาง" อยากรู้ว่าเรื่องนี้ ใครเป็นคนแต่งอะ ช่วยหน่อยนะคะ
อยากถามเรื่อง ตำนานรุ้งกินนํ้า
* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะขอบคุณ "ทิวหลิปหลากสี" ด้วยนะคะ
"ชาวเขมรเรียกรุ้งกินน้ำว่า ธนูพระอินทร์เพราะมีรัศมีโค้งข้ามฟ้าเหมือนคันธนู
ที่โก่งจนเต็มที่ ไทยและไทยใหญ่เชื่อตรงกันว่า ถ้าเอามือชี้รุ้งกินน้ำแล้วนิ้วจะด้วน
ต้องแก้เคล็ดด้วยการเอามือเช็ดก้น ชาวมอญเชื่อว่า ถ้าชี้รุ้งกินน้ำแล้วจะโชคร้าย
แต่ไม่ได้ระบุว่าจะโชคร้ายอย่างไร ส่วนคนจีนก็เชื่อเช่นเดียวกันว่า รุ้งกินน้ำเกิดขึ้น
ทางทิศตะวันออก ไม่มีใครกล้าชี้ เพราะการทำเช่นนั้นจะทำให้เกิดโชคร้าย และ
มักจะทำให้เป็นแผลที่มือที่ชี้นั้น นอกจากนี้ชาวจีนยังเชื่ออีกว่า ถ้าเมื่อใดเกิดมีรุ้ง
กินน้ำ เมื่อนั้นฝนจะหยุดตก
ความจริงแล้วรุ้งกินน้ำเกิดเป็นวง แต่ที่เราเห็นรุ้งกินน้ำเพียงส่วนหนึ่งของวงกลม
เท่านั้นก็เพราะขอบโลกบังแสงอาทิตย์เสีย แต่อย่างไรก็ตามผู้โดยสารบนเครื่องบิน
อาจจะเคยเห็นรุ้งกินน้ำครบทั้งวงแผ่กระจายบนก้อนเมฆ โดยมีเงาของเครื่องบินที่
โดยสารไปนั้นเป็นจุดศูนย์กลาง" อยากรู้ว่าเรื่องนี้ ใครเป็นคนแต่งอะ ช่วยหน่อยนะคะ