สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 21
เรื่องเศรษฐกิจ ดีหรือแย่
ผมว่า ถ้าถามคนพันทิป ซึ่งโดยมากเป้นคนที่ทำงาน อยู่ในชุมชนเมือง หรือ เมืองหลวง.
คนส่วนน้อยคงบอกว่า มันแย่..เพราะ ที่นี่เป้นแหล่งรวมเศรษฐกิจ ทั้งหมดของประเทศ
ต่อให้ เศรษฐกิจถดถอย แต่ที่นี้ ก็ยังมีโอกาส
จีดีพี ..เราโต จริงๆ ครับ..เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ เรามากขึ้นเป้นประวัติการณ์ จริงครับ.
ปัญหา ด้านการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ .เราอาจจะโต น้อยกว่าเพื่อนบ้าน แต่เราโตขึ้น.
บางท่านเอาเราไปเทียบ กับสิงคโปร์.. เรื่องการเจริญเติบโต อาจจะลืมไปว่า สิงคโปร์เป้นพัฒนาแล้ว
คือความเจริญ เค้าค่อนข้างเป้น ขีดสุด ที่ทำได้ ในยุคนี้ แล้ว..จีดีพี ต่อหัว ของสิงคโปร์มากกว่า เรา หลายเท่า
ส่วนที่เราแข่งขันอยู่ด้วย เนี่ยะ เราอยู่กลุ่ม กำลังพยายามพัฒนา ทั้งนั้น
ดังนั้น คู่แข่งเรา ที่เราวัด การเจริญเติบโต ทางเศรษฐกิจ ที่อยุ่ในย่านนี้ ดีที่สุดคือ มาเลย์เซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโด ลาว เขมร พม่า เท่านั้นครับ
การที่การเจริญเติบโต ของ ประเทศเพื่อนบ้าน มีอัตรา สูง ส่วนนึง เพราะพวกเค้าเริ่มเปิดประเทศ แต่ของเรา มีแนวโน้ม ปิดกั้นในบางเรื่อง
ในบางการลงทุน ที่เราควร คว้าไว้ได้..แต่กลับเลยข้ามประเทศเราไป..
เครื่องจักร ด้านเศรษฐกิจ ของเราที่ทำงาน อยู่ คือ ภาคส่งออก ..ภาคท่องเที่ยว... และรัฐบาล ที่อัดฉีด อยุ่
แต่ด้านการบริโภค ภายในประเทศ ..การดึงดูดการลงทุน ในภาคอุตสาหกรรม.. ใหม่ๆ เรามีน้อยลง และพลาดโอกาส ไปหลายครั้ง
ปัญหาหลัก ของประเทศนี้ ในขณะนี้ ..คือการกระจายรายได้.. ช่องว่างความรวย ความจน ของคน มันถ่างกว้างออกเรื่อย จำนวนประชากร ที่เป้นคนยากจน และเข้าถึง รายได้ และแหล่งทุน ไม่ได้มีมากขึ้น..
คนรวย แค่5-10 ตระกูล ดูดซับความร่ำรวย ไปกว่าล้านล้าน บาท ในปีเดียว.. การเจริญเติบโต ของประเทศ ไปกระจุกตัวอยุ่กับกลุ่มคนเหล่านั้นในภาพรวม
แต่ประชาชน ที่เป็นฐานราก ของประเทศ ธุรกิจเล้กๆน้อย ๆ กำลังลำบาก และล้มหายตายจากไป
ถ้าจะโทษเรื่องการปรับตัว..เรื่องการค้าออนไลน์.. จริงครับ มันเป้นส่วนนึง ที่ แย่งตลาดไป.. แต่ลอง สำรวจดูหรือยังครับ ว่า ยอดการค้าออนไลน์ ที่เติบโต ขึ้น.. มันมากเพียงพอ กับ ยอดการค้า ภายใน ธุรกิจ ปรกติที่ลดลง แบบทดแทนกันได้หรือไม่.??
ธุรกิจที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการค้าออนไลน์ จำนวนไม่น้อยก็ตกต่ำ ลงไปด้วย..
ถ้าจะพูดเรื่องการเมือง.. พรรคการเมืองของคุณทักษิณ.. ขณะที่แกครองอำนาจ ประสพปัญหา จาก วิกฤติต้มยำกุ้ง ที่เกิดจากธุรกิจใหญ่ๆ ล้ม จนทำให้ประเทศเซ ตาม ..เพราะประเทศเรา ไม่มีธุรกิจ sme ที่แข็งแรง คอยรองรับ เท่าที่ทราบ แนวทาง นโยบาย ก็ส่งเสริมให้ กระจาย ความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ .เอสเอ็มอี..ธุรกิจเล็กๆน้อย ๆ ให้อยู่ได้..และแข็งแรง พอที่จะ รับแรงกระแทกได้เวลา เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ กับธุรกิจใหญ๋ ๆ
ตัวเลขการเจริญเติบโต ของในยุคคุณทักษิณ ..ไม่ได้ วิเศษ กว่า พรรคอื่น..มีขึ้นมีลง ตามวงจรเศรษฐกิจ.. แต่ความแข็งแกร่งของธุรกิจมันกระจายไปทั่ว ซึ่งเป้นคนส่วนมากของประเทศ.. คนทั่วไป ถึงรุ้สึกว่า ในยุคของคุณทักษิณ เศรษฐกิจ ดี.. ทั้งที่การเจริญเติบโต ของธุรกิจใหญ่ๆ ก็ปรกติ
แต่ มันแผ่ ฐานกว้างกว่า.. ชาวบ้าน ร้านตลาด ในยุคนั้น..ลืมตาอ้าปาก..หรือ ยิ้มแย้มได้มากกว่าในยุคปัจจุบันแน่นอน
ส่วนปัจจุบัน..อัตราการเจริญเติบโต.. รวมถึงความมั่งคั่งไปกระจุกตัว อยู่เพียงกลุ่มเดียว คือ ระดับฐานบน หรือ อานิสงค์อาจจะลงมาถึงกลุ่ม ข้าราชการ พนักงาน ระดับสูง บางส่วน
แต่ ในระดับฐานราก.. ต้องเรียก ว่า แห้งเหี่ยวหัวโต.. คนส่วนมาก รับรุ้ได้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ปรกติ.. แม้ว่ารัฐจะประกาศ ว่าเศรษฐกิจ ฟื้นก็ตาม
ธุรกิจ ทั่วๆ ไป..แทบจะขมวดคิ้ว ..ว่า ทำไมเค้าไม่รุ้สึกเลย ว่า ..มันดีขึ้น ตรงข้าม มันก็ซึมๆๆลงๆๆ โดยมีข้อแก้ตัว ว่า..โดน การค้าทางอินเตอร์เนทแย่งไป.. (ซึ่งจริงครับ แต่ตัวเลขการค้าทางอินเตอร์เนทที่โตขึ้น ไม่ได้ครอบคลุม ขนาดทำให้ ธุรกิจทั่วๆไป ตกต่ำขนาดนั้น)
ดังนั้น ..ถ้าคำว่าเศรษฐกิจดี.. เราจะดู กัน แค่... จีดีพี เติบโตขึ้น.. เงินทุนสำรองมากขึ้น.. อันนี้พุดได้ว่า รัฐบาลนี้ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นแล้ว
แต่ถ้า คำว่า เศรษฐกิจดี..ของเรา..คือคำว่า ประชาชน ทั่วไป อยู่ดีกินดี..มีความสุข..... ผมว่า รัฐบาลนี้ ยังสอบตก.ไม่ได้ทำให้มันดีขึ้น ตรงข้ามมันกับเลวร้าย ลงไป....
ทุนนิยมเสรี.. เอื้อและให้โอกาส.กลุ่มทุนใหญ่ ได้เปรียบ ในการลงทุนทำธุรกิจ.และแย่งส่วนแบ่งการตลาดเพื่อผลกำไร
แต่ระบอบประชาธิปไตย... จะช่วยลด ความเหลื่อมล้ำ ..และต่อยอดให้โอกาส คนที่ด้อยกว่า .ให้สามารถก้าวมา ทำธุรกิจได้ โดยรัฐจะช่วยลดแต้มต่อ ของกลุ่มทุน ลง...
ผมว่า ถ้าถามคนพันทิป ซึ่งโดยมากเป้นคนที่ทำงาน อยู่ในชุมชนเมือง หรือ เมืองหลวง.
คนส่วนน้อยคงบอกว่า มันแย่..เพราะ ที่นี่เป้นแหล่งรวมเศรษฐกิจ ทั้งหมดของประเทศ
ต่อให้ เศรษฐกิจถดถอย แต่ที่นี้ ก็ยังมีโอกาส
จีดีพี ..เราโต จริงๆ ครับ..เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ เรามากขึ้นเป้นประวัติการณ์ จริงครับ.
ปัญหา ด้านการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ .เราอาจจะโต น้อยกว่าเพื่อนบ้าน แต่เราโตขึ้น.
บางท่านเอาเราไปเทียบ กับสิงคโปร์.. เรื่องการเจริญเติบโต อาจจะลืมไปว่า สิงคโปร์เป้นพัฒนาแล้ว
คือความเจริญ เค้าค่อนข้างเป้น ขีดสุด ที่ทำได้ ในยุคนี้ แล้ว..จีดีพี ต่อหัว ของสิงคโปร์มากกว่า เรา หลายเท่า
ส่วนที่เราแข่งขันอยู่ด้วย เนี่ยะ เราอยู่กลุ่ม กำลังพยายามพัฒนา ทั้งนั้น
ดังนั้น คู่แข่งเรา ที่เราวัด การเจริญเติบโต ทางเศรษฐกิจ ที่อยุ่ในย่านนี้ ดีที่สุดคือ มาเลย์เซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโด ลาว เขมร พม่า เท่านั้นครับ
การที่การเจริญเติบโต ของ ประเทศเพื่อนบ้าน มีอัตรา สูง ส่วนนึง เพราะพวกเค้าเริ่มเปิดประเทศ แต่ของเรา มีแนวโน้ม ปิดกั้นในบางเรื่อง
ในบางการลงทุน ที่เราควร คว้าไว้ได้..แต่กลับเลยข้ามประเทศเราไป..
เครื่องจักร ด้านเศรษฐกิจ ของเราที่ทำงาน อยู่ คือ ภาคส่งออก ..ภาคท่องเที่ยว... และรัฐบาล ที่อัดฉีด อยุ่
แต่ด้านการบริโภค ภายในประเทศ ..การดึงดูดการลงทุน ในภาคอุตสาหกรรม.. ใหม่ๆ เรามีน้อยลง และพลาดโอกาส ไปหลายครั้ง
ปัญหาหลัก ของประเทศนี้ ในขณะนี้ ..คือการกระจายรายได้.. ช่องว่างความรวย ความจน ของคน มันถ่างกว้างออกเรื่อย จำนวนประชากร ที่เป้นคนยากจน และเข้าถึง รายได้ และแหล่งทุน ไม่ได้มีมากขึ้น..
คนรวย แค่5-10 ตระกูล ดูดซับความร่ำรวย ไปกว่าล้านล้าน บาท ในปีเดียว.. การเจริญเติบโต ของประเทศ ไปกระจุกตัวอยุ่กับกลุ่มคนเหล่านั้นในภาพรวม
แต่ประชาชน ที่เป็นฐานราก ของประเทศ ธุรกิจเล้กๆน้อย ๆ กำลังลำบาก และล้มหายตายจากไป
ถ้าจะโทษเรื่องการปรับตัว..เรื่องการค้าออนไลน์.. จริงครับ มันเป้นส่วนนึง ที่ แย่งตลาดไป.. แต่ลอง สำรวจดูหรือยังครับ ว่า ยอดการค้าออนไลน์ ที่เติบโต ขึ้น.. มันมากเพียงพอ กับ ยอดการค้า ภายใน ธุรกิจ ปรกติที่ลดลง แบบทดแทนกันได้หรือไม่.??
ธุรกิจที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการค้าออนไลน์ จำนวนไม่น้อยก็ตกต่ำ ลงไปด้วย..
ถ้าจะพูดเรื่องการเมือง.. พรรคการเมืองของคุณทักษิณ.. ขณะที่แกครองอำนาจ ประสพปัญหา จาก วิกฤติต้มยำกุ้ง ที่เกิดจากธุรกิจใหญ่ๆ ล้ม จนทำให้ประเทศเซ ตาม ..เพราะประเทศเรา ไม่มีธุรกิจ sme ที่แข็งแรง คอยรองรับ เท่าที่ทราบ แนวทาง นโยบาย ก็ส่งเสริมให้ กระจาย ความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ .เอสเอ็มอี..ธุรกิจเล็กๆน้อย ๆ ให้อยู่ได้..และแข็งแรง พอที่จะ รับแรงกระแทกได้เวลา เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ กับธุรกิจใหญ๋ ๆ
ตัวเลขการเจริญเติบโต ของในยุคคุณทักษิณ ..ไม่ได้ วิเศษ กว่า พรรคอื่น..มีขึ้นมีลง ตามวงจรเศรษฐกิจ.. แต่ความแข็งแกร่งของธุรกิจมันกระจายไปทั่ว ซึ่งเป้นคนส่วนมากของประเทศ.. คนทั่วไป ถึงรุ้สึกว่า ในยุคของคุณทักษิณ เศรษฐกิจ ดี.. ทั้งที่การเจริญเติบโต ของธุรกิจใหญ่ๆ ก็ปรกติ
แต่ มันแผ่ ฐานกว้างกว่า.. ชาวบ้าน ร้านตลาด ในยุคนั้น..ลืมตาอ้าปาก..หรือ ยิ้มแย้มได้มากกว่าในยุคปัจจุบันแน่นอน
ส่วนปัจจุบัน..อัตราการเจริญเติบโต.. รวมถึงความมั่งคั่งไปกระจุกตัว อยู่เพียงกลุ่มเดียว คือ ระดับฐานบน หรือ อานิสงค์อาจจะลงมาถึงกลุ่ม ข้าราชการ พนักงาน ระดับสูง บางส่วน
แต่ ในระดับฐานราก.. ต้องเรียก ว่า แห้งเหี่ยวหัวโต.. คนส่วนมาก รับรุ้ได้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ปรกติ.. แม้ว่ารัฐจะประกาศ ว่าเศรษฐกิจ ฟื้นก็ตาม
ธุรกิจ ทั่วๆ ไป..แทบจะขมวดคิ้ว ..ว่า ทำไมเค้าไม่รุ้สึกเลย ว่า ..มันดีขึ้น ตรงข้าม มันก็ซึมๆๆลงๆๆ โดยมีข้อแก้ตัว ว่า..โดน การค้าทางอินเตอร์เนทแย่งไป.. (ซึ่งจริงครับ แต่ตัวเลขการค้าทางอินเตอร์เนทที่โตขึ้น ไม่ได้ครอบคลุม ขนาดทำให้ ธุรกิจทั่วๆไป ตกต่ำขนาดนั้น)
ดังนั้น ..ถ้าคำว่าเศรษฐกิจดี.. เราจะดู กัน แค่... จีดีพี เติบโตขึ้น.. เงินทุนสำรองมากขึ้น.. อันนี้พุดได้ว่า รัฐบาลนี้ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นแล้ว
แต่ถ้า คำว่า เศรษฐกิจดี..ของเรา..คือคำว่า ประชาชน ทั่วไป อยู่ดีกินดี..มีความสุข..... ผมว่า รัฐบาลนี้ ยังสอบตก.ไม่ได้ทำให้มันดีขึ้น ตรงข้ามมันกับเลวร้าย ลงไป....
ทุนนิยมเสรี.. เอื้อและให้โอกาส.กลุ่มทุนใหญ่ ได้เปรียบ ในการลงทุนทำธุรกิจ.และแย่งส่วนแบ่งการตลาดเพื่อผลกำไร
แต่ระบอบประชาธิปไตย... จะช่วยลด ความเหลื่อมล้ำ ..และต่อยอดให้โอกาส คนที่ด้อยกว่า .ให้สามารถก้าวมา ทำธุรกิจได้ โดยรัฐจะช่วยลดแต้มต่อ ของกลุ่มทุน ลง...
ความคิดเห็นที่ 17
มันมีมายาคติเรื่องนี้อยู่ครับ รัฐที่เก่งในเรื่องปิดซ่อนความน่ารังเกียจของความเหลื่อมล้ำ จะมีวิธีโยนความผิดไปให้ในระดับปัจเจกชน (อเมริกาเป็นอีกตัวอย่างของประเทศเหลื่อมล้ำ) หนังสือ ไลฟ์โค้ช ความคิดประเภทอย่าบ่น คิดบวก ก้มหน้าก้มตาทำงานไป ให้โทษตัวเองเยอะๆ จะได้รับความนิยม เพราะไม่ได้มองเพื่อนร่วมสังคมเป็นหน่วยหนึ่งที่ต้องอยู่อาศัยร่วมกัน แต่มองเป็นใครอ่อนแอก็แพ้ไป ไม่มองปัญหาเชิงโครงสร้าง บางคนตั้งแต่เกิดมา ชีวิตติดลบแล้ว ทั้งโอกาส เงิน ความรู้
มันจะมีคนที่ก้มหน้าก้มตาทำงาน +ฉลาด + จับจังหวะถูกจนประสบความสำเร็จมั่นคงอยู่จริง เป็นคนส่วนน้อย แล้วคนกลุ่มนี้ก็มาสั่งสอนคนส่วนใหญ่ ให้ละเลยความไม่แฟร์ของรัฐแต่ให้โทษตัวเอง แล้วอย่างนี้จะเสียภาษีให้รัฐมาบริหารทำไมกัน ทำไมไม่มองถึงคนส่วนใหญ่ที่ทำงานใช้ชีวิตทั่วไป ว่าค่าแรงที่ถูกกดทับ การต่อรองของสหภาพแรงงานที่อ่อนแอ ทำให้คนคนนึง จะขยันแทบตายก็ได้แต่จมปลักอยู่อย่างนั้น ออมไม่ได้ โงหัวไม่ขึ้น ความขยันหมั่นเพียรไม่อาจรับประกันว่าตนเองจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้เลย
มันจะมีคนที่ก้มหน้าก้มตาทำงาน +ฉลาด + จับจังหวะถูกจนประสบความสำเร็จมั่นคงอยู่จริง เป็นคนส่วนน้อย แล้วคนกลุ่มนี้ก็มาสั่งสอนคนส่วนใหญ่ ให้ละเลยความไม่แฟร์ของรัฐแต่ให้โทษตัวเอง แล้วอย่างนี้จะเสียภาษีให้รัฐมาบริหารทำไมกัน ทำไมไม่มองถึงคนส่วนใหญ่ที่ทำงานใช้ชีวิตทั่วไป ว่าค่าแรงที่ถูกกดทับ การต่อรองของสหภาพแรงงานที่อ่อนแอ ทำให้คนคนนึง จะขยันแทบตายก็ได้แต่จมปลักอยู่อย่างนั้น ออมไม่ได้ โงหัวไม่ขึ้น ความขยันหมั่นเพียรไม่อาจรับประกันว่าตนเองจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้เลย
แสดงความคิดเห็น
จะโทษเศรษฐกิจกันจริงๆหรอครับ คิดเห็นยังไงกันบ้างกับคนบ่นเศรษฐกิจ
เอาจริงๆผมเห็นบ่นกันมาทุกยุคทุกสมัยนะ
ตัวผมไม่สนใจว่าคนไหนจะบริหารดี ไม่ดีอะไรยังไง
เพราะไม่อยากเถียงกับคนรอบข้าง
ข้างบ้านเนี้ยแหละ555 บ่นจังเลยแต่เมื่อ2เดือนก่อน
ออกรถเก๋งป้ายแดงราคา7แสน แต่ออกมาแล้วก็บ่นนะ
ตังไม่พอบ้างหละ หมุนไม่ทันบ้าง ใช้เงินไม่คล่องบ้าง
รถก็มีอยู่แล้ว1คัน ก็พึ่งผ่อนหมดไม่ได้เก่า แล้วจะออกทำไม
ถามจริงๆว่าพวกที่บ่นเนี่ย เป็นเพราะปรับตัวกันไม่ได้
ปรับแล้วแต่ก็ยังเป็นแบบเดิม หรือว่าอะไรครับ
โดยส่วนตัวนะ เศรษฐกิจยุคไหนๆผมเห็นว่ามันก็ยังมีคนที่ปรับตัวได้ และคนที่ปรับไม่ได้ก็บ่นกันอย่างงี้ตลอด เชื่อไหมเดี๋ยวพอมีการเลือกตั้งใหม่จริงๆ ก็มีคนบ่นอยู่ดีแหละ งั้นมันก็ไม่อยู่ที่เศรษฐกิจหรือเปล่า อยู่ที่การปรับตัวของเราเองรึเปล่าครับ