ว่าด้วยเรื่องของความมั่นคงในชีวิตของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นทั้งความมั่นคงในด้านการทำงาน ความมั่นคงทางด้านการเงิน และที่สำคัญไม่แพ้กันคือความรัก ทุกสิ่งทุกอย่างก็คงต้องควบคู่กันไป แต่ก็คงเหมือนที่ในหนัง The Devil Wears Prada ได้กล่าวไว้ว่า ถ้าชีวิตการในการทำงานของคุณรุ่งถึงขีดสุด ชีวิตความรักของคุณก็ร่วงถึงขีดสุด เช่นเดียวกัน บทหนึ่งในหนังน่าจะเป็นแบบนี้ ซึ่งผมไม่รู้ว่าชีวิตคู่ของผมกับแฟนตอนนี้กำลังจะเป็นแบบนั้นรึเปล่า
แฟนผมได้งานใหม่ครับและกำลังจะเริ่มงานในต่างประเทศต้นเดือนหน้านี้แล้วครับ ถ้าถามว่าใจหายมั้ยก็ใจหายนะครับ คนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาก็จะ 3 ปีใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวัน กลับบ้านบ้านมาก็เจอกัน ก่อนนอนก็เห็นหน้ากัน ตื่นเช้ามาก็เห็นเค้าเป็นคนแรก ถามว่าระยะเวลาที่ใช้ชีวิตร่วมกันมานานมั้ย สำหรับผมผมคิดว่า นานนะครับ ที่เข้ามาตั้งกระทู้ก็ไม่ได้มีอะไรมากครับ แค่รู้สึกใจหาย ที่จะต้องตื่นนอนมาคนเดียว ทำอะไรคนเดียว พระเจ้าคงกำลังทดสอบจิตใจของผมอยู่มั้งครับ ถ้าถามว่าการเดินทางไปหาแฟนผมง่ายมั้ยก็ง่ายนะครับ บินไปแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ถึง การทำงานของเค้าเมื่อเทียบกับค่าแรงที่อยู่เมืองไทยแล้ว ไปอยู่ที่นู้นสามารถตั้งตัวได้อย่างสบายเลยก็ว่าได้ กว่าจะได้เงินเดือนเท่าที่แฟนผมได้ ถ้าเทียบกับระดับการศึกษา และ เศรษฐกิจของประเทศไทย หรือเงินเดือนตลาดแล้วก็คงต้องทำงาน 10 ปีในสายงานนั้นๆ ถ้าเราไม่ได้เป็นคนที่เก่งจริง ภาษาเป๊ะ จบนอก ก็คงยากที่จะได้เงินเดือนเท่านี้ คิดถึงข้อนี้แล้วก็เลยคิดว่า เราห่างกันแบบนี้จะได้มีช่องว่างให้คิดถึงกัน
ความคิดผมก็คงได้เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศบ่อยขึ้น มีโอกาสที่จะไปทำงานด้วยกันมากขึ้น รอให้อะไรหลายๆอย่างลงตัว จากที่เคยมีแม่บ้านทำให้ทุกอย่างก็คงต้องทำคนเดียว ก็คงยากนิดนึงในช่วงเริ่มต้น แต่ทุกอย่างคงดีขึ้น
รู้สึกใจหาย อยากระบายเฉยๆ
คนที่ผมรักกำลังจะต้องแยกกันอยู่ เพราะหน้าที่การงานเพราะความมั่นคงในชีวิต เค้าต้องไปทำงานอยู่ต่างประเทศ
แฟนผมได้งานใหม่ครับและกำลังจะเริ่มงานในต่างประเทศต้นเดือนหน้านี้แล้วครับ ถ้าถามว่าใจหายมั้ยก็ใจหายนะครับ คนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาก็จะ 3 ปีใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวัน กลับบ้านบ้านมาก็เจอกัน ก่อนนอนก็เห็นหน้ากัน ตื่นเช้ามาก็เห็นเค้าเป็นคนแรก ถามว่าระยะเวลาที่ใช้ชีวิตร่วมกันมานานมั้ย สำหรับผมผมคิดว่า นานนะครับ ที่เข้ามาตั้งกระทู้ก็ไม่ได้มีอะไรมากครับ แค่รู้สึกใจหาย ที่จะต้องตื่นนอนมาคนเดียว ทำอะไรคนเดียว พระเจ้าคงกำลังทดสอบจิตใจของผมอยู่มั้งครับ ถ้าถามว่าการเดินทางไปหาแฟนผมง่ายมั้ยก็ง่ายนะครับ บินไปแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ถึง การทำงานของเค้าเมื่อเทียบกับค่าแรงที่อยู่เมืองไทยแล้ว ไปอยู่ที่นู้นสามารถตั้งตัวได้อย่างสบายเลยก็ว่าได้ กว่าจะได้เงินเดือนเท่าที่แฟนผมได้ ถ้าเทียบกับระดับการศึกษา และ เศรษฐกิจของประเทศไทย หรือเงินเดือนตลาดแล้วก็คงต้องทำงาน 10 ปีในสายงานนั้นๆ ถ้าเราไม่ได้เป็นคนที่เก่งจริง ภาษาเป๊ะ จบนอก ก็คงยากที่จะได้เงินเดือนเท่านี้ คิดถึงข้อนี้แล้วก็เลยคิดว่า เราห่างกันแบบนี้จะได้มีช่องว่างให้คิดถึงกัน
ความคิดผมก็คงได้เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศบ่อยขึ้น มีโอกาสที่จะไปทำงานด้วยกันมากขึ้น รอให้อะไรหลายๆอย่างลงตัว จากที่เคยมีแม่บ้านทำให้ทุกอย่างก็คงต้องทำคนเดียว ก็คงยากนิดนึงในช่วงเริ่มต้น แต่ทุกอย่างคงดีขึ้น
รู้สึกใจหาย อยากระบายเฉยๆ