ดิฉันเป็นลูกค้าบัตรเครดิตของกสิกรไทยมาน่าจะมากกว่า 10 ปี และเป็นลูกค้าชั้นดีมาตลอด ไม่เคยจ่ายขั้นต่ำและพยายามเป็นหนี้ให้น่อยที่สุด (เพราะงก) ใช้งานราบลื่นมาตลอด แม้กระทั้งตอนหลังๆมีสมัครบัตรเครดิตใบอื่นๆเพิ่มขึ้นมา (เพราะถูกคะยั้นคะยอ (ถ้าสะกดไม่ถูกก็สะกดให้ด้วย)) แต่หลังจากความยุ่งยากที่ต้องไปตามจ่ายตามเคาเตอร์ต่างๆที่ไม่สะดวกสบายเลยหักบัตรอื่นๆทิ้งไป เหลือใช้แค่ใบเดียวเหมือนเดิม (แต่มันคือความคิดที่ผิด)
กระทู้นี่จะมาเล่าถึงความยุ่งยากที่เกิดขึ้นจากระบบของบัครเครดิตที่สร้างความยุ่งยากให้แก่ลูกค้านะคะ
ทุกคนรู้จัก True Fitness ใช่ไหมคะ ดิฉันก็เป็นคนนึง ที่ถูกมันโกงปิดสาขาไป ดิฉันเลยแจ้งธนาคารให้อายัดยอดค้างจ่ายที่เหลือเอาไว้ประมาณ 10 เดือน เท่านี้ก็พอเบาใจ แต่ที่ไหนได้ ยอดค่าใช้จ่ายมันยังคงอยู่ แล้วก็สะสมไปเรื่อยๆในยอดการจ่ายของเรา แต่เราไม่จำเป็นต้องจ่ายและยอดเหล่านี้ไม่นำมาคิดดอกเบี้ย (หรือแอบคิด ชาวบ้านที่ไหนจะติดตามทันคะ) ซึ่งสร้างความยุ่งยาหให้ลูกค้า ดังต่อไปนี้
1. ยอดเสียพวกมันจะมากักวงเงินจริงๆของบัตร รูดไปรูดมาพอจะซื้อของใหญ่ๆ ก็รูดไม่ได้ ทั้งๆที่แน่ใจว่าไม่มียอดค้าง เป็๋นธุระให้ลูกค้าต้องโทรเข้าคอนเซ็นเตอร์ที่แสนจะติดต่อยาก สร้างภาระที่ไม่จำเป็นให้ลูกค้า รู้สึกไม่ได้รับความสะดวกสบาย
2. เวลาจะจ่ายหนี้ Statement ธนาคารดันยกเอายอดเสียพวกนั้นมารวมอยู่ด้วย ที่นี่ลูกค้าก็ต้องมานั่งเสียเวลากดเครื่องคิดเลขเองว่ายอดจริงๆ เราต้องจ่ายเท่าไหร่ ยุ่งยากมากๆ
3. อันนี้จะยิ่งโกลาหลมากขึ้นไปอีก ถ้าเราเครียล์ไม่หมด มันก็จะเกิดดอกเบี้ย ซึ่งธนาคารอ้างว่าพวกยอดเสียไม่นำมาคำนวนดอกเบื้ออยู่แล้ว แต่ดิฉันเคยเจอประสบการณ์ที่เครียล์ยอดเกือบหมด แต่เหลือเศษๆไว้ไม่ถึง 100 บาท ปรากฏใบแจ่งหนี้มามีดอกเบี้ย 5-600 บาท ต้องโทรไปคอยเซ็นเตอร์ พวกมันถึงจะวอยดอกเบี้ยให้ แล้วใครจะไว้ใจได้อีกคะ
จนดิฉันถึงที่สุดของความวุ่นวายเลยตัดสินใจจะเลิกใช้บัตรกสิกรเด็ดขากและต้องการปิดยอดค่าใช้จ่ายที่ถูกต้องทั้งหมด แต่ปรากฏก็เกิดความยุ่งยากอีก เพราะพนักงานคอนเซ็ฯอาจจะสื่อสารกันไม่เข้าใจ ดิฉันบอกไปว่าต้องการจะจจ่ายยอดหนี้ทั้งหมด รวมไปถึงยอดหนี้ที่จะเกิดขึ้นในงวดหน้าด้วย ให้ช่วยคำนวนให้หน่อยว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ น้องคอลเซ็นเตอร์ก็บอกยอดมาเรียบร้อย ซึ่งดิฉันเข้าใจว่างวดหน้าจะมียอดเพิ่มมาแค่ยอดค่าโทรศัพท์มือถือกับค่าผ่อนของงวดสุดท้าย ดิฉันก็ไปจัดการจ่ายแล้วก็รู้สึกโล่งใจ
แต่พอใบแจ้งหนี้เดือนนี้มา ดันมียอดดอกเบี้ยเกิดขึ้นมาอีก จึงโทรไปวีน ในแง่ดอกเบี้ย โอเค ชั้นไปจ่ายช้ากว่ากำหนด ยอมรับ แต่ส่วนยอดที่เพิ่มเข้ามารอบบิลนี้ พวกนางบอกว่าเนื่องจากยอดที่จ่ายรวมไป ยอดหนี้มันยังไม่เกิดค่ะ มันเลยเพิ่มขึ้นในงวดนี้ อ้าว แล้วเงินที่ชั้นจ่ายเกินไปในรอบที่แล้วหายไปไหน พวกนางก็ไปตามดูรายการ
แล้วเมื่อกี้ก็พึ่งโทรมาบอกบอกรายละเอีนยดบลาๆ แค่คือคุยโทรศัพท์กันลุกค้าจะคิดตามเรื่องตัวเลขทันไหมคะ เลยบอกให้น้องส่งรายละเอียดมาทางอีเมล์ คือ นี่ขนาดคิดว่าอยากจะปิดให้มันจบๆ ซึ่งคืดว่าจบไปแล้วสองรอบ แต่ก็ยังไม่จบ ส่วนหนึ่งมันอาจจะเป็นความผิดของดิฉันเองด้วยส่วนหนึ่ง แต่ที่อยากจะชี้คือ ระบบของบัครเครดิตเนี่ย มันสร้างความยุ่งยากและสร้างความไม่น่าไว้วางใจมากๆให้กับลูกค้า ถ้าใครไม่มีปัญหาก็โชคดีไปค่ะ สิ่งที่ไม่ชอบสุดๆคือ ไม่เครียล์ยอดที่เราอายัติ ให้มันแยกออกจากกันให้ชัดเจน ทำให้เราไม่เกิดความไว้วางใจวนตัวของธนาคารกสิกรไทยอีกต่อไป
ใครจะว่ายังไงก็เชิญค่ะ แค่มาบ่นให้ฟัง นี่คือรู้สึกดีมากกกกที่เลือกเปลี่ยนบัครเครดิต (ตอนนี้ใช้ UOB เพราะเป็นบัตรที่ส่งมาค้างไว้ที่บ้านนานแล้วยังไม่ได้เปิดใช้ แล้วก็รอที่อื่นไม่ไหว) และบัญชีธนาคารมาใช้ของ SCB ของกสิกรแค่จะไปจ่ายหนี้ยังรู้สึกลำบากเลย จ่ายผ่ายแอฟ SCB ก็ไม่ได้
ปล พิมพฺผิดเยอะค่ะ ใครรำคาญก็เชิญบ่นต่อไปนะคะ
[CR] ขอบ่นหน่อยเถอะค่ะ กับความยุ่งยากไม่จบไม่สิ้นของบัตรเครดิตกสิกรไทย
กระทู้นี่จะมาเล่าถึงความยุ่งยากที่เกิดขึ้นจากระบบของบัครเครดิตที่สร้างความยุ่งยากให้แก่ลูกค้านะคะ
ทุกคนรู้จัก True Fitness ใช่ไหมคะ ดิฉันก็เป็นคนนึง ที่ถูกมันโกงปิดสาขาไป ดิฉันเลยแจ้งธนาคารให้อายัดยอดค้างจ่ายที่เหลือเอาไว้ประมาณ 10 เดือน เท่านี้ก็พอเบาใจ แต่ที่ไหนได้ ยอดค่าใช้จ่ายมันยังคงอยู่ แล้วก็สะสมไปเรื่อยๆในยอดการจ่ายของเรา แต่เราไม่จำเป็นต้องจ่ายและยอดเหล่านี้ไม่นำมาคิดดอกเบี้ย (หรือแอบคิด ชาวบ้านที่ไหนจะติดตามทันคะ) ซึ่งสร้างความยุ่งยาหให้ลูกค้า ดังต่อไปนี้
1. ยอดเสียพวกมันจะมากักวงเงินจริงๆของบัตร รูดไปรูดมาพอจะซื้อของใหญ่ๆ ก็รูดไม่ได้ ทั้งๆที่แน่ใจว่าไม่มียอดค้าง เป็๋นธุระให้ลูกค้าต้องโทรเข้าคอนเซ็นเตอร์ที่แสนจะติดต่อยาก สร้างภาระที่ไม่จำเป็นให้ลูกค้า รู้สึกไม่ได้รับความสะดวกสบาย
2. เวลาจะจ่ายหนี้ Statement ธนาคารดันยกเอายอดเสียพวกนั้นมารวมอยู่ด้วย ที่นี่ลูกค้าก็ต้องมานั่งเสียเวลากดเครื่องคิดเลขเองว่ายอดจริงๆ เราต้องจ่ายเท่าไหร่ ยุ่งยากมากๆ
3. อันนี้จะยิ่งโกลาหลมากขึ้นไปอีก ถ้าเราเครียล์ไม่หมด มันก็จะเกิดดอกเบี้ย ซึ่งธนาคารอ้างว่าพวกยอดเสียไม่นำมาคำนวนดอกเบื้ออยู่แล้ว แต่ดิฉันเคยเจอประสบการณ์ที่เครียล์ยอดเกือบหมด แต่เหลือเศษๆไว้ไม่ถึง 100 บาท ปรากฏใบแจ่งหนี้มามีดอกเบี้ย 5-600 บาท ต้องโทรไปคอยเซ็นเตอร์ พวกมันถึงจะวอยดอกเบี้ยให้ แล้วใครจะไว้ใจได้อีกคะ
จนดิฉันถึงที่สุดของความวุ่นวายเลยตัดสินใจจะเลิกใช้บัตรกสิกรเด็ดขากและต้องการปิดยอดค่าใช้จ่ายที่ถูกต้องทั้งหมด แต่ปรากฏก็เกิดความยุ่งยากอีก เพราะพนักงานคอนเซ็ฯอาจจะสื่อสารกันไม่เข้าใจ ดิฉันบอกไปว่าต้องการจะจจ่ายยอดหนี้ทั้งหมด รวมไปถึงยอดหนี้ที่จะเกิดขึ้นในงวดหน้าด้วย ให้ช่วยคำนวนให้หน่อยว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ น้องคอลเซ็นเตอร์ก็บอกยอดมาเรียบร้อย ซึ่งดิฉันเข้าใจว่างวดหน้าจะมียอดเพิ่มมาแค่ยอดค่าโทรศัพท์มือถือกับค่าผ่อนของงวดสุดท้าย ดิฉันก็ไปจัดการจ่ายแล้วก็รู้สึกโล่งใจ
แต่พอใบแจ้งหนี้เดือนนี้มา ดันมียอดดอกเบี้ยเกิดขึ้นมาอีก จึงโทรไปวีน ในแง่ดอกเบี้ย โอเค ชั้นไปจ่ายช้ากว่ากำหนด ยอมรับ แต่ส่วนยอดที่เพิ่มเข้ามารอบบิลนี้ พวกนางบอกว่าเนื่องจากยอดที่จ่ายรวมไป ยอดหนี้มันยังไม่เกิดค่ะ มันเลยเพิ่มขึ้นในงวดนี้ อ้าว แล้วเงินที่ชั้นจ่ายเกินไปในรอบที่แล้วหายไปไหน พวกนางก็ไปตามดูรายการ
แล้วเมื่อกี้ก็พึ่งโทรมาบอกบอกรายละเอีนยดบลาๆ แค่คือคุยโทรศัพท์กันลุกค้าจะคิดตามเรื่องตัวเลขทันไหมคะ เลยบอกให้น้องส่งรายละเอียดมาทางอีเมล์ คือ นี่ขนาดคิดว่าอยากจะปิดให้มันจบๆ ซึ่งคืดว่าจบไปแล้วสองรอบ แต่ก็ยังไม่จบ ส่วนหนึ่งมันอาจจะเป็นความผิดของดิฉันเองด้วยส่วนหนึ่ง แต่ที่อยากจะชี้คือ ระบบของบัครเครดิตเนี่ย มันสร้างความยุ่งยากและสร้างความไม่น่าไว้วางใจมากๆให้กับลูกค้า ถ้าใครไม่มีปัญหาก็โชคดีไปค่ะ สิ่งที่ไม่ชอบสุดๆคือ ไม่เครียล์ยอดที่เราอายัติ ให้มันแยกออกจากกันให้ชัดเจน ทำให้เราไม่เกิดความไว้วางใจวนตัวของธนาคารกสิกรไทยอีกต่อไป
ใครจะว่ายังไงก็เชิญค่ะ แค่มาบ่นให้ฟัง นี่คือรู้สึกดีมากกกกที่เลือกเปลี่ยนบัครเครดิต (ตอนนี้ใช้ UOB เพราะเป็นบัตรที่ส่งมาค้างไว้ที่บ้านนานแล้วยังไม่ได้เปิดใช้ แล้วก็รอที่อื่นไม่ไหว) และบัญชีธนาคารมาใช้ของ SCB ของกสิกรแค่จะไปจ่ายหนี้ยังรู้สึกลำบากเลย จ่ายผ่ายแอฟ SCB ก็ไม่ได้
ปล พิมพฺผิดเยอะค่ะ ใครรำคาญก็เชิญบ่นต่อไปนะคะ