ขออนุญาต ให้คำแนะนำ สำหรับน้องหมอที่จะต้องออก รพช ครั้งแรก หวังว่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับทุกๆคนครับ (บางส่วนจะเป็นความเห็นส่วนตัว ซึ่งแต่ละที่อาจไม่เหมือนกันนะครับ)
1.ข้อดี
- คนไข้ ส่วนใหญ่ เป็นมิตร คุยง่าย มีน้ำใจ นำของมาให้ จนท หรือ แพทย์ ซึ่งพบได้เสมอๆ
- การบริหารงาน ส่วนใหญ่ จะให้แพทย์เป็นผู้นำ ซึ่งน้องมีโอกาสแสดงความเห็นกับ จนท และผู้บริหารได้เกือบทุกเรื่อง เพื่อการพัฒนาระบบ
- เนื่องจากเป็น รพช. ทำให้ เจ้าหน้าที่แต่ละแผนก มีความรู้จักมักคุ้นกันอย่างดี มีการช่วยเหลือแต่ละแผนกได้ง่าย การส่งต่อข้อมูลคนไข้มักผิดพลาดน้อย หากน้องๆไม่เข้าใจ สามารถถามพี่ๆ จนท ได้ทุกคน
- จนท บางคนมีเครือญาติ หรือรู้จักคนเยอะ ในพื้นที่ จึง ช่วยน้องได้ ทั้งในเรื่องการคุยกับคนไข้ การประสานงาน ความเป็นอยู่ ใน รพช นั้นๆ
2.ข้อเสีย
- การ update ความรู้จะมีน้อย น้องๆจะอยู่ใน comfort zone แรงกระตุ้น การแข่งขันน้อย อาจทำให้เพื่อนบางคนหลุดจากโคจร ความกระตือรือร้นได้
- รพช 30 เตียง บางแห่ง ไม่ได้สบายแบบที่คิด! เพราะสามารถรับเสริม เป็น 35 หรือ 45 เตียงอยู่บ่อยๆ การคิดว่า รพช สบาย นั้นไม่จริงเสมอไป และมี staff บางท่านคิดเช่นนั้นอยู่ จึงทำให้การทำงานบางที่ ยังหนักอยู่หากเทียบกับภาระงาน ที่น้องต้องคิดและทำคนเดียว
- การอยู่เวรวันธรรมดาวันนึง น้องจะอยู่คนเดียว คือต้องดูทั้ง opdนอกเวลา/ ward/ ห้องคลอด/ ห้องฉุกเฉิน ซึ่งบางครั้ง เคสมาพร้อมกัน และมีปัญหาพร้อมกันทั้งห้องคลอด ห้องฉุกเฉิน ซึ่งเร่งด่วนทั้งคู่ อาจผิดพลาดได้บ้างเล็กน้อย ซึ่งความเล็กน้อยนั้น อาจโดน staff รพศ ตำหนิได้อยู่ดี
- การหาของกิน ความเป็นอยู่อาจดีขึ้นกว่า30ปีที่แล้ว (เพราะแพทย์รุ่นก่อนมักบอกเสมอว่า รุ่นพี่ก็อยู่กันได้แบบนี้ ) แต่ความจริงแล้ว น้องบางคนอาจไม่ถูกใจ ร้านอาหารที่มีสองสามร้านทั้งอำเภอ หรือ ระบบน้ำไฟ ที่ติดๆดับๆอยู่บ่อย ทำให้การอยู่เวรและไม่ได้อาบน้ำและชินไปเองในบางแห่ง ซึ่งเวลาผ่านมาแล้ว บางอย่างควรปรับปรุงได้แล้ว
- บ้านพัก ยังคงใช้บ้านพักตั้งแต่ รพช ปลูกสร้างมา หลายๆที่ไม่มีการปรับปรุงเลย ตัวใครตัวมัน น้องๆซ่อมกันเอง ซึ่งจะเห็นเป็นบ้านไม้สองชั้นแปลนเดิมๆ เพดานผุๆ พื้นเป็นรูอยู่ทุกที่
- ความรู้ของ จนท อนามัยที่ไม่ใช่พยาบาล จะจำกัด การประสานงานอาจทำได้ไม่ตามใจหวัง และการโกงกินยังพบได้เป็นเรื่องปกติใน รพช ซึ่งต้องทำเป็นมองไม่เห็นบ้าง เพราะความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่คนพูดความจริงอาจจะตายได้
- รพช บางแห่ง ไม่สามารถตรวจเลือดในเวลากลางคืนได้ หรือทำได้ ก็อาจใช้เวลามาก ในการเดินทางของ จนท จากบ้านพักมา รพช อันนี้น้องอาจรู้สึกเกรงใจ จนท บ้าง แต่หากจำเป็นสามารถ ส่งตรวจได้ แต่จะได้ผลช้ากว่าปกติ
- การแจ้งซ่อมสิ่งต่างๆ ใน รพช ดำเนินการช้ามากๆ ถึงแม้ว่าน้องจะแจ้งซ่อมแล้ว แจ้งผู้เกี่ยวข้องแล้ว หรือแจ้งผู้บังคับบัญชาแล้ว แต่ดูเหมือนอะไรๆต้องรองบ ต้องรอรอบปี ต้องรองานอื่นที่สำคัญกว่าเสมอ จนทำให้ต้องซ่อมเองในสิ่งที่ทำได้ และบางอย่างอาจไม่ได้ซ่อมจนน้องใช้ทุนครบเลยก็เป็นได้
3.ข้อควรรู้ !
- ผู้มีอำนาจในอำเภอ แน่นอนว่าทุกที่ จะผู้มีอำนาจ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หัวหน้า อสม. ซึ่งเป็นชาวบ้าน ที่มีอิทธิพล หากเจอคนที่ดีจะทำงานได้ราบรื่นมาก แต่หากเจอคนที่บ้าอำนาจ ถือตัว ไม่ฟังใคร เอาแต่ใจ จะเป็นปัญหากับน้องหมอแน่นอน เช่น ต้องการได้ยาที่ดีที่สุด, ต้องการเข้าห้องพิเศษ ทั้งๆที่ห้องเต็ม, ต้องการส่งตัวไป รพศ เลยทันที่ ทั้งที่อาการไม่รุนแรง(จะเก็บไว้ก็เป็นปัญหาฟ้องร้อง ร้องเรียนประท้วงได้ หากจะส่ง รพศ อาจโดน staff โทรกลับมาตำหนิถึงการส่งเคสโดยไม่จำเป็น)ซึ่งส่วนมากแล้วต้องถึงผู้บังคับบัญชาลงมาช่วยและตามใจท่านๆเป็นส่วนใหญ่
- รพ.เอกชน มีข้อดีคือน้องบางคนสามารถไปรับ OT เพิ่มได้ แต่บางครั้งก็มีข้อเสีย 1. เอกชน จะ refer คนไข้มา รพช ด้วยเหตุผลต่างๆ และไม่ได้รักษาเบื่องต้นมา อาจเพราะปัญหาการเงิน ทำให้การรักษาล่าช้า เป็นผลเสียกับคนไข้ และเสียต่อ รพช เสี่ยงต่อการฟ้องร้องได้ 2. จนท รพ เอกชน ป่วยและมารักษา รพช จะมีความเยอะเปนพิเศษ บางท่านต้องการตรวจเลือด x-ray ultrasound กลางดึก ซึ่งมากเกินความจำเป็นและ รพช บางแห่งไม่สามารถทำได้!!! ทางรพช ได้อธิบายแล้ว แต่ยังต้องการทำตามใจตน อาจเนื่องด้วย ความคุ้นเคยจากระบบเอกชนมาก่อน
- Clinic ตามต่างอำเภอ ที่มีคุณหมอประจำ หรือ เป็น clinc ที่พยาบาลตรวจ อาจทำให้น้องหมอขัดใจได้บ่อย เพราะการจ่ายยาไม่ตรงตามหลัก RDU อาจให้ ATB ถึง 3 ชนิด ในคนไข้ pharyngitis หรือ… มีการรับฝากครรภ์ ไม่มาตรฐานสากล เมื่อมีปัญหา จึงส่งคนไข้เข้า รพช ซึ่งทำให้การรักษาหรือการส่งตรวจเลือดบางอย่างล่าช้า
- เพื่อนแพทย์ รพช30เตียง ส่วนใหญ่จะมีแพทย์active2-4คน (ไม่รวมท่าน ผู้บริหาร ที่ทำงานบริหาร) ซึ่งมีปัญหาได้คือ 1. การลาไม่ใช่เรื่องยาก แต่หากลามากกว่าหนึ่งคน จะทำให้เพื่อนทำงานหนักขึ้น หรือบางคนจำเป็นต้องไปประชุมวิชาการ เพื่อนที่เหลือต้องตกลงวันลากันให้ดี 2. การทำงาน หากเป็นเพื่อนแพทย์ที่ไม่ค่อยช่วยเหลือกัน ใน รพช ที่ยุ่ง จะทำให้งานโหลดที่คนใดคนหนึ่งได้ การช่วยออก opd ในวันที่แพทย์บางคนว่าง จะทำให้ลดคนไข้ opd ได้เร็ว
- ความเยอะ 1.หลายครั้งที่มักเจอความเยอะจาก ญาติ การหลีกเลี่ยงการทะเลาะ หรือกระตุ้นอารมณ์หัวร้อน เป็นทางออกที่ดีที่สุดเสมอ จึงจำเป็นต้องควบคุมอารมณ์ตนเองให้ได้ บางเคสต้องการให้ รพช นำไปส่ง รพศ ทันที่ ทั้งที่ยังไม่มีใบrefer ยังไม่ทำแผล ยังไม่ลงประวัติ ซึ่งความจริงแล้วต้องใช้เวลาทั้งสิ้นและเราทราบดีว่าต้องการความเร่งด่วนขนาดไหน 2. และหลายครั้งที่เราต้องเจอความเยอะจาก staff ปลายทาง ที่มักหัวร้อนใส่ รพช เสมอๆ ทั้งที่ไม่สนบริบท ไม่สนเลยว่า รพช ทำได้เท่านี้ หรือ ณ เวลานั้น รพช ไม่สามารถตรวจละเอียดได้ขนาดนั้น การตรวจละเอียดที่ รพช จะนำมาซึ่ง ความไม่พอใจของญาติได้เช่นกัน เช่น เคสหัวใจหยุดเต้นและฟื้นได้จาก CPR ต้องรีบนำส่งทันที ไม่มีเวลาพอในการรอผลเลือด รอผลxray ต่างๆ.. ในบางครั้ง เคสเร่งด่วนพี่พยาบาล อาจตัดสินใจเบื่องต้นให้ว่าต้องทำอะไรก่อนที่น้องจะมาถึงด้วยความหวังดี แต่ staff ไม่พอใจกับสิ่งนั้นและมาลงที่น้อง เราไม่สามารถกล่าวโทษพี่พยาบาลที่อยู่ช่วยเราทั้งคืนได้เลย และไม่สามารถแก้ตัวต่อ staff ได้เช่นกัน
สุดท้ายขอบคุณทุกท่านที่ได้อ่าน บทความนี้ จขกท หวังดีต่อน้องแพทย์รุ่นใหม่ทุกคน และขอให้ อยู่ให้ได้อยู่ให้เป็น ใน รพช . ขอบคุณคำติชม และทุกความเห็นล่วงหน้าเช่นกัน
#เพราะทุกคนที่พูดดี ไม่ใช่คนที่หวังดีเสมอไป
อยู่ให้เป็น ! รพช ไสตล์ ( ความจริงในปัจจุบัน สำหรับน้องหมอที่ต้องออก รพช ครั้งแรก ) แพทย์
1.ข้อดี
- คนไข้ ส่วนใหญ่ เป็นมิตร คุยง่าย มีน้ำใจ นำของมาให้ จนท หรือ แพทย์ ซึ่งพบได้เสมอๆ
- การบริหารงาน ส่วนใหญ่ จะให้แพทย์เป็นผู้นำ ซึ่งน้องมีโอกาสแสดงความเห็นกับ จนท และผู้บริหารได้เกือบทุกเรื่อง เพื่อการพัฒนาระบบ
- เนื่องจากเป็น รพช. ทำให้ เจ้าหน้าที่แต่ละแผนก มีความรู้จักมักคุ้นกันอย่างดี มีการช่วยเหลือแต่ละแผนกได้ง่าย การส่งต่อข้อมูลคนไข้มักผิดพลาดน้อย หากน้องๆไม่เข้าใจ สามารถถามพี่ๆ จนท ได้ทุกคน
- จนท บางคนมีเครือญาติ หรือรู้จักคนเยอะ ในพื้นที่ จึง ช่วยน้องได้ ทั้งในเรื่องการคุยกับคนไข้ การประสานงาน ความเป็นอยู่ ใน รพช นั้นๆ
2.ข้อเสีย
- การ update ความรู้จะมีน้อย น้องๆจะอยู่ใน comfort zone แรงกระตุ้น การแข่งขันน้อย อาจทำให้เพื่อนบางคนหลุดจากโคจร ความกระตือรือร้นได้
- รพช 30 เตียง บางแห่ง ไม่ได้สบายแบบที่คิด! เพราะสามารถรับเสริม เป็น 35 หรือ 45 เตียงอยู่บ่อยๆ การคิดว่า รพช สบาย นั้นไม่จริงเสมอไป และมี staff บางท่านคิดเช่นนั้นอยู่ จึงทำให้การทำงานบางที่ ยังหนักอยู่หากเทียบกับภาระงาน ที่น้องต้องคิดและทำคนเดียว
- การอยู่เวรวันธรรมดาวันนึง น้องจะอยู่คนเดียว คือต้องดูทั้ง opdนอกเวลา/ ward/ ห้องคลอด/ ห้องฉุกเฉิน ซึ่งบางครั้ง เคสมาพร้อมกัน และมีปัญหาพร้อมกันทั้งห้องคลอด ห้องฉุกเฉิน ซึ่งเร่งด่วนทั้งคู่ อาจผิดพลาดได้บ้างเล็กน้อย ซึ่งความเล็กน้อยนั้น อาจโดน staff รพศ ตำหนิได้อยู่ดี
- การหาของกิน ความเป็นอยู่อาจดีขึ้นกว่า30ปีที่แล้ว (เพราะแพทย์รุ่นก่อนมักบอกเสมอว่า รุ่นพี่ก็อยู่กันได้แบบนี้ ) แต่ความจริงแล้ว น้องบางคนอาจไม่ถูกใจ ร้านอาหารที่มีสองสามร้านทั้งอำเภอ หรือ ระบบน้ำไฟ ที่ติดๆดับๆอยู่บ่อย ทำให้การอยู่เวรและไม่ได้อาบน้ำและชินไปเองในบางแห่ง ซึ่งเวลาผ่านมาแล้ว บางอย่างควรปรับปรุงได้แล้ว
- บ้านพัก ยังคงใช้บ้านพักตั้งแต่ รพช ปลูกสร้างมา หลายๆที่ไม่มีการปรับปรุงเลย ตัวใครตัวมัน น้องๆซ่อมกันเอง ซึ่งจะเห็นเป็นบ้านไม้สองชั้นแปลนเดิมๆ เพดานผุๆ พื้นเป็นรูอยู่ทุกที่
- ความรู้ของ จนท อนามัยที่ไม่ใช่พยาบาล จะจำกัด การประสานงานอาจทำได้ไม่ตามใจหวัง และการโกงกินยังพบได้เป็นเรื่องปกติใน รพช ซึ่งต้องทำเป็นมองไม่เห็นบ้าง เพราะความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่คนพูดความจริงอาจจะตายได้
- รพช บางแห่ง ไม่สามารถตรวจเลือดในเวลากลางคืนได้ หรือทำได้ ก็อาจใช้เวลามาก ในการเดินทางของ จนท จากบ้านพักมา รพช อันนี้น้องอาจรู้สึกเกรงใจ จนท บ้าง แต่หากจำเป็นสามารถ ส่งตรวจได้ แต่จะได้ผลช้ากว่าปกติ
- การแจ้งซ่อมสิ่งต่างๆ ใน รพช ดำเนินการช้ามากๆ ถึงแม้ว่าน้องจะแจ้งซ่อมแล้ว แจ้งผู้เกี่ยวข้องแล้ว หรือแจ้งผู้บังคับบัญชาแล้ว แต่ดูเหมือนอะไรๆต้องรองบ ต้องรอรอบปี ต้องรองานอื่นที่สำคัญกว่าเสมอ จนทำให้ต้องซ่อมเองในสิ่งที่ทำได้ และบางอย่างอาจไม่ได้ซ่อมจนน้องใช้ทุนครบเลยก็เป็นได้
3.ข้อควรรู้ !
- ผู้มีอำนาจในอำเภอ แน่นอนว่าทุกที่ จะผู้มีอำนาจ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หัวหน้า อสม. ซึ่งเป็นชาวบ้าน ที่มีอิทธิพล หากเจอคนที่ดีจะทำงานได้ราบรื่นมาก แต่หากเจอคนที่บ้าอำนาจ ถือตัว ไม่ฟังใคร เอาแต่ใจ จะเป็นปัญหากับน้องหมอแน่นอน เช่น ต้องการได้ยาที่ดีที่สุด, ต้องการเข้าห้องพิเศษ ทั้งๆที่ห้องเต็ม, ต้องการส่งตัวไป รพศ เลยทันที่ ทั้งที่อาการไม่รุนแรง(จะเก็บไว้ก็เป็นปัญหาฟ้องร้อง ร้องเรียนประท้วงได้ หากจะส่ง รพศ อาจโดน staff โทรกลับมาตำหนิถึงการส่งเคสโดยไม่จำเป็น)ซึ่งส่วนมากแล้วต้องถึงผู้บังคับบัญชาลงมาช่วยและตามใจท่านๆเป็นส่วนใหญ่
- รพ.เอกชน มีข้อดีคือน้องบางคนสามารถไปรับ OT เพิ่มได้ แต่บางครั้งก็มีข้อเสีย 1. เอกชน จะ refer คนไข้มา รพช ด้วยเหตุผลต่างๆ และไม่ได้รักษาเบื่องต้นมา อาจเพราะปัญหาการเงิน ทำให้การรักษาล่าช้า เป็นผลเสียกับคนไข้ และเสียต่อ รพช เสี่ยงต่อการฟ้องร้องได้ 2. จนท รพ เอกชน ป่วยและมารักษา รพช จะมีความเยอะเปนพิเศษ บางท่านต้องการตรวจเลือด x-ray ultrasound กลางดึก ซึ่งมากเกินความจำเป็นและ รพช บางแห่งไม่สามารถทำได้!!! ทางรพช ได้อธิบายแล้ว แต่ยังต้องการทำตามใจตน อาจเนื่องด้วย ความคุ้นเคยจากระบบเอกชนมาก่อน
- Clinic ตามต่างอำเภอ ที่มีคุณหมอประจำ หรือ เป็น clinc ที่พยาบาลตรวจ อาจทำให้น้องหมอขัดใจได้บ่อย เพราะการจ่ายยาไม่ตรงตามหลัก RDU อาจให้ ATB ถึง 3 ชนิด ในคนไข้ pharyngitis หรือ… มีการรับฝากครรภ์ ไม่มาตรฐานสากล เมื่อมีปัญหา จึงส่งคนไข้เข้า รพช ซึ่งทำให้การรักษาหรือการส่งตรวจเลือดบางอย่างล่าช้า
- เพื่อนแพทย์ รพช30เตียง ส่วนใหญ่จะมีแพทย์active2-4คน (ไม่รวมท่าน ผู้บริหาร ที่ทำงานบริหาร) ซึ่งมีปัญหาได้คือ 1. การลาไม่ใช่เรื่องยาก แต่หากลามากกว่าหนึ่งคน จะทำให้เพื่อนทำงานหนักขึ้น หรือบางคนจำเป็นต้องไปประชุมวิชาการ เพื่อนที่เหลือต้องตกลงวันลากันให้ดี 2. การทำงาน หากเป็นเพื่อนแพทย์ที่ไม่ค่อยช่วยเหลือกัน ใน รพช ที่ยุ่ง จะทำให้งานโหลดที่คนใดคนหนึ่งได้ การช่วยออก opd ในวันที่แพทย์บางคนว่าง จะทำให้ลดคนไข้ opd ได้เร็ว
- ความเยอะ 1.หลายครั้งที่มักเจอความเยอะจาก ญาติ การหลีกเลี่ยงการทะเลาะ หรือกระตุ้นอารมณ์หัวร้อน เป็นทางออกที่ดีที่สุดเสมอ จึงจำเป็นต้องควบคุมอารมณ์ตนเองให้ได้ บางเคสต้องการให้ รพช นำไปส่ง รพศ ทันที่ ทั้งที่ยังไม่มีใบrefer ยังไม่ทำแผล ยังไม่ลงประวัติ ซึ่งความจริงแล้วต้องใช้เวลาทั้งสิ้นและเราทราบดีว่าต้องการความเร่งด่วนขนาดไหน 2. และหลายครั้งที่เราต้องเจอความเยอะจาก staff ปลายทาง ที่มักหัวร้อนใส่ รพช เสมอๆ ทั้งที่ไม่สนบริบท ไม่สนเลยว่า รพช ทำได้เท่านี้ หรือ ณ เวลานั้น รพช ไม่สามารถตรวจละเอียดได้ขนาดนั้น การตรวจละเอียดที่ รพช จะนำมาซึ่ง ความไม่พอใจของญาติได้เช่นกัน เช่น เคสหัวใจหยุดเต้นและฟื้นได้จาก CPR ต้องรีบนำส่งทันที ไม่มีเวลาพอในการรอผลเลือด รอผลxray ต่างๆ.. ในบางครั้ง เคสเร่งด่วนพี่พยาบาล อาจตัดสินใจเบื่องต้นให้ว่าต้องทำอะไรก่อนที่น้องจะมาถึงด้วยความหวังดี แต่ staff ไม่พอใจกับสิ่งนั้นและมาลงที่น้อง เราไม่สามารถกล่าวโทษพี่พยาบาลที่อยู่ช่วยเราทั้งคืนได้เลย และไม่สามารถแก้ตัวต่อ staff ได้เช่นกัน
สุดท้ายขอบคุณทุกท่านที่ได้อ่าน บทความนี้ จขกท หวังดีต่อน้องแพทย์รุ่นใหม่ทุกคน และขอให้ อยู่ให้ได้อยู่ให้เป็น ใน รพช . ขอบคุณคำติชม และทุกความเห็นล่วงหน้าเช่นกัน
#เพราะทุกคนที่พูดดี ไม่ใช่คนที่หวังดีเสมอไป