รีวิวมิวเซียมในมะละกา เมืองท่าในหนังสือสปช.

มะละกาเป็นเมืองมรดกโลกที่ผมอยากจะไปมานานแล้ว แต่ก็ไม่ได้ไปสักที ทั้ง ๆ ที่ไปง่ายแสนง่าย จากกรุงเทพก็มีสายการบินมากมายให้เลือก ค่าใช้จ่ายในการไปท่องเที่ยวก็ไม่แพง ตลอดทริปนี้ ผมจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าไว้นาน ของแอร์เอเชีย เมื่อสรุปรวมทั้งทริปแล้ว  4 วัน 3 คืน มีค่าใช้จ่ายประมาณ 6000 บาทเท่านั้น ถือว่าถูกมาก ๆ พอพอ ๆ กับเที่ยวในเมืองไทยเลยทีเดียว



จุดประสงค์ในการมามะละกาครั้งนี้ก็คือ สงสัยมาตั้งแต่ตอนเรียนวิชาสังคมศาสตร์และภูมิศาสตร์สมัยมัธยมปลายและว่า ที่เขาบอกว่าแหลมมลายูนั้นสำคัญนักหนา มีเมืองมะละกาเป็นเมืองท่า มันสำคัญยังไง ทำไมบรรดาพ่อค้าวานิช ต้องเดินทางอ้อมแหลมมลายู ทำไมเราจะต้องขุดคอคอดกระเพื่อที่จะสร้างเส้นทางลัดตัดตรงไม่ต้องอ้อมแหลมอีกต่อไป ไอ้แหลมอะไรเนี่ยนะ ที่มันทำให้สิงคโปร์เติบโตขึ้นเป็นเมืองท่าขนาดใหญ่และกลายเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจหนึ่งเดียวได้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรอ

สมัยเรียน อาจารย์ก็สอนอีกว่า โปรตุเกสมีเมืองท่าที่เป็นเมืองขึ้นมากมาย  หลัก ๆ ในเอเชียมี 3 แห่งคือ มาเก๊า เมืองกัว และมะละกา ในไหนก็เคยไปเที่ยวชุมชนโปรตุเกสในเมืองไทยอย่างบ้านโปรตุเกสที่อยุธยา วัดซางตาครู้ส วัดคอนเซ็ปชัญ วัดกาลหว่าร์ ที่ตลาดน้อยแล้ว ขอไปดูชุมชนโปรตุเกสที่ศูนย์กลางของเขาจริง ๆ สักครั้งดีกว่า การเดินทางในครั้งนี้จึงเรียกว่าเป็นการตามรอยหนังสือสังคมก็ว่าได้ อาจจะไม่มีซีนเนอรี่หรือวิวทิวทัศน์ที่งดงามมากนัก แต่ก็ได้เนื้อหาสาระมาพอสมควร เวลา 3 วันไม่น่าจะพอ ถ้าตั้งใจจากเรียนประวัติศาสตร์จากของจริง

โชคดีที่ประเทศมาเลเซียเขาตระหนักในเรื่องของแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมและพิพิธภัณฑ์ รัฐบาลเขาปรับปรุงซ่อมตึกเก่าขึ้นมาให้กลายเป็น Museum ไปทั้งเมืองเลยทีเดียว ผมลองใช้ tripadvisor สำรวจดูก็พบว่ามีพิพิธภัณฑ์เป็นสิบ ๆ แห่ง ให้เลือกเข้าชม ทั้งของรัฐบาลและของเอกชน ทางเข้าฟรีและเสียตังค์ ประมาณ 30 บาทถึง 100 บาท ด้วยความขี้เหนียวของผม บางแห่งก็ไม่ได้เข้า บางที่ไปก็ปิดหรือเวลาไม่พอ พูดถึงพิพิธภัณฑ์แล้วบางคนอาจจะร้องยี้ขึ้นมาว่า อะไรกัน พาไปดูแต่ของเก่าของโบราณโบราณไม่ทันสมัย ไม่ 4.0 เอาซะเลย

         แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ ผมไปไหนผมก็ชอบดูพิพิธภัณฑ์ของประเทศนั้น ๆ  พิพิธภัณฑ์เป็นเสมือนห้องรับแขกของประเทศ เป็นหน้าตาของชาติ รัฐบาลเขารวบรวมเอาสิ่งที่อยากจะอวด อยากจะโชว์ อยากจะบอกให้ชาวต่างชาติรับรู้ในตัวตนของเขา ว่าเขาเป็นคนดีแบบนี้ เขาเติบโตมาแบบนี้ เขามีประวัติศาสตร์แบบนี้ บ้านเมืองของเขางดงามแค่ไหน แน่นอนว่ามันให้ข้อมูลแค่ด้านเดียวคือด้านที่เป็นเชิงบวก ให้ด้านที่โหดร้ายหรือมุมมืดเขาก็ไม่เอามาบอกแขกบ้านแขกเมืองหรอก  พิพิธภัณฑ์จึงมีแต่ของดีของงามน่าตื่นตาตื่นใจ ส่วน Dark side แล้วก็ต้องไปหาเอาเองตามหน้าหนังสือประวัติศาสตร์ หรือตามตรอกซอกซอย ซึ่งต้องตระเวนคุยตระเวนถามกันเอง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่