อย่างที่ใครๆก็รู้กันว่า
"ความรักเป็นสิ่งสวยงาม"
ความรักคือแรงขับเคลื่อนที่ดีในการใช้ชีวิต
เพราะงั้น คนเราจึงต้องการความรัก
ต่อให้รู้ว่าบางครั้งมันจะทำให้เราเจ็บ
จนแทบอยากไม่มีมันอีกครั้ง
คนหนึ่งคน...
ต้องเจอกับความเจ็บปวด
จนไม่กล้าเปิดใจให้ใคร
เราก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ
ที่ไม่กล้าเปิดใจให้ใครอีกมาเกือบ 2 ปี
จนวันหนึ่ง ที่ได้พบกับผู้ชายคนหนึ่ง
วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์ความรักที่เพิ่งจะจบไปไม่นานนี้ค่ะ
เพื่อให้คนที่กำลังสับสน
และคนที่กำลังอยู่ในวงจรอุบาทของความรัก
เราอยากให้คุณ ได้รับรู้ประสบการณ์ของเรา
เพื่อนำไปคิด ไตร่ตรองในสิ่งที่กำลังเป็นอยู่
บทความนี้อาจช่วยให้คุณตัดสินใจ
ทำในสิ่งที่ดีกับตัวเองขึ้นมาได้ค่ะ
เราคือผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ได้รับความเจ็บปวดจากคนที่เคยรัก
ถึงแม้มันจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ความรู้สึกที่เรามีให้กับเขา มันก็มากเกินไปที่จะรั้งไว้
เราเผลอรักผู้ชายคนนึงไป โดยไม่รู้เลยว่า ที่จริงแล้ว เขาคือคนที่จะมาทำให้ใจเจ็บ
เมื่อก่อน เราเคยทิ้งผู้ชายที่ตรงกับใจมากที่สุดที่เคยพบมา เหตุผลที่ทิ้งเขาเพราะเขาไม่ซื่อสัตย์
ก่อนหน้านั้นไปอีก เราเคยทิ้งผู้ชายอีกคนหนึ่ง ที่เรารู้สึกว่าเขา "ไม่ใช่อีกต่อไป"
ถึงแม้ว่าเขาจะรักเรามากแค่ไหน ให้เราได้มากแค่ไหน แต่เรากลับไม่สนใจเขา
สุดท้ายก็เลิกกันไปอีกคน
เพราะความรักที่มันไม่เคยตรงใจ และความรักที่มันไม่เคยได้ดี
จึงทำให้เราคิดว่า จะไม่เปิดใจให้กับผู้ชายคนไหนอีก
ซึ่งเราคิดแบบนี้มาได้เกือบ 2 ปี
จนวันหนึ่ง
ได้เจอกับผู้ชายคนหนึ่งค่ะ
เขาเป็นผู้ชายที่เราตรงสเปคมาก
ทั้งหน้าตา หุ่น ทุกอย่างที่เป็นเปลือกนอกของเขาคือสิ่งที่เราชอบ
แต่เราก็ไม่ได้มองเพียงเปลือกนอกของเขาอย่างเดียวหรอกนะคะ
พอเราได้คุยกันไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่า มีความสุขมาก
ซึ่งในความสุขนั้น มันมีความแตกต่างทางความคิดของเราสองคน
เราสองคนมีความคิดที่ต่างกันในเกือบทุกๆเรื่องของการใช้ชีวิต
เราคิดว่า "การศึกษา" คือสิ่งที่สำคัญ และ "ประสบการณ์" ก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน
ซึ่งถ้าเราสามารถทำให้ตัวเองเก่งในด้าน "การศึกษา" ได้
โอกาสในด้านหน้าที่การงาน ก็จะตามมา และ "ประสบการณ์" ก็จะค่อยๆเพิ่มขึ้น
เหมือนเอา "การศึกษา" มาปูทางเดินให้กับความสำเร็จ
แต่เขาคิดว่า "การศึกษา" เป็นเพียงความรู้ ที่ไม่จำเป็นต่อชีวิต
เหตุผลที่ยังเรียนอยู่ ก็เพราะ "ค่านิยมของคนในสังคม" ที่ต้องจบปริญญาตรี
การจะได้งาน หรือประสบความสำเร็จ สามารถหาได้จาก "ประสบการณ์"
พูดง่ายๆคือ "การศึกษา" ไม่ได้วัดคุณภาพของความสามารถคนหนึ่งคน
แต่การศึกษาเป็นแค่ค่านิยมของคนในสังคมเท่านั้น
เรารู้ว่า ความคิดของเขามันก็ถูก แต่เขาก็มักจะดูถูกความคิดของเราอยู่เสมอ
ทำให้เรารู้สึกว่า เรากับเขา มีเส้นทางการใช้ชีวิตที่ต่างกัน
ซึ่งนับวัน ความแตกต่างนี้ ก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เราสองคนเริ่มรู้สึกได้ว่า เราต่างกันทั้งเรื่องเล็ก ไปจนเรื่องใหญ่
ทั้งด้านอารมณ์ และความรู้สึก
ผู้หญิงเราจะมีความคิดทางอารมณ์มากกว่าผู้ชาย
ผู้ชายคือเพศที่มีความคิดทางอารมณ์ไม่ถึงครึ่งของผู้หญิง
ซึ่งเขามีความคิดในเชิงตรรกะ และเหตุผลมากกว่าเพศหญิง
ทำให้บางครั้ง การทะเลาะกัน มักเกิดขึ้นเพราะอารมณ์ของผู้หญิง
ซึ่งผู้ชายมองว่า "งี่เง่า"
ผู้ชายบางคน พอเห็นคนรักทุกข์ใจ ก็อาจจะมาปลอบ มาง้อ
แต่สำหรับผู้ชายคนนั้นของเรา
เขาไม่คิดที่จะเดินเข้าหาเรา เพราะมองว่าเราไม่มีเหตุผล
จึงไม่จำเป็นต้องแคร์
เขาบอกเพียงว่า "เธอโตแล้ว คิดเอาเอง"
สุดท้ายคนที่ต้องเจ็บคือเรา
และคนที่ต้องง้อเขา ก็คือเราเช่นกัน
การงี่เง่า ทำให้ผู้ชายเหินห่างเราจริงๆนะคะ
เพราะเขาคิดว่า
"ในเมื่อคุยกันแล้วต้องทะเลาะ
ก็อย่าคุยกันเลยดีกว่า
ขอเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น
ขอเวลาที่ไม่มีเธออยู่"
และเขาขอเวลานั้นกับเราจริงๆค่ะ
ช่วงนั้นเราเสียใจมาก เราสับสนว่าเขาต้องการอะไรกันแน่
เราเริ่มคิดมาก ยิ่งทำให้เรางี่เง่าหนักไปกว่าเดิมอีกค่ะ
จนเราเริ่มห่างกันไปเรื่อยๆ ทีละเล็ก ทีละน้อย
จากที่คุยกันแล้วมีความสุข
กลายเป็นวัน วันหนึ่ง เขาแทบไม่อยากคุยกับเรา
จากที่เขาเคยคิดถึง กลายเป็นไม่คิดถึง
ตอนนั้นเราคิดแต่ว่า จะง้อเขา
จะพยายามเข้าหาเขา
อยากจะคุยกับเขา
เราพยายามวิ่งตามเขา
พยายามวิ่งเท่าที่ตัวเองจะวิ่งไหว
และเราเคยวิ่งตามเขาทันอยู่ครั้งหนึ่ง
แต่เราได้เพียงแค่กระชากเสื้อเขาให้หันมา
เขาหันมาหาได้แค่สักพัก เขาก็หันหลังแล้ววิ่งหนีเราต่อค่ะ
เราทำแบบนี้ วนไปวนมาอยู่เกือบเดือน
จนเพื่อนสนิทเรารับรู้ถึงความเจ็บปวดของเรา
จึงพูดด้วยประโยคที่ทำให้เราคิดได้
เธอพูดกับเราว่า
"แกเป็นคนฉลาด แต่แกแค่แกล้งโง่
เพราะแกยอมรับความจริงไม่ได้
แกรู้ว่าสุดท้าย เขากับแก... ยังไงก็ไปกันไม่รอด"
คำพูดนั้นทำให้เรามานั่งคิดในสิ่งที่ตอนนี้กำลังทำอยู่
เรานั่งถามตัวเองอยู่นานว่า ตอนนี้ต้องการอะไรกันแน่
และสิ่งที่ทำอยู่มันเพื่ออะไรกันแน่
ทำไมความรักจึงต้องทำให้เราเหนื่อยได้ขนาดนี้
ทำไมเราจึงต้องวิ่งตามคนที่วิ่งหนีเราเสมอ
และเราจะทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน
ทุกวัน ทุกคืน ทุกเดือน ทุกปี หรือทั้งชีวิต?
รู้ตัวเองดีว่าทำไม่ได้
รู้ดีว่ายังไงก็ทนต่อไปไม่ไหว
และรู้ดีว่าไปจากเขาไม่ได้เช่นกัน
จะทำยังไงละ??
เมื่อเราคิดหาคำตอบ
เราก็เริ่มหาวิธีที่จะบรรเทาความเจ็บปวด
บรรเทาความเหนื่อยจากการวิ่งตามคนรัก
วิธีนั้นคือ
การอยู่กับตัวเองค่ะ
เริ่มดึงกิจกรรมเก่าๆที่เคยมีตอนไม่มีเขาอยู่
พยายามทำอะไรใหม่ๆ
เช่น ดูการ์ตูน เล่นเกมส์ อ่านหนังสือ อยู่กับเพื่อน
และที่สำคัญคือ การดูแลตัวเองมากขึ้น
พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ทั้งด้านรูปร่าง
หน้าตา ผิวพรรณ และความคิด
เราพยายามทำตัวเองให้มีคุณค่าให้มากที่สุด
พอเริ่มมีเวลาให้กับตัวเอง
ก็เริ่มคิดอะไรได้ หลายๆ อย่าง เราได้รู้ว่า
การที่เรารักใครคนหนึ่ง มันเป็นสิ่งที่ดีค่ะ
การที่เรามอบสิ่งดีๆให้ใครสักคน แม้เขาจะมองข้าม
มันก็ยังคงเป็นสิ่งที่ดีเสมอ
สักวันหนึ่ง เมื่อคนคนนั้นหันกลับมามองอดีต
เขาจะรู้ว่ามีผู้หญิงหนึ่งคนที่ดีกับเขามากแค่ไหน
เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
เราตัดสินใจที่จะหยุดวิ่งตามเขา
แต่เดินตามเขาแทน
ลุกขึ้นมาเดินบ้าง พักบ้าง หยุดบ้าง
เราแทบไม่สนใจเขา พยายามหักห้ามใจไม่ให้โทรหา
ช่วงแรกๆ ใจมันแทบจะขาด อยากโทรหาเขามาก
บางครั้งเขาก็โทรมา แต่น้อยครั้งจริงๆค่ะ
เรารับ และคุยกับเขา พยายามเก็บความสุข
พยายามทำให้เขาเห็นว่า คุยกับเราแล้วเขามีความสุขอย่างที่เคยเป็น
และพยายามคิดแง่บวกเสมอ
เมื่อเราเริ่มมีเวลาให้กับตัวเอง เราจะยิ่งรักตัวเองมากขึ้นค่ะ
และเมื่อเรารักตัวเองมากขึ้น ทำให้เราเริ่มไม่คิดมาก
ไม่งี่เง่าใส่เขาเหมือนแต่ก่อน
ช่วงนั้นเราแทบไม่ทะเลาะกันเลยค่ะ
และเขาก็เริ่มเข้าหาเรามากขึ้นเรื่อยๆ
เราเริ่มคิดว่า ความรักครั้งนี้ มันกำลังดีขึ้น
เรามีความสุขอยู่กับรักครั้งนี้ไปได้สักพัก
ในความสุขนั้น ก็มีอยู่บางครั้ง
ที่เราแอบคิดว่า "สักวันเขาจะห่างเราไปอีกไหม"
เรารู้สึกว่าที่เขายังอยู่กับเราเพราะเราให้ความสุขกับเขา
แต่ถ้าวันใดวันหนึ่ง เราเกิดไม่สามารถให้ความสุขนั้นกับเขาได้อีก
เขาจะยังอยู่กับเราอยู่อีกไหม
และแล้ว เวลานั้นก็มาถึงจริงๆค่ะ
เราเริ่มมีปัญหาในชีวิตเพิ่มขึ้น
ทั้งเรื่องเรียน เรื่องเพื่อน เรื่องครอบครัว
เมื่อเรามีปัญหา เราก็อยากได้ที่ระบาย
เราเลยไประบายกับเขาค่ะ
ซึ่งปัญหาที่เราพบ มันคือปัญหาที่เล็กมากสำหรับเขา
ความแตกต่างของเราสองคน กลายมาเป็นปัญหาอีกหนึ่งปัญหาของเรา
เขาไม่ได้คอยให้กำลังใจเราเลยค่ะ
เมื่อเราเริ่มเครียด เราเริ่มไม่มีอารมณ์จะคุยกับเขา
เราเริ่มสร้างความสุขให้เขาไม่ได้
เขาก็เริ่มเปลี่ยนไปอีกครั้งค่ะ
เขาเริ่มออกห่างเราอีกครั้ง
เริ่มหายไปอีกครั้ง
และเริ่มเจอคนที่ทำให้เขามีความสุขอีกครั้ง
ซึ่งคนนั้น ไม่ใช่เราค่ะ
เรารู้ดีว่าเหตุผลนั้นคือคำว่า "เบื่อ"
เรารู้ดีว่าเขากำลังเบื่อเราจริงๆแล้ว
เราสองคนเคยข้ามผ่านสิ่งๆ หนึ่งมาได้
แต่ไม่ได้แปลว่าจะสามาถข้ามผ่าน สิ่งอีกสิ่งหนึ่งไปได้
ในเมื่อเขาต้องการอยู่กับคนอื่น
เราก็ไม่อยากรั้งความสุขของเขาจริงๆค่ะ
เรารู้ดีว่าครั้งนี้ เขาคงอยากไปจริงๆ
เรามานั่งทบทวนเรื่องราวที่ผ่านๆมาว่า ฉันพลาดอะไรไปตรงไหน และฉันก็ได้รู้ว่า
"เราไม่ได้พลาดอะไรเลย เราแค่เดินมาเจอคนที่ดีไม่พอสำหรับเรา เท่านั้นเอง"
เราคิดว่า การที่เขามีคนอื่น มันไม่ได้แปลว่าเขาผิดค่ะ
เขามีสิทธิ์ที่จะเลือกทางเดินความรักของเขาเอง เราก็เช่นกัน
ในเมื่อคนคนหนึ่งต้องการจะไป เราจะไปห้ามอะไรก็ไม่ได้
เพราะเขาไม่รักเราแล้ว เราบังคับใจใครไม่ได้
เรารู้ว่าเขาไม่คิดจะจริงจัง รู้ว่าเขามองเราแค่ทางผ่าน
รู้ดีว่าเขามาเพื่อต้องการความสุขเท่านั้น
สิ่งเดียวที่ทำได้คือปล่อยเขาไป และเริ่มต้นใหม่กับตัวเอง
เราเหนื่อนมามากกับผู้ชายคนนี้ ผู้ชายคนที่ไม่เคยคิดที่จะอยู่เคียงข้างกัน
ผู้ชายที่เห็นแก่ตัว
ตอนนั้นเราคิดเสมอว่า
"ยังไงเราก็ต้องข้ามผ่านมันไปให้ได้ค่ะ เราจะรักษาตัวเอง
และดูแลตัวเองให้ดี ทำให้ตัวเองดูดี มีคุณค่า
เพื่อไปเจอคนที่ดีกว่าค่ะ"
การวิ่งตามคนรัก มันไม่เคยมีความสุข
"ความรักเป็นสิ่งสวยงาม"
ความรักคือแรงขับเคลื่อนที่ดีในการใช้ชีวิต
เพราะงั้น คนเราจึงต้องการความรัก
ต่อให้รู้ว่าบางครั้งมันจะทำให้เราเจ็บ
จนแทบอยากไม่มีมันอีกครั้ง
คนหนึ่งคน...
ต้องเจอกับความเจ็บปวด
จนไม่กล้าเปิดใจให้ใคร
เราก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ
ที่ไม่กล้าเปิดใจให้ใครอีกมาเกือบ 2 ปี
จนวันหนึ่ง ที่ได้พบกับผู้ชายคนหนึ่ง
วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์ความรักที่เพิ่งจะจบไปไม่นานนี้ค่ะ
เพื่อให้คนที่กำลังสับสน
และคนที่กำลังอยู่ในวงจรอุบาทของความรัก
เราอยากให้คุณ ได้รับรู้ประสบการณ์ของเรา
เพื่อนำไปคิด ไตร่ตรองในสิ่งที่กำลังเป็นอยู่
บทความนี้อาจช่วยให้คุณตัดสินใจ
ทำในสิ่งที่ดีกับตัวเองขึ้นมาได้ค่ะ
เราคือผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ได้รับความเจ็บปวดจากคนที่เคยรัก
ถึงแม้มันจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ความรู้สึกที่เรามีให้กับเขา มันก็มากเกินไปที่จะรั้งไว้
เราเผลอรักผู้ชายคนนึงไป โดยไม่รู้เลยว่า ที่จริงแล้ว เขาคือคนที่จะมาทำให้ใจเจ็บ
เมื่อก่อน เราเคยทิ้งผู้ชายที่ตรงกับใจมากที่สุดที่เคยพบมา เหตุผลที่ทิ้งเขาเพราะเขาไม่ซื่อสัตย์
ก่อนหน้านั้นไปอีก เราเคยทิ้งผู้ชายอีกคนหนึ่ง ที่เรารู้สึกว่าเขา "ไม่ใช่อีกต่อไป"
ถึงแม้ว่าเขาจะรักเรามากแค่ไหน ให้เราได้มากแค่ไหน แต่เรากลับไม่สนใจเขา
สุดท้ายก็เลิกกันไปอีกคน
เพราะความรักที่มันไม่เคยตรงใจ และความรักที่มันไม่เคยได้ดี
จึงทำให้เราคิดว่า จะไม่เปิดใจให้กับผู้ชายคนไหนอีก
ซึ่งเราคิดแบบนี้มาได้เกือบ 2 ปี
จนวันหนึ่ง
ได้เจอกับผู้ชายคนหนึ่งค่ะ
เขาเป็นผู้ชายที่เราตรงสเปคมาก
ทั้งหน้าตา หุ่น ทุกอย่างที่เป็นเปลือกนอกของเขาคือสิ่งที่เราชอบ
แต่เราก็ไม่ได้มองเพียงเปลือกนอกของเขาอย่างเดียวหรอกนะคะ
พอเราได้คุยกันไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่า มีความสุขมาก
ซึ่งในความสุขนั้น มันมีความแตกต่างทางความคิดของเราสองคน
เราสองคนมีความคิดที่ต่างกันในเกือบทุกๆเรื่องของการใช้ชีวิต
เราคิดว่า "การศึกษา" คือสิ่งที่สำคัญ และ "ประสบการณ์" ก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน
ซึ่งถ้าเราสามารถทำให้ตัวเองเก่งในด้าน "การศึกษา" ได้
โอกาสในด้านหน้าที่การงาน ก็จะตามมา และ "ประสบการณ์" ก็จะค่อยๆเพิ่มขึ้น
เหมือนเอา "การศึกษา" มาปูทางเดินให้กับความสำเร็จ
แต่เขาคิดว่า "การศึกษา" เป็นเพียงความรู้ ที่ไม่จำเป็นต่อชีวิต
เหตุผลที่ยังเรียนอยู่ ก็เพราะ "ค่านิยมของคนในสังคม" ที่ต้องจบปริญญาตรี
การจะได้งาน หรือประสบความสำเร็จ สามารถหาได้จาก "ประสบการณ์"
พูดง่ายๆคือ "การศึกษา" ไม่ได้วัดคุณภาพของความสามารถคนหนึ่งคน
แต่การศึกษาเป็นแค่ค่านิยมของคนในสังคมเท่านั้น
เรารู้ว่า ความคิดของเขามันก็ถูก แต่เขาก็มักจะดูถูกความคิดของเราอยู่เสมอ
ทำให้เรารู้สึกว่า เรากับเขา มีเส้นทางการใช้ชีวิตที่ต่างกัน
ซึ่งนับวัน ความแตกต่างนี้ ก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เราสองคนเริ่มรู้สึกได้ว่า เราต่างกันทั้งเรื่องเล็ก ไปจนเรื่องใหญ่
ทั้งด้านอารมณ์ และความรู้สึก
ผู้ชายคือเพศที่มีความคิดทางอารมณ์ไม่ถึงครึ่งของผู้หญิง
ซึ่งเขามีความคิดในเชิงตรรกะ และเหตุผลมากกว่าเพศหญิง
ทำให้บางครั้ง การทะเลาะกัน มักเกิดขึ้นเพราะอารมณ์ของผู้หญิง
ซึ่งผู้ชายมองว่า "งี่เง่า"
ผู้ชายบางคน พอเห็นคนรักทุกข์ใจ ก็อาจจะมาปลอบ มาง้อ
แต่สำหรับผู้ชายคนนั้นของเรา
เขาไม่คิดที่จะเดินเข้าหาเรา เพราะมองว่าเราไม่มีเหตุผล
จึงไม่จำเป็นต้องแคร์
เขาบอกเพียงว่า "เธอโตแล้ว คิดเอาเอง"
และคนที่ต้องง้อเขา ก็คือเราเช่นกัน
เพราะเขาคิดว่า
"ในเมื่อคุยกันแล้วต้องทะเลาะ
ก็อย่าคุยกันเลยดีกว่า
ขอเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น
ขอเวลาที่ไม่มีเธออยู่"
และเขาขอเวลานั้นกับเราจริงๆค่ะ
ช่วงนั้นเราเสียใจมาก เราสับสนว่าเขาต้องการอะไรกันแน่
เราเริ่มคิดมาก ยิ่งทำให้เรางี่เง่าหนักไปกว่าเดิมอีกค่ะ
จนเราเริ่มห่างกันไปเรื่อยๆ ทีละเล็ก ทีละน้อย
จากที่คุยกันแล้วมีความสุข
กลายเป็นวัน วันหนึ่ง เขาแทบไม่อยากคุยกับเรา
จากที่เขาเคยคิดถึง กลายเป็นไม่คิดถึง
ตอนนั้นเราคิดแต่ว่า จะง้อเขา
จะพยายามเข้าหาเขา
อยากจะคุยกับเขา
เราพยายามวิ่งตามเขา
พยายามวิ่งเท่าที่ตัวเองจะวิ่งไหว
และเราเคยวิ่งตามเขาทันอยู่ครั้งหนึ่ง
แต่เราได้เพียงแค่กระชากเสื้อเขาให้หันมา
เขาหันมาหาได้แค่สักพัก เขาก็หันหลังแล้ววิ่งหนีเราต่อค่ะ
เราทำแบบนี้ วนไปวนมาอยู่เกือบเดือน
จนเพื่อนสนิทเรารับรู้ถึงความเจ็บปวดของเรา
จึงพูดด้วยประโยคที่ทำให้เราคิดได้
เธอพูดกับเราว่า
"แกเป็นคนฉลาด แต่แกแค่แกล้งโง่
เพราะแกยอมรับความจริงไม่ได้
แกรู้ว่าสุดท้าย เขากับแก... ยังไงก็ไปกันไม่รอด"
คำพูดนั้นทำให้เรามานั่งคิดในสิ่งที่ตอนนี้กำลังทำอยู่
เรานั่งถามตัวเองอยู่นานว่า ตอนนี้ต้องการอะไรกันแน่
และสิ่งที่ทำอยู่มันเพื่ออะไรกันแน่
ทำไมความรักจึงต้องทำให้เราเหนื่อยได้ขนาดนี้
ทำไมเราจึงต้องวิ่งตามคนที่วิ่งหนีเราเสมอ
และเราจะทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน
ทุกวัน ทุกคืน ทุกเดือน ทุกปี หรือทั้งชีวิต?
รู้ตัวเองดีว่าทำไม่ได้
รู้ดีว่ายังไงก็ทนต่อไปไม่ไหว
และรู้ดีว่าไปจากเขาไม่ได้เช่นกัน
จะทำยังไงละ??
เมื่อเราคิดหาคำตอบ
เราก็เริ่มหาวิธีที่จะบรรเทาความเจ็บปวด
บรรเทาความเหนื่อยจากการวิ่งตามคนรัก
วิธีนั้นคือ การอยู่กับตัวเองค่ะ
เริ่มดึงกิจกรรมเก่าๆที่เคยมีตอนไม่มีเขาอยู่
พยายามทำอะไรใหม่ๆ
เช่น ดูการ์ตูน เล่นเกมส์ อ่านหนังสือ อยู่กับเพื่อน
และที่สำคัญคือ การดูแลตัวเองมากขึ้น
พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ทั้งด้านรูปร่าง
หน้าตา ผิวพรรณ และความคิด
เราพยายามทำตัวเองให้มีคุณค่าให้มากที่สุด
พอเริ่มมีเวลาให้กับตัวเอง
ก็เริ่มคิดอะไรได้ หลายๆ อย่าง เราได้รู้ว่า
การที่เรารักใครคนหนึ่ง มันเป็นสิ่งที่ดีค่ะ
การที่เรามอบสิ่งดีๆให้ใครสักคน แม้เขาจะมองข้าม
มันก็ยังคงเป็นสิ่งที่ดีเสมอ
สักวันหนึ่ง เมื่อคนคนนั้นหันกลับมามองอดีต
เขาจะรู้ว่ามีผู้หญิงหนึ่งคนที่ดีกับเขามากแค่ไหน
เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
เราตัดสินใจที่จะหยุดวิ่งตามเขา
แต่เดินตามเขาแทน
ลุกขึ้นมาเดินบ้าง พักบ้าง หยุดบ้าง
เราแทบไม่สนใจเขา พยายามหักห้ามใจไม่ให้โทรหา
ช่วงแรกๆ ใจมันแทบจะขาด อยากโทรหาเขามาก
บางครั้งเขาก็โทรมา แต่น้อยครั้งจริงๆค่ะ
เรารับ และคุยกับเขา พยายามเก็บความสุข
พยายามทำให้เขาเห็นว่า คุยกับเราแล้วเขามีความสุขอย่างที่เคยเป็น
และพยายามคิดแง่บวกเสมอ
เมื่อเราเริ่มมีเวลาให้กับตัวเอง เราจะยิ่งรักตัวเองมากขึ้นค่ะ
และเมื่อเรารักตัวเองมากขึ้น ทำให้เราเริ่มไม่คิดมาก
ไม่งี่เง่าใส่เขาเหมือนแต่ก่อน
ช่วงนั้นเราแทบไม่ทะเลาะกันเลยค่ะ
และเขาก็เริ่มเข้าหาเรามากขึ้นเรื่อยๆ
เราเริ่มคิดว่า ความรักครั้งนี้ มันกำลังดีขึ้น
เรามีความสุขอยู่กับรักครั้งนี้ไปได้สักพัก
ในความสุขนั้น ก็มีอยู่บางครั้ง
ที่เราแอบคิดว่า "สักวันเขาจะห่างเราไปอีกไหม"
เรารู้สึกว่าที่เขายังอยู่กับเราเพราะเราให้ความสุขกับเขา
แต่ถ้าวันใดวันหนึ่ง เราเกิดไม่สามารถให้ความสุขนั้นกับเขาได้อีก
เขาจะยังอยู่กับเราอยู่อีกไหม
และแล้ว เวลานั้นก็มาถึงจริงๆค่ะ
เราเริ่มมีปัญหาในชีวิตเพิ่มขึ้น
ทั้งเรื่องเรียน เรื่องเพื่อน เรื่องครอบครัว
เมื่อเรามีปัญหา เราก็อยากได้ที่ระบาย
เราเลยไประบายกับเขาค่ะ
ซึ่งปัญหาที่เราพบ มันคือปัญหาที่เล็กมากสำหรับเขา
ความแตกต่างของเราสองคน กลายมาเป็นปัญหาอีกหนึ่งปัญหาของเรา
เขาไม่ได้คอยให้กำลังใจเราเลยค่ะ
เมื่อเราเริ่มเครียด เราเริ่มไม่มีอารมณ์จะคุยกับเขา
เราเริ่มสร้างความสุขให้เขาไม่ได้
เขาก็เริ่มเปลี่ยนไปอีกครั้งค่ะ
เขาเริ่มออกห่างเราอีกครั้ง
เริ่มหายไปอีกครั้ง
และเริ่มเจอคนที่ทำให้เขามีความสุขอีกครั้ง
ซึ่งคนนั้น ไม่ใช่เราค่ะ
เรารู้ดีว่าเหตุผลนั้นคือคำว่า "เบื่อ"
เรารู้ดีว่าเขากำลังเบื่อเราจริงๆแล้ว
เราสองคนเคยข้ามผ่านสิ่งๆ หนึ่งมาได้
แต่ไม่ได้แปลว่าจะสามาถข้ามผ่าน สิ่งอีกสิ่งหนึ่งไปได้
ในเมื่อเขาต้องการอยู่กับคนอื่น
เราก็ไม่อยากรั้งความสุขของเขาจริงๆค่ะ
เรารู้ดีว่าครั้งนี้ เขาคงอยากไปจริงๆ
เรามานั่งทบทวนเรื่องราวที่ผ่านๆมาว่า ฉันพลาดอะไรไปตรงไหน และฉันก็ได้รู้ว่า
เขามีสิทธิ์ที่จะเลือกทางเดินความรักของเขาเอง เราก็เช่นกัน
ในเมื่อคนคนหนึ่งต้องการจะไป เราจะไปห้ามอะไรก็ไม่ได้
เพราะเขาไม่รักเราแล้ว เราบังคับใจใครไม่ได้
เรารู้ว่าเขาไม่คิดจะจริงจัง รู้ว่าเขามองเราแค่ทางผ่าน
รู้ดีว่าเขามาเพื่อต้องการความสุขเท่านั้น
สิ่งเดียวที่ทำได้คือปล่อยเขาไป และเริ่มต้นใหม่กับตัวเอง
เราเหนื่อนมามากกับผู้ชายคนนี้ ผู้ชายคนที่ไม่เคยคิดที่จะอยู่เคียงข้างกัน
ผู้ชายที่เห็นแก่ตัว
ตอนนั้นเราคิดเสมอว่า
"ยังไงเราก็ต้องข้ามผ่านมันไปให้ได้ค่ะ เราจะรักษาตัวเอง
และดูแลตัวเองให้ดี ทำให้ตัวเองดูดี มีคุณค่า
เพื่อไปเจอคนที่ดีกว่าค่ะ"