[CR][SR] ความสุขฉบับประหยัด

กระทู้รีวิว
หันไปทางไหน ก็มักจะเจอแต่คนบ่นว่า ของแพง รอยจ่ายชักหน้าไม่ถึงหลัง เป็นหนี้ที่นั่น เป็นหนี้ที่นี่ หรือแม้แต่คำว่า ไม่มีความสุขเลย กระทู้นี้ไม่มีรีวิวขายฝัน ไม่มีอาชีพที่อยู่เฉยๆแล้วมีเงินเข้าบัญชีมาแนะนำค่ะ เรามีแต่วิธีที่เราทดลองทำกับตัวเอง ลงมือปฏิบัติจริงแล้วเห็นผล หลายๆคนมักจะถามเราว่า ทำไมดูมีความสุขจัง เรามีวิธีสรรหาความสุข แบบสบายกระเป๋ามาเล่าให้ฟังค่ะ
1)ความสุขแรก เราเป็นคนชอบเดินตลาด เพราะฉะนั้น เราจะต้องศึกษาเวลาในการเดินตลาดค่ะ ว่าช่วงไหนของถูก ช่วงไหนของแพง
เราจะเดินตลาดช่วงสายๆ รอยต่อเวลาของกะรอบเช้า กับรอบบ่าย ตลาดแถวบ้านเราจะมีรอยต่อช่วง11โมง ถ้าไปได้เวลานี้ คือของถูกมาก เพราะพ่อค้า แม่ค้ามักจะลดกระหน่ำ ด้วยความที่ไม่อยากขนกลับ
-จดรายการ ว่าสัปดาห์นี้ จะทำเมนูใดบ้าง และจะซื้ออะไรเท่าไหร่
-เมนูอาหารต้องยืดหยุ่นได้ ระหว่างเดิน เจออะไรถูก ซื้ออันนั้นค่ะ หมายถึงผัก ผลไม้นะคะ
-เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ซื้อมาถึงบ้าน จัดการแพค แบ่งเป็นชุดๆให้เหมาะกับมื้ออาหารแล้วนำเข้าฟรีสทันที
-ไก่ ที่ตลาดราคาสูงกว่าบนห้าง เราจะมาซื้อไก่บนห้างค่ะ
บวบในภาพได้มาในราคา10บาท ส่วนกุ้ง ทุกครั้งที่ซื้อจะเดินดูทั่วๆก่อน บางทีร้านข้างใน สดและราคาถูกกว่าร้านข้างนอกค่ะ




หอย3โล 100ค่ะ


ทำกับข้าวทานเอง ประหยัดไปได้เยอะค่ะ บ้านเราอยู่หลายคน ได้รสชาติที่ถูกใจ ควบคุมวัตถุดิบและความสะอาดได้ด้วย




2)ซื้อของตามโปร บ้านเราจะมีร้านซุปเปอร์มาเก็ตอยู่ไม่ไกล คิดคำนวณไปมา ประหยัดกว่าต้องไปหอบหิ้วของมาจากข้างนอก ค่อยๆทยอยซื้อ ทยอยใช้ เผื่อมีโปรดีมา ก็ออกไปซื้อเพิ่ม
ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสะสมแต้ม แล้วได้รับคูปองไปใช้เป็นส่วนลด แต่พักหลังๆมาโปรแบบซื้อครบ50บาท จะได้ส่วนลดท้ายบิล30บาท สำหรับส่วนลดในการซื้อของครั้งถัดไป ในราคาไม่ต่ำกว่า150บาท
เราจะชอบมาก ไปยืนคำนวณว่าเราควรจะซื้ออะไรเท่าไหร่ แล้วทำการซอยบิลค่ะ ด้วยการคำนวณว่า ของชิ้นไหนควรจ่ายด้วยกันให้ได้ราคาใกล้เคียง150บาทที่สุด แล้วใช้ส่วนลดท้ายบิล มาจ่ายส่วนลดของสินค้าที่เราจะซื้อ ทำแบบนี้ก็จะใช้ส่วนลดได้มากกว่า การจ่ายทีเดียวทั้งหมด แล้วได้ส่วนลดเพียง30บาทค่ะ
และที่ซุปเปอร์มาร์เกตจะมีของลดราคา ที่ลดราคาลง50% ติดป้ายเหลืองช่วงราวๆ4โมงเย็น เราชอบไปซื้อนม บางครั้งของไม่หมด ราวๆ3ทุ่ม ลดเพิ่มอีก25% นมสดตกขวดละ3บาทนิดๆเอง ถูกมาก
3)หากิจกรรมที่ตัวเองชอบ เวลาทำจะรู้สึกสนุกมีความสุข และผ่อนคลายค่ะ
เราชอบทำขนม ก็ทำแจกบ้าง ทานเองบ้าง








หัดทำไปเรื่อยๆ จนความชอบ กลายเป็นสิ่งที่รัก และสร้างรายได้ให้กับเรา ทำขายบ้าง สอนบ้าง เป็นของขวัญ ของฝากบ้าง ช่วยประหยัดค่าของขวัญไปได้หลายปีแล้วค่ะ ทำขนมไปให้ ดูเป็นของขวัญที่ต้องใส่ใจ และสละเวลา


4)ลงมือทำสิ่งใหม่ๆ เผื่อเป็นอาชีพในอนาคต ไม่มีใครรู้อนาคต แต่เราเริ่มสร้างได้ มีโอกาสืำอะไร ทำเลยค่ะ อย่ารอช้า การที่ได้ลงมือืำอะไรที่หลากหลาย ผิดแผกแตกต่างไปจากเดิม คุณจะพบว่า จริงๆแล้ว ตัวคุณชอบหรือไม่ชอบอะไร เราเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความสุข ความสบายใจมาก
สำหรับเรา เราเลือกทดลองปลูกผักค่ะ หาข้อมูลไป ปลูกไป มีความสุขมากทีเดียว







5)ไปเที่ยว เราเที่ยวบ่อย แต่ไม่ฟุ่มเฟือยค่ะ เพราะรู้ว่าจะต้องไปที่ไหน กินอยู่อย่างไร ทำการบ้านไปดีๆ ชวนเพื่อนๆไปเที่ยวด้วยกัน หลายๆคนประหยัดกว่าเดิม และสนุกกว่าเดิมด้วยค่ะ
ที่พักเลือกไม่แพง ขอแค่สะอาดและปลอดภัย เพราะไม่ใช่คนที่จะอยู่แต่ในที่พัก เป็นสายลุย มาถึงที่แล้ว ต้องไปให้ทั่ว ครบหรือไม่ ไม่ใช่ปัญหา แต่ต้องออกไปนอกที่พัก ไปหาคนท้องถิ่นพูดคุย สอบถามข้อมูล เราเป็นประเภทมนุษยสัมพันธ์ดี สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งฟรีค่าเข้าชม อีกหลายแห่งไม่ฟรี แต่ถ้าน่าสนใจ เพื่อประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตเรายอมจ่ายค่ะ เราเคยเจอเพื่อนเราบางคน ไปถึงที่ ตอนอยู่ยุโรป ไม่ยอมเสียเงินเข้าพิพิธภัณฑ์ ด้วยเหตุผลคือแพง แต่เราคิดกลับกันว่า อุตส่าห์ข้ามน้ำ ข้ามทะเลมา เพื่อมายืนอยู่ข้างหน้า ไม่เอาดีกว่า ขอเข้าไปเห็นด้วยตาสักครั้ง




อ้าว ประหยัดแล้วเที่ยวจะมีความสุขได้ไง ได้สิคะ ถ้าเราจัดการเป็น หลายร้าน หลายที่พักมีโปรโมชั่นดีๆ ไปแบบรู้ตัว ไม่ช้อปกระจาย ซื้อเท่าที่จำเป็น หลาคนยึดสโลแกนที่ว่า ซื้อไว้ มีดีกว่าไม่มี ใช้ไม่ใช้ไม่เป็นไร สำหรับเรา ถ้าไปเที่ยว เรื่องช้อปไมได้อยู่ในหัวเลย เราชอบสะสมเหรียญที่ระลึก ตามสถานที่ต่างๆ กับภาพถ่าย เขียนโปสการ์ดส่งกลับบ้านบางทีและแม็กเนตติดตู้เย็น ราคาเบา ไม่เดือดร้อนกระเป๋าสตางค์ค่ะ


เมื่อต้นปีเรามีโอกาสไปยุโรป เนื่องด้วยงาน จึงถือโอกาสแวะเที่ยวด้วย เนื่องด้วยเคยไปอยู่ที่นั่นมา1ปี จึงรู้วิธีการใช้ชีวิตแบบSlow life ของชาวดัซต์ ที่ไปไหนมาไหนก็มักจะปั่นจักรยาน ไกลเป็น10โล เค้าก็ปั่นกันค่ะ เราก็ปั่นด้วย เป็นการออกกำลังที่ดีทีเดียว



เห็นเสื้อม่วงๆของเราไหม มันอุ่นมาก เราซื้อมาเมื่อหลายปีก่อน ในราคา5ยูโร วันนั้นเป็นวันKing's day ชาวดัซต์จะสวมเสื้อ หรือแต่งกายด้วยสีส้ม แล้วออกมาเฉลิมฉลองกัน ใครมีของอะไรในบ้าน อยากจะนำออกมาขาย ก็สามารถขายได้เลย อนุญาตแค่วันนี้วันเดียวค่ะ
เราเอาเสื้อกลับมาไทยด้วย หลังจากที่เราย้านกลับในครั้งก่อน เก็บไว้อย่างดี ไปรอบนี้ เราเลยไม่ต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่
6)ตลามือสอง เราเสพติดตลาดมือสองมาก ระยะเวลา1ปีที่นั่น เราไปตลาดมานับครั้งไม่ถ้วน เลือกซื้อจาน ชาม เครื่องเงิน แบกกลับไทยมาแบบแทบไม่เอาเสื้อผ้ากลับมาเลย เราใช้เสื้อผ้าจนคุ้มแล้ว เพราะได้มาตจากตลาดมือสองนี่ล่ะ
เครื่องเงิน จานชามที่เราซื้อมา ขายกันตามตลาดนัดออนไลน์ราคาสูงมากเลยทีเดียว รู้สึกดีใจ ที่เราได้ของสะสมมาในราคาไม่แพงค่ะ
พอกลับมาไทย ร้านขายของญี่ปุ่นมือ2 เริ่มเปิดอยู่ทั่วไป สวรรค์ของเราก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง มีโกดังขนาดใหญ่มาเปิดใกล้บ้านเรา และทุกๆเดือน ช่วงสัปดาห์สุดท้าย ร้านก็จะลดราคาถึง50% เราไปซื้อเสื้อผ้าที่นั่นค่ะ เนื่องจากตัวเราเล็ก คู่แข่งของเรามีน้อย เราจึงมักได้เสื้อผ้าคุณภาพดี คัตติ้งเนี้ยบๆ มาครอบครองเสมอ เสื้อผ้าใหม่ๆราคาหลายร้อยก็สู้ไม่ได้ และหลายตัวเป็นตัวโชว์ ยังมีป้ายห้อยอยู่เลย เราลองมาคำนวณ เสื้อผ้าเราชิ้นนึง ตก30บาทถ้วนค่ะ
แล้วก็จับมามิกซ์&แมทซ์ให้เข้ากับกาลเทศะ  ไปไหนก็มักจะได้ยินคนทัก คนชมว่า สวยยยเสื้อผ้าไม่เหมือนใคร ดูเนี้ยบจังเลย
7)วิตามิน คอลาเจน อาหารเสริม เราไม่ทานค่ะ เหตุผลเดียวคือเปลือง
เราทานอาหารดี ครบ5หมู่ หลากหลาย พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าเครียด พยายามมองโลกในแง่บวกไว้ ออกกำลังกายที่บ้าน โยคะบ้าง ปั่นจักรยานบ้าง เต้นบ้าง ฟิตเนสไม่เคยได้เงินเรา ทานผักผลไม้ ที่สำคัญเราแทบไม่เป็นหวัดเลย




ถ้าจะออกไปข้างนอกก็เตรียมผลไม้ใส่กล่องไปทาน ประหยัด อยู่ท้อง สุขภาพดีด้วยนะคะ




8)ด้วยความโชคดีของตัวเอง ที่เริ่มทาครีมมาตั้งแต่อายุ12 และใช้ครีมกันแดด ปัจจุบันอายุ33 ยังไม่เคยเสียเงินเข้าคลีนิค เพื่อรักษาผิวหน้า หรือเลเซอร์แต่อย่างใด ช่วยประหยัดเงินไปได้มากจริงๆค่ะ เห็นน้องๆไปทำ เรานี่รู้สึกยากจนเลย
9)ไม่ซื้อของแบรนด์ ที่ตัวเองปีนไม่ถึง เพราะคิดว่าไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง ทุกวันนี้ จะมีความสุขมาก ถ้าไปได้อะไรมาในราคาที่ถูกกว่าชาวบ้านเขา กระเป๋า รองเท้า มีน้อยมาก ถ้าเทียบกับคนอื่น แต่มีพอเพียงที่จะใช้งานค่ะ รู้ว่าอันไหนคสรถูก อันไหนควรยอมจ่าย ที่เรายอมจ่ายคือชุดชั้นใน เพราะมีผลกับสรีระ ความสะดวกสบาย และบุคลิกภาพจริงๆ
รองเท้าสีเบสิค สำหรับออกงาน หนังแท้ แบรนด์ไทย และชุดออกงานที่ดีไซน์เอง และตัดด้วยคุณป้าที่เป็นช่างแถวบ้าน ราคาหลักร้อยค่ะ แต่ใส่แล้วเป๊ะ หลังจากงานจบ ก็นำเสื้อผ้าไปดัดแปลง ใส่ในโอกาสอื่นๆ ไม่เก็บให้เก่า เสียดายเงิน
10)ของส่วนตัว ที่ไม่ใช้แล้ว บริจาคค่ะ เพราะเก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์ รกบ้าน เสียเวลาในการทำความสะอาดซับซ้อน ให้คนอื่นไปใช้ ได้มีโอกาสแบ่งปัน เราไปกล่อมคุณแม่ด้วยอุบายว่า บ้นที่สัมภาระเยอะๆ เจ้าของบ้านจะต้องรับภาระหนัก ได้ผลค่ะ ตอนนี้บ้านโล่งไปเยอะเลย
10)เครื่องสำอางค์ เราชอบแต่งหน้า แต่ด้วยความที่หน้าเรา ผิวเราไม่มีปัญหา เราใช้สกินแคร์ราคาปานกลาง และเครื่องสำอางค์ราคาเบาๆค่ะ ซื้อแค่จำเป็น ไม่หมด เราไม่ซื้อเพิ่ม ลิปสติกใช้จนหมดทุกแท่ง ถ้าซื้อมาแล้วสีลิปไม่ถูกใจ เราจะไปผสมกับสีอื่น เสียดาย
11)ใช้สมุนไพรในครัวดูแลผิวหน้า ผิวกาย ใช้โยเกิร์ตพอกหน้า น้ำมะเขือเทศมาส์กบ้าง มะขามเปียก เวลาเหลือจากที่เราคั้นทำแกงส้ม ปั่นถั่วเขียว ทำเป็นผงขัดผิว อาบน้ำสะอาดมากค่ะ ขัดส่วนไหน เนียนส่วนนั้น กากกาแฟไปขอจากร้านแถวบ้าน เวลาที่เราไปอุดหนุนร้านเค้า เอามาอบไล่ความชื้นแล้วแพคใส่ถุงใส่ช่องฟรีสทิ้งไว้ ใช้ได้นาน แถมขัดตัวได้ผลดีมากๆเลย เปลือกกล้วยหอมก็มีประโยชน์ ถูตามศอก หัวเข่า ตาตุ่ม ผิวนุ่มชุ่มชื่นค่
12)นำเฟอร์นิเจอร์เก่าๆในบ้าน มาDIY ลงทุนน้อย และรู้สึกเหมือนได้ของใหม่ในบ้าน เรานำตู้หัวเตียงมาขัดด้วยกระดาษทราย แล้วทาสีขาวทับ ตกแต่งห้องเป็นสไตล์วินเทจ
มีช่วงนึงที่ว่าง ทาสีบ้านเอง มีน้องชายช่วยในบริเวณที่เรายืนไม่ถึง เปลี่ยนฝ้า เหนื่อยแต่สนุกค่ะ บ้านสวยขึ้น คนอยู่ก็มีความสุข แถมประหยัดด้วย
นี่คือวิธีประหยัดแบบมีความสุขในฉบับของเราค่ะ ไม่ต้องใช้เงินมากมาย ก็มีความสุขได้ ใครมีวิธีประหยัดแบบไหน มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ^^
ชื่อสินค้า:   รวบรวมวิธีประหยัดแบบมีความสุข
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่