สวัสดีครับ นี่เป็นรีวิวครั้งแรกที่ผมและเพื่อนๆได้ทำกัน เนื่องจากพวกเราได้มีโอกาสเรียนวิชา GEN441 Culture and Excursion ซึ่งพวกเราจะมานำเสนอ Backpack trip ในแบบฉบับของพวกเรากันครับ ภายใต้คอปเซป“Low Price High Experience” โดยเป้าหมายของพวกเรานั่นก็คือ กาญจนบุรี นั่นเองงงง^^ ซึ่งในแผนของเราจะใช้เวลาทั้งหมด 3วัน 2 คืน การเดินทางครั้งนี้พวกเราได้เลือกสถานที่ท่องเที่ยวที่พวกเราชื่นชอบและคิดว่ามากาญทั้งทีจะพลาดไม่ได้ จึงอยากให้เพื่อนๆที่เข้ามาอ่านรีวิวลองมาดูและเพลิดเพลินกับรีวิวนี้นะค้าบบบบบบบ ถ้าเกิดข้อมูลที่มานำเสนอผิดพลาดประการใดก็ขอโทษด้วยนะครับ
ปล. ภาพถ่ายทั้งหมดมาจากกล้องมือถือนะครับ ถ้ารูปไม่สวยอย่าโทดกล้องนะครับ ให้โทษคนถ่ายTT
DAY1 เวลา 9.30 น พวกเรามารอคิวรถตู้ที่จะไปกาญจนบุรีตรงที่ปั๊มน้ำมัน ปตท พระราม2 โดยพวกเราถึงสถานีขนส่งของกาญ เวลาประมาณ 11.30 น ซึ่งค่าเดินทางตกคนละประมาณ 130 บาท
หน้าตาดูคึกคักนะพ่อหนุ่ม
หลังจากนั้นพวกเราก็นั่งรถ 2 แถว ตรงไปสู่ที่พักทันที
อยู่บนรถพร้อมไปที่พักแล้วววววว
ประมาณ 12.00 น พวกเราก็ถึงที่พักโดยใช้เวลาเดินทางจากสถานีขนส่งประมาณ 10 -15 นาที ซึ้งใช้เวลาไม่นานแต่แดดก็แอบร้อนอยู่หน่อยๆๆ 5555555555555
ที่พวกของพวกเราชื่อ วอร์มเวล โฮสเทล เป็นที่พักที่สบาย น่ารัก และพี่ที่ดูแลก็ใจดีมากๆเบยย ที่พักจะเป็นจุดที่ใกล้กับสะพานแม่น้ำแคว ซึ่งเป็นที่เราเก็บไว้มาเที่ยวตอนเย็น เพราะเค้าบอกว่าตอนพระอาทิตย์ตกนั้นสวยมากกกกๆๆๆๆ

บริเวณที่พัก

ห้องพักดูสบายยย อยากงีบสักพักจุง55555555

แผนที่รอบๆที่พัก
หลังจากเข้ามาที่ห้องพักเรียบร้อย พวกเราก็ลองทบทวนกันการเดินทางอีกครั้ง เพราะเนื่องจากสถานที่ที่เราอยากจะไปเที่ยวค่อนข้างจะอยู่ไกลและคนละทิศละทาง จึงอาจจะทำให้การเดินทางต้องกินเวลานานและอาจจะเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพิ่มขึ้น ถ้าหากเราอยากจะเก็บที่ท่องเที่ยวให้หมด
พวกเราจึงตัดสินใจเช่ารถยนต์ในเวลา 2 วัน วันละ 1000 บาท ซึ่งเมื่อหารกัน 4 คนแล้ว ราคาก็ถือว่าโอเคสำหรับพวกเรา แถมได้ไปเที่ยวที่ยิบย่อยที่รถประจำทางไปไม่ได้อีกด้วย

นี่คือหน้าตาโชเฟอร์ของเรา เข้มจริงๆ 5555555
13.00 น พวกเราก็มากินอาหารกันที่ร้านกานต์บุรี ซึ่งเป็นร้านแนะนำที่ใกล้กับที่พักของเรา ไปลองกันดูดีกว่า หิวจนตาลายแล้วTT
พวกเราสั่ง แกงป่าเนื้อ , ปลาทอดน้ำปลา และ ปลาหมึกผัดไข่เค็ม ซึ่งรสชาติขอบอกว่าอร่อยถูกปากพวกเราเป็นอย่างมาก และ ราคานั้นไม่แพงอย่างที่คิดไว้ตอนแรก ซึ่งมื้อนี้ก็ทำให้พวกเราอิ่มและพร้อมออกเดินทางต่อแล้วว.....

อาหารน่ากินมากกๆๆๆ
13.30 น พวกเราออกเดินทางไปวัดถ้ำเสือซึ่งใช้เวลาเดินทางจากร้านอาหารถึงที่วัดเวลา 14.15 น วัดถ้ำเสือ นั้นตั้งอยู่ที่ อ.ท่าม่วง เป็นวัดที่นักท่องเที่ยวมาที่นี่เพื่อมากราบไหว้พระธาตุ วัดแห่งนี้มีความใหญ่โตกว้างขวางมากและแถมรอบข้างก็ล้อมรอบไปด้วยทุ่งนา ซึ่งให้ความรู้สึกสดชื่นมากๆเลย ขอบอกกก

เข้ามาในวัดแล้ววครัชช

องค์พระเจดีย์เป็นสีอิฐสวยงามมากๆเลยครับ

นี่คือพระพุทธรูปปางประทานพรที่ใหญ่ที่สุดในกาญจนบุรี สวยงามมากเลยครับ

เข้ามากราบนม้สการพระบรมสารีริกธาตุครับ

รอบวัดนั้นล้อมรอบไปด้วยทุ่งนาสวยมากๆๆเลย

กำลังออกจากวัดก็เจอน้องแมวมานอนหลบแดด 5555555
หลังจากกราบไหว้นมัสการพระธาตุเป็นที่เรียบร้อย พวกเราขับรถออกจากวัดม่ไกลมาก ไปร้านกาแฟสุดชิคๆคูลๆ ชื่อว่า ร้าน มีนา Cafe ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งถ้าเกิดใครแวะมาแถวนี้ ควรจะต้องมาลองชิมกาแฟ และ นั่งเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของร้าน

โอ้โห นี่คนมากินกาแฟหรอเนี่ย

เลมอนโซดา ซ่าห์ ดับร้อนนนน

ออกมานอกร้านก็มีทุ่งนาเขียวขจี ฟินมากกกกกก

เห็นวัดถ้ำเสือจากร้านด้วยยยนะ

หล่อครับ.....
หลังจากดื่มกาแฟเสร็จแล้ว พวกเราก็เดินทางกลับมาที่ อ.เมือง ตอน 16.30 น มาเยี่ยมชม สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก หรือที่คนกาญจนบุรีเรียกว่า ป่าช้าอังกฤษ สุสานแห่งนี้ถือเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งของกาญจนบุรี โดยตั้งอยู่ที่ ถ.แสงชูโต เยื้องสถานีรถไฟ สุสานแห่งได้จัดสร้างอนุสรณ์แก่ผู้เสียชีวิตที่เป็นเชลยศึกและพลเรือนหลากหลายเชื้อชาติที่สร้างสายทางรถไฟ ไทย-พม่า หรือ ที่เรานิยมเรียกว่าทางรถไฟสายมรณะนั่นเอง

ข้างในมีการเรียงและตกแต่งบริเวณสุสานอย่างสวยงาม

ร่มรื่นมากๆๆ
เวลาประมาณ 17.00 น. พวกเราก้อพร้อมออกเดินทางไปสะพานข้ามแม่น้ำแควแล้ว ซึ่งเป็นอีกจุดท่องเที่ยวที่พวกเราต้องไปของกาญจนบุรี

มาถึงแล้วจ้า^^

มาเซลฟี่กันหน่อยยย

3 หนุ่ม 3 มุม ...... สะพานม่น้ำแควตอนพระอาทิตย์ตกสวยมากกๆ
ตอนนี้เวลาประมาณทุ่มนึง พวกเราก็แวะมากินอาหารแถว ถนนคนเดินปากแพรก โดยถนนคนเดินแถวนี้เป็นย่านชุมชนเก่าแก่ในเมืองกาญ และบริเวณนี้ก็มีอาหารมากมายให้เรานั้นมาเลือกกินกัน แถมราคาก็ไม่แพงด้วยยยย จึงขอลาไปก่อนพบกันต่อพรุ่งนี้นาจา

อาหารมีให้เลือกกินเยอะตามที่ถนัด55555555
DAY2 เราตื่นกันเวลาประมาณ 9.00น. อาบน้ำแต่งตัวและพร้อมออกเดินทาง โดยแพลนในวันนี้วางไว้ว่า จะไปที่ถ้ำกระแซ บริเวณทางรถไฟสายมรณะ และเดินทางไปขึ้นน้ำตกเอราวัณให้ถึงชั้น7 เราออกมาหาข้าวเช้ากินกัน มีเพื่อนเสนอว่าอยากเกินติ่มซำเป็นมื้อเช้า เพราะตอนขากลับเมื่อวานเพื่อนเห็นร้านติ่มซำใกล้ๆกับที่พัก พอพวกเราเดินทางมาถึง พบกับร้านที่ชื่อ ภัตราคาร หลงเปา พวกเราก็ปรึกษากันว่า เอ มันจะแพงเกินไปไหมนา.. หลังจากตัดสินใจกันที่หน้าร้านสักพัก พวกเราก็ตัดสินใจที่จะไม่กิน และไปหาข้อมูลร้านมาเพิ่มว่าแพงไหม
เราตัดสินใจเดินทางกันต่อ ไว้ไปหาร้านอาหารเอาข้างหน้า แต่หาเท่าไรก็ยังไม่ถูกใจทุกคนสักที จนในที่สุดเราก็เจอกับร้านคาเฟ่สีฟ้าสดใสสะดุดตา หน้าร้านเขียนไว้ว่า coffee and foods พวกเราจึงตัดสินใจกันว่าจะกินร้านนี้

คาเฟ่สีสันสดใส บรรยากาศดี้ดี
แต่เมื่อเข้าไปดูเมนูของร้าน สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ราคาในส่วนของที่เป็นอาหารมีราคาสูง ทำให้พวกเราสู้ราคาไม่ไหว จึงตัดสินใจสั่งกันแค่เครื่องดื่ม และถือว่าเป็นการให้คนขับกินกาแฟแก้ง่วงไปในตัว เรานั่งเล่นกันเพียงแปปเดียวก็ออกเดินทางต่อ เนื่องจากกลัวจะขึ้นน้ำตกเอราวัณได้ไม่ครบทุกชั้น

เราเดินทางมากันจนถึงทางรถไฟสายมรณะ เยี่ยมชมบรรยากาศ เดินดูของฝาก และ เข้าไปกราบไหว้พระพุธรูปภายในถ้ำกระแซ

ตรงนี้คือบริเวณสถานีรถไฟ อากาศยังคงร้อนเหมือนเดิมครับ

ธรรมชาติข้างทางรถไฟ


วิวดีกว่านี้ไม่มีแล้วว ใครอยากนั่งรถไฟเล่นแนะนำไปเมืองกาญเลยครับ

เคารพสักการะสิ่งศักสิทธิ์ก่อนออกเดินทางต่อ
เวลาประมาณ13.00น. หลังจากเที่ยวชมทางรถไฟและเดินดูตลาดของฝากเสร็จ เราก็ออกเดินทางกันต่อ และเราก็นึกได้ว่าเราลืมกินข้าวกันนี่นา เราขับรถผ่านหน้ามหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี ก็พบร้านแฮมเบอร์เกอร์ร้านหนึ่ง เราจึงตัดสินใจกินข้าวมื้อแรกของเรากันที่นี่


เมื่อกองทัพอิ่มเราก็เดินทางกันต่อไปน้ำตกเอราวัณ ดูพิกัดจากกูเกิ้ลแมพเราก็พบว่าต้องใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ1ชม. และตอนนี้ก็เป็นเวลาบ่าย2แล้วด้วย จะทันไหมไปลุ้นกัน
เราเดินทางมาถึงน้ำตกเอราวัณเวลาประมาณ 15.00น. เหลือบดูป้ายเวลาทำการปิด 16.30 น. คิดในใจว่าชั่วโมงครึ่งสบายๆ เราจึงเริ่มเดินขึ้นน้ำตกอย่างไม่รอช้า


ชั้นแรกๆคนมาเล่นน้ำกันอย่างหนาแน่น
เมื่อเราขึ้นมาถึงชั้น 4 กลับได้เห็นป้ายเขียนว่าห้ามขึ้นไปชั้นบนหลังเวลา 15.30น. ขณะนั้นเวลา15.15น. เราจึงรีบเดินขึ้นต่อด้วยความเร่งรีบ ด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยม แต่พอกำลังจะไปถึงชั้น 5 สิ่งที่พวกเราไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้น มีเสียงนกหวีดจากเจ้าหน้าที่อุทยานดังขึ้นมา พร้อมทำมือเป็นรูปกากบาท ประกาศว่าชั้นบนปิดแล้วถ้าจะเล่นน้ำให้ไปเล่นได้ชั้น1 และ 2 จะปิดเวลา17.00น. ความหวังของพวกเราพังทลายลง เราจำใจต้องเดินกลับลงไป ทั้งเหนื่อยและกระหายน้ำ พวกเรา4คนเดินขึ้นมาโดยที่ไม่มีใครซื้อน้ำมาสักคน TT’

ไหนๆก็ขึ้นมาแล้วแวะพักให้หายเหนื่อยแล้วถ่ายรูปที่จุดชมวิวสักหน่อย


ภาพวิวจากชั้นบนมองลงไปชั้นล่าง
เครื่องกลพาเที่ยว กาญจนบุรี 3วัน2คืน
ปล. ภาพถ่ายทั้งหมดมาจากกล้องมือถือนะครับ ถ้ารูปไม่สวยอย่าโทดกล้องนะครับ ให้โทษคนถ่ายTT
DAY1 เวลา 9.30 น พวกเรามารอคิวรถตู้ที่จะไปกาญจนบุรีตรงที่ปั๊มน้ำมัน ปตท พระราม2 โดยพวกเราถึงสถานีขนส่งของกาญ เวลาประมาณ 11.30 น ซึ่งค่าเดินทางตกคนละประมาณ 130 บาท
อยู่บนรถพร้อมไปที่พักแล้วววววว
ประมาณ 12.00 น พวกเราก็ถึงที่พักโดยใช้เวลาเดินทางจากสถานีขนส่งประมาณ 10 -15 นาที ซึ้งใช้เวลาไม่นานแต่แดดก็แอบร้อนอยู่หน่อยๆๆ 5555555555555
ที่พวกของพวกเราชื่อ วอร์มเวล โฮสเทล เป็นที่พักที่สบาย น่ารัก และพี่ที่ดูแลก็ใจดีมากๆเบยย ที่พักจะเป็นจุดที่ใกล้กับสะพานแม่น้ำแคว ซึ่งเป็นที่เราเก็บไว้มาเที่ยวตอนเย็น เพราะเค้าบอกว่าตอนพระอาทิตย์ตกนั้นสวยมากกกกๆๆๆๆ
หลังจากเข้ามาที่ห้องพักเรียบร้อย พวกเราก็ลองทบทวนกันการเดินทางอีกครั้ง เพราะเนื่องจากสถานที่ที่เราอยากจะไปเที่ยวค่อนข้างจะอยู่ไกลและคนละทิศละทาง จึงอาจจะทำให้การเดินทางต้องกินเวลานานและอาจจะเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพิ่มขึ้น ถ้าหากเราอยากจะเก็บที่ท่องเที่ยวให้หมด
พวกเราจึงตัดสินใจเช่ารถยนต์ในเวลา 2 วัน วันละ 1000 บาท ซึ่งเมื่อหารกัน 4 คนแล้ว ราคาก็ถือว่าโอเคสำหรับพวกเรา แถมได้ไปเที่ยวที่ยิบย่อยที่รถประจำทางไปไม่ได้อีกด้วย
13.00 น พวกเราก็มากินอาหารกันที่ร้านกานต์บุรี ซึ่งเป็นร้านแนะนำที่ใกล้กับที่พักของเรา ไปลองกันดูดีกว่า หิวจนตาลายแล้วTT
พวกเราสั่ง แกงป่าเนื้อ , ปลาทอดน้ำปลา และ ปลาหมึกผัดไข่เค็ม ซึ่งรสชาติขอบอกว่าอร่อยถูกปากพวกเราเป็นอย่างมาก และ ราคานั้นไม่แพงอย่างที่คิดไว้ตอนแรก ซึ่งมื้อนี้ก็ทำให้พวกเราอิ่มและพร้อมออกเดินทางต่อแล้วว.....
13.30 น พวกเราออกเดินทางไปวัดถ้ำเสือซึ่งใช้เวลาเดินทางจากร้านอาหารถึงที่วัดเวลา 14.15 น วัดถ้ำเสือ นั้นตั้งอยู่ที่ อ.ท่าม่วง เป็นวัดที่นักท่องเที่ยวมาที่นี่เพื่อมากราบไหว้พระธาตุ วัดแห่งนี้มีความใหญ่โตกว้างขวางมากและแถมรอบข้างก็ล้อมรอบไปด้วยทุ่งนา ซึ่งให้ความรู้สึกสดชื่นมากๆเลย ขอบอกกก
หลังจากกราบไหว้นมัสการพระธาตุเป็นที่เรียบร้อย พวกเราขับรถออกจากวัดม่ไกลมาก ไปร้านกาแฟสุดชิคๆคูลๆ ชื่อว่า ร้าน มีนา Cafe ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งถ้าเกิดใครแวะมาแถวนี้ ควรจะต้องมาลองชิมกาแฟ และ นั่งเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของร้าน
หลังจากดื่มกาแฟเสร็จแล้ว พวกเราก็เดินทางกลับมาที่ อ.เมือง ตอน 16.30 น มาเยี่ยมชม สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก หรือที่คนกาญจนบุรีเรียกว่า ป่าช้าอังกฤษ สุสานแห่งนี้ถือเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งของกาญจนบุรี โดยตั้งอยู่ที่ ถ.แสงชูโต เยื้องสถานีรถไฟ สุสานแห่งได้จัดสร้างอนุสรณ์แก่ผู้เสียชีวิตที่เป็นเชลยศึกและพลเรือนหลากหลายเชื้อชาติที่สร้างสายทางรถไฟ ไทย-พม่า หรือ ที่เรานิยมเรียกว่าทางรถไฟสายมรณะนั่นเอง
เวลาประมาณ 17.00 น. พวกเราก้อพร้อมออกเดินทางไปสะพานข้ามแม่น้ำแควแล้ว ซึ่งเป็นอีกจุดท่องเที่ยวที่พวกเราต้องไปของกาญจนบุรี
ตอนนี้เวลาประมาณทุ่มนึง พวกเราก็แวะมากินอาหารแถว ถนนคนเดินปากแพรก โดยถนนคนเดินแถวนี้เป็นย่านชุมชนเก่าแก่ในเมืองกาญ และบริเวณนี้ก็มีอาหารมากมายให้เรานั้นมาเลือกกินกัน แถมราคาก็ไม่แพงด้วยยยย จึงขอลาไปก่อนพบกันต่อพรุ่งนี้นาจา
DAY2 เราตื่นกันเวลาประมาณ 9.00น. อาบน้ำแต่งตัวและพร้อมออกเดินทาง โดยแพลนในวันนี้วางไว้ว่า จะไปที่ถ้ำกระแซ บริเวณทางรถไฟสายมรณะ และเดินทางไปขึ้นน้ำตกเอราวัณให้ถึงชั้น7 เราออกมาหาข้าวเช้ากินกัน มีเพื่อนเสนอว่าอยากเกินติ่มซำเป็นมื้อเช้า เพราะตอนขากลับเมื่อวานเพื่อนเห็นร้านติ่มซำใกล้ๆกับที่พัก พอพวกเราเดินทางมาถึง พบกับร้านที่ชื่อ ภัตราคาร หลงเปา พวกเราก็ปรึกษากันว่า เอ มันจะแพงเกินไปไหมนา.. หลังจากตัดสินใจกันที่หน้าร้านสักพัก พวกเราก็ตัดสินใจที่จะไม่กิน และไปหาข้อมูลร้านมาเพิ่มว่าแพงไหม
เราตัดสินใจเดินทางกันต่อ ไว้ไปหาร้านอาหารเอาข้างหน้า แต่หาเท่าไรก็ยังไม่ถูกใจทุกคนสักที จนในที่สุดเราก็เจอกับร้านคาเฟ่สีฟ้าสดใสสะดุดตา หน้าร้านเขียนไว้ว่า coffee and foods พวกเราจึงตัดสินใจกันว่าจะกินร้านนี้
แต่เมื่อเข้าไปดูเมนูของร้าน สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ราคาในส่วนของที่เป็นอาหารมีราคาสูง ทำให้พวกเราสู้ราคาไม่ไหว จึงตัดสินใจสั่งกันแค่เครื่องดื่ม และถือว่าเป็นการให้คนขับกินกาแฟแก้ง่วงไปในตัว เรานั่งเล่นกันเพียงแปปเดียวก็ออกเดินทางต่อ เนื่องจากกลัวจะขึ้นน้ำตกเอราวัณได้ไม่ครบทุกชั้น
เวลาประมาณ13.00น. หลังจากเที่ยวชมทางรถไฟและเดินดูตลาดของฝากเสร็จ เราก็ออกเดินทางกันต่อ และเราก็นึกได้ว่าเราลืมกินข้าวกันนี่นา เราขับรถผ่านหน้ามหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี ก็พบร้านแฮมเบอร์เกอร์ร้านหนึ่ง เราจึงตัดสินใจกินข้าวมื้อแรกของเรากันที่นี่
เราเดินทางมาถึงน้ำตกเอราวัณเวลาประมาณ 15.00น. เหลือบดูป้ายเวลาทำการปิด 16.30 น. คิดในใจว่าชั่วโมงครึ่งสบายๆ เราจึงเริ่มเดินขึ้นน้ำตกอย่างไม่รอช้า
เมื่อเราขึ้นมาถึงชั้น 4 กลับได้เห็นป้ายเขียนว่าห้ามขึ้นไปชั้นบนหลังเวลา 15.30น. ขณะนั้นเวลา15.15น. เราจึงรีบเดินขึ้นต่อด้วยความเร่งรีบ ด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยม แต่พอกำลังจะไปถึงชั้น 5 สิ่งที่พวกเราไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้น มีเสียงนกหวีดจากเจ้าหน้าที่อุทยานดังขึ้นมา พร้อมทำมือเป็นรูปกากบาท ประกาศว่าชั้นบนปิดแล้วถ้าจะเล่นน้ำให้ไปเล่นได้ชั้น1 และ 2 จะปิดเวลา17.00น. ความหวังของพวกเราพังทลายลง เราจำใจต้องเดินกลับลงไป ทั้งเหนื่อยและกระหายน้ำ พวกเรา4คนเดินขึ้นมาโดยที่ไม่มีใครซื้อน้ำมาสักคน TT’