ขอแชร์ประสบการณ์เช่ารถจากทั้งสองประเทศนี้ครับ ขอเขียนแบบนึกไปเรื่อยๆนะ
1. อย่าลืมทำใบขับขี่นานาชาติ ถึงแม้ไม่มีชื่อประเทศนั้นในใบก็ไม่เป็นไร เค้าไม่ว่าอะไรครับ
2. เช่ารถเยอรมันรุ่นเยอะกว่าและราคาถูกกว่าออสเตรีย
3. แนะนำให้เช่ากับบริษัทเช่ารถโดยตรง เอาแบบที่มีสาขาในไทยยิ่งดี หาเบอร์จากเวปแล้วโทรไปจองกับที่ไทยได้เลย
บางทีมีโปรฯราคาถูกกว่าในเวปเยอะครับ
4. พยายามเลี่ยงพวก rentalcars.com นะ ไม่ใช่ไม่ดี แต่ยุ่งยากมากเวลาเปลี่ยนอะไร
-เช่นจองไปแล้ว และต้องการเปลี่ยนเวลา เค้าจะยกเลิกการจองของเราไปและทำ booking ใหม่ไปเลย (เงินจองไม่ได้คืนเงินด้วย)
- แถมถามอะไรไม่รู้ซักอย่าง เช่นอยาก confirm ว่าได้รถตามที่จองไหมหรือว่าได้รุ่นไหน ตอบแค่ว่าเราเป็นโบรกเกอร์เราไม่รู้
- แต่ไปถึงรับรถก็ไม่มีปัญหาอะไร เคยอ่านเจอคนมีปัญหา โยนกันไปโยนกันมาเลย
5. ส่วนตัวไม่เคยได้รถแบบที่จองเลย แต่จะได้อัพเกรดเป็นรถดีกว่านิดๆตลอด
6. ถ้าเที่ยวบ่อย แนะนำให้ซื้อ GPS ใช้เองไปเลย ซื้อจากเวปและไปเอาที่ร้านที่โน้นก็ได้ หรือไปหาซื้อเองเลย
เพราะเช่า gps รายวันแพงมากถ้าไปหลายวันส่วนใหญ่ประมาณ 10 ยูโรต่อวัน gps เอาแบบครอบคลุมทั่วยุโรป
ตัวเล็กๆ 140-160 ยูโรใช้ยาวๆคุ้มกว่า
7. รถที่ติด gps มาด้วยบางรุ่นใช้โคตรยาก มองลำบากแถมราคาแพงกว่ารถธรรมดาอีก
8. อยากฟังเพลงแนะนำให้เอาใส่ thumb drive ไป หรือเอาลงมือถือแล้วต่อสาย Aux ส่วนใหญ่รถไม่มี cd นะฮะ
9. ถ้าจะเน้นประหยัดต้องขับเกียร์ธรรมดาเป็น เพราะถูกกว่ามาก
10. ส่วนใหญ่รถที่จองมีประกัน basic อยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่จะพยายามตื้อให้เราซื้อประกันเพิ่มซึ่งแพงมากเพราะคิดเป็นวัน
อันนี้วัดใจเอา ทุกครั้งผมไม่ซื้อ เคยซื้อครั้งนึงแบบกลางๆ ครั้งล่าสุดไม่ซื้อกระจกมีรอยแตกจากหิน โดนไปประมาณ
5000 บาทเอง ก็ยังถูกกว่าซื้อประกันนะครับ อันนี้แล้วแต่คนจริงๆ
11. เช่ารถหลักๆจะมีสนามบินและสถานีรถไฟใหญ่ๆ ราคาไม่เท่ากัน
12. เช่าขับรถจากออสเตรียเข้าเยอรมันไม่มีปัญหา แต่เช่าจากเยอรมันเข้าออสเตรียต้องซื้อสติกเกอร์ vignette ด้วย
13. ถนนออสเตรียถึงแม้ autobahn ก็จำกัดความเร็วนะครับ ไม่เกิน 130 มีกล้องส่องเรื่อยๆเลย พอรถเริ่มชะลอก็ดูไว้ด้วย
แต่เยอรมัน autobahn นี่กดกันไม่มีลิมิตเลย เราขับไปเรื่อยๆถึงกับขับเร็วไม่รู้ตัวเพราะเราขับตามเค้าไปเรื่อยๆ
เลนซ้ายสุดเอาไว้แซงนะครับ แซงเสร็จกรุณาเข้าขวาด้วย ถ้าไม่เร็ว 180 ขึ้นไปอย่าไปขับซ้ายนะ
ตรงกลางเนี่ยก็ 160-170 แล้ว ขับช้าชิดขวาไปเลย
14. พวกนอกเมืองใหญ่ส่วนใหญ่จอดฟรีนะครับ สบายๆ แต่ในเมืองก็เสียค่าจอดมากน้อยก็แล้วแต่เมือง
แนะนำเข้าเมืองใหญ่จริงๆ เช่น Munich จอดรถทิ้งไว้ที่ ร.ร.เลยครับ นั่งรถไฟเที่ยวดีกว่า
15. วิธีจอดรถในตึกก็คือ ขับเข้าไปกดปุ่มรับบัตร จอดรถ พอเสร็จธุระแล้วก่อนขับรถออกให้ไปจ่ายเงินก่อน
ส่วนใหญ่จะเป็นตู้ สอดบัตรจอดรถ กดเลือกภาษา (ส่วนใหญ่มีอังกฤษ) แต่จริงๆไม่ต้องกดก็ได้ เพราะมัน
จะขึ้นราคามาเลยให้เราหยอดเหรียญหรือสอดบัตรเครดิต ส่วนใหญ่ผมใช้แต่เหรียญ หยอดจนราคาครบ
เครื่องจะคืนบัตรให้ ตอนขับออกก็สอดบัตรเข้าเครื่องที่กั้นก็จะเปิดออก จ่ายเงินเสร็จระวังอย่าเสียเวลามาก
เดี๋ยวจะออกไม่ได้นะครับ เข้าใจว่าน่าจะมีเวลาให้อีก 15 นาที บางครั้งจะมีเคาท์เตอร์ต่างหาก ถ้ากลัวเครื่อง
ไปจ่ายกับเคาท์เตอร์ก็ได้ครับ
16. จอดรถข้างถนนหรือข้างนอกแบบเสียเงิน พอจอดรถเสร็จก็ไปหยอดเหรียญครับ จะมีราคาให้ดูว่าจอดกี่ ชม.
กี่ยูโร (ดูดีๆนะครับ บางทีวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ จอดฟรี) เราก็หยอดเหรียญเข้าไป กดปุ่มเครื่องจะพิมพ์กระดาษออกมา
ให้เราเอากระดาษไปไว้ตรงคอนโซลรถข้างใน ตำรวจมาจะได้ตรวจได้ ระวังอย่าจอดเกินเวลานะครับ ตำรวจที่นั่นขยันมาก
โดนใบสั่งมาแล้ว ถ้าธุระยังไม่เสร็จให้กลับมาหยอดเพิ่มครับ แล้วเอากระดาษไปวางเพิ่มที่รถ
17. ป้ายจอดรถดูดีดีนะครับ อย่างของผมครั้งหนึ่งไปจอดที่ Garmisch-Partenkirchen ข้างถนนมีคำว่า P อยู่มีรถจอดอยู่
เราก็เลยจอดเลย ไม่ทันดูว่ามันมีลูกศรชี้ลงบอกขอบเขตที่ให้จอดรถได้ เราจอดเกินมาคันนึง โดนใบสั่งไปตามระเบียบ
โดนแล้วก็ต้องขับไปจ่ายที่ สน. ด้วยครับ ไม่แน่ใจว่าถ้าไม่จ่ายจะเป็นไง คิดว่าน่าจะโดนเรียกเก็บจาก บ.เช่ารถแน่นอน
บางคนอาจจะไม่มีเวลาบวกกับไม่รู้ไปสน.ไหนยังไง ก็อาจจะต้องลองเสี่ยงดูครับ
18. คำว่า frei ในภาษาเยอรมัน = free ในภาษาอังกฤษ แต่ไม่ได้แปลว่าฟรีหรือไม่ต้องจ่ายเงินนะครับ จริงๆมันน่าจะแปลว่า
มีที่ว่าง, เข้าได้, vacant หรือ available ประมาณนั้น
เดี๋ยวนึกอะไรออกมาพิมพ์ต่อครับ
รีวิว ข้อมูลคร่าวๆเช่ารถที่ยุโรปขับ เยอรมัน ออสเตรีย
1. อย่าลืมทำใบขับขี่นานาชาติ ถึงแม้ไม่มีชื่อประเทศนั้นในใบก็ไม่เป็นไร เค้าไม่ว่าอะไรครับ
2. เช่ารถเยอรมันรุ่นเยอะกว่าและราคาถูกกว่าออสเตรีย
3. แนะนำให้เช่ากับบริษัทเช่ารถโดยตรง เอาแบบที่มีสาขาในไทยยิ่งดี หาเบอร์จากเวปแล้วโทรไปจองกับที่ไทยได้เลย
บางทีมีโปรฯราคาถูกกว่าในเวปเยอะครับ
4. พยายามเลี่ยงพวก rentalcars.com นะ ไม่ใช่ไม่ดี แต่ยุ่งยากมากเวลาเปลี่ยนอะไร
-เช่นจองไปแล้ว และต้องการเปลี่ยนเวลา เค้าจะยกเลิกการจองของเราไปและทำ booking ใหม่ไปเลย (เงินจองไม่ได้คืนเงินด้วย)
- แถมถามอะไรไม่รู้ซักอย่าง เช่นอยาก confirm ว่าได้รถตามที่จองไหมหรือว่าได้รุ่นไหน ตอบแค่ว่าเราเป็นโบรกเกอร์เราไม่รู้
- แต่ไปถึงรับรถก็ไม่มีปัญหาอะไร เคยอ่านเจอคนมีปัญหา โยนกันไปโยนกันมาเลย
5. ส่วนตัวไม่เคยได้รถแบบที่จองเลย แต่จะได้อัพเกรดเป็นรถดีกว่านิดๆตลอด
6. ถ้าเที่ยวบ่อย แนะนำให้ซื้อ GPS ใช้เองไปเลย ซื้อจากเวปและไปเอาที่ร้านที่โน้นก็ได้ หรือไปหาซื้อเองเลย
เพราะเช่า gps รายวันแพงมากถ้าไปหลายวันส่วนใหญ่ประมาณ 10 ยูโรต่อวัน gps เอาแบบครอบคลุมทั่วยุโรป
ตัวเล็กๆ 140-160 ยูโรใช้ยาวๆคุ้มกว่า
7. รถที่ติด gps มาด้วยบางรุ่นใช้โคตรยาก มองลำบากแถมราคาแพงกว่ารถธรรมดาอีก
8. อยากฟังเพลงแนะนำให้เอาใส่ thumb drive ไป หรือเอาลงมือถือแล้วต่อสาย Aux ส่วนใหญ่รถไม่มี cd นะฮะ
9. ถ้าจะเน้นประหยัดต้องขับเกียร์ธรรมดาเป็น เพราะถูกกว่ามาก
10. ส่วนใหญ่รถที่จองมีประกัน basic อยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่จะพยายามตื้อให้เราซื้อประกันเพิ่มซึ่งแพงมากเพราะคิดเป็นวัน
อันนี้วัดใจเอา ทุกครั้งผมไม่ซื้อ เคยซื้อครั้งนึงแบบกลางๆ ครั้งล่าสุดไม่ซื้อกระจกมีรอยแตกจากหิน โดนไปประมาณ
5000 บาทเอง ก็ยังถูกกว่าซื้อประกันนะครับ อันนี้แล้วแต่คนจริงๆ
11. เช่ารถหลักๆจะมีสนามบินและสถานีรถไฟใหญ่ๆ ราคาไม่เท่ากัน
12. เช่าขับรถจากออสเตรียเข้าเยอรมันไม่มีปัญหา แต่เช่าจากเยอรมันเข้าออสเตรียต้องซื้อสติกเกอร์ vignette ด้วย
13. ถนนออสเตรียถึงแม้ autobahn ก็จำกัดความเร็วนะครับ ไม่เกิน 130 มีกล้องส่องเรื่อยๆเลย พอรถเริ่มชะลอก็ดูไว้ด้วย
แต่เยอรมัน autobahn นี่กดกันไม่มีลิมิตเลย เราขับไปเรื่อยๆถึงกับขับเร็วไม่รู้ตัวเพราะเราขับตามเค้าไปเรื่อยๆ
เลนซ้ายสุดเอาไว้แซงนะครับ แซงเสร็จกรุณาเข้าขวาด้วย ถ้าไม่เร็ว 180 ขึ้นไปอย่าไปขับซ้ายนะ
ตรงกลางเนี่ยก็ 160-170 แล้ว ขับช้าชิดขวาไปเลย
14. พวกนอกเมืองใหญ่ส่วนใหญ่จอดฟรีนะครับ สบายๆ แต่ในเมืองก็เสียค่าจอดมากน้อยก็แล้วแต่เมือง
แนะนำเข้าเมืองใหญ่จริงๆ เช่น Munich จอดรถทิ้งไว้ที่ ร.ร.เลยครับ นั่งรถไฟเที่ยวดีกว่า
15. วิธีจอดรถในตึกก็คือ ขับเข้าไปกดปุ่มรับบัตร จอดรถ พอเสร็จธุระแล้วก่อนขับรถออกให้ไปจ่ายเงินก่อน
ส่วนใหญ่จะเป็นตู้ สอดบัตรจอดรถ กดเลือกภาษา (ส่วนใหญ่มีอังกฤษ) แต่จริงๆไม่ต้องกดก็ได้ เพราะมัน
จะขึ้นราคามาเลยให้เราหยอดเหรียญหรือสอดบัตรเครดิต ส่วนใหญ่ผมใช้แต่เหรียญ หยอดจนราคาครบ
เครื่องจะคืนบัตรให้ ตอนขับออกก็สอดบัตรเข้าเครื่องที่กั้นก็จะเปิดออก จ่ายเงินเสร็จระวังอย่าเสียเวลามาก
เดี๋ยวจะออกไม่ได้นะครับ เข้าใจว่าน่าจะมีเวลาให้อีก 15 นาที บางครั้งจะมีเคาท์เตอร์ต่างหาก ถ้ากลัวเครื่อง
ไปจ่ายกับเคาท์เตอร์ก็ได้ครับ
16. จอดรถข้างถนนหรือข้างนอกแบบเสียเงิน พอจอดรถเสร็จก็ไปหยอดเหรียญครับ จะมีราคาให้ดูว่าจอดกี่ ชม.
กี่ยูโร (ดูดีๆนะครับ บางทีวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ จอดฟรี) เราก็หยอดเหรียญเข้าไป กดปุ่มเครื่องจะพิมพ์กระดาษออกมา
ให้เราเอากระดาษไปไว้ตรงคอนโซลรถข้างใน ตำรวจมาจะได้ตรวจได้ ระวังอย่าจอดเกินเวลานะครับ ตำรวจที่นั่นขยันมาก
โดนใบสั่งมาแล้ว ถ้าธุระยังไม่เสร็จให้กลับมาหยอดเพิ่มครับ แล้วเอากระดาษไปวางเพิ่มที่รถ
17. ป้ายจอดรถดูดีดีนะครับ อย่างของผมครั้งหนึ่งไปจอดที่ Garmisch-Partenkirchen ข้างถนนมีคำว่า P อยู่มีรถจอดอยู่
เราก็เลยจอดเลย ไม่ทันดูว่ามันมีลูกศรชี้ลงบอกขอบเขตที่ให้จอดรถได้ เราจอดเกินมาคันนึง โดนใบสั่งไปตามระเบียบ
โดนแล้วก็ต้องขับไปจ่ายที่ สน. ด้วยครับ ไม่แน่ใจว่าถ้าไม่จ่ายจะเป็นไง คิดว่าน่าจะโดนเรียกเก็บจาก บ.เช่ารถแน่นอน
บางคนอาจจะไม่มีเวลาบวกกับไม่รู้ไปสน.ไหนยังไง ก็อาจจะต้องลองเสี่ยงดูครับ
18. คำว่า frei ในภาษาเยอรมัน = free ในภาษาอังกฤษ แต่ไม่ได้แปลว่าฟรีหรือไม่ต้องจ่ายเงินนะครับ จริงๆมันน่าจะแปลว่า
มีที่ว่าง, เข้าได้, vacant หรือ available ประมาณนั้น
เดี๋ยวนึกอะไรออกมาพิมพ์ต่อครับ