God's Own Country (Francis Lee, 2017) คะแนน B+

By Form Corleone
"เราทุกคนล้วนต้องการใครสักคนเพื่อคอยปลอบโยน" God's Own Country เล่าความสัมพันธ์แบบชายรักชาย ง่ายๆคือเป็นหนังเกย์นั่นเอง สะท้อนมุมมองความรักที่ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าจะต้องมีรสนิยมชอบเพศเดียวกัน แล้วถึงจะเข้าใจความรู้สึกของตัวละคร เป็นชายแท้ๆก็ดูได้ (แต่อาจจะต้องทนกับฉาก Sex แบบดุเดือด สักหน่อย) ตัวภาพยนตร์ให้อารมณ์คล้ายๆ 'Brokeback Mountain' ที่อยู่ในเวอร์ชั่นดิบๆ โลเคชั่นที่หนังเลือกใช้ชวนให้รู้สึกเย็นสบายตามสภาพแวดล้อมชนบท ภูเขา ลำธาร ฝูงแกะ ความหนาวเย็น แน่นอนว่า มันสุดแสนที่จะเหงาเอามากๆ งานฉากและงานภาพตลอดทั้งเรื่องจึงดูสวยงามและเป็นธรรมชาติ ประกอบกับการเล่าเรื่องช้าๆ ทำให้เราได้ซึมซับและสังเกตอารมณ์พฤติกรรมของตัวละครได้อย่างดี ข้อความที่ตัวหนังต้องการสื่อสารต่อคนดูนั้นมีมิติและแฝงไปด้วยความหวังในเรื่องราวของความรัก กระทั่งการปลอบโยนด้วยความรักที่หนังเลือกหยิบมาใช้ต่อตัวละครยังสะท้อนมาถึงคนดูได้อีกด้วย เป็นผลงานที่ช่วยปลอบโยนความอ้างว้างที่สวยงาม

ความสัมพันธ์ในเรื่องหรือตัวละครในเรื่อง เป็นผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายขอบ และสถานการณ์ไม่เอื้ออํานวยให้มีชีวิตที่ดีได้ ตัวละครนำในเรื่องต้องแบกรับภาระหน้าที่กิจการฟาร์มของครอบครัว ต้องดูแลพ่อที่ป่วย และย่าที่แกชรา จนหมดโอกาสที่จะไปตามหาชีวิตที่ดีกว่า การมีใครสักคนหนึ่งเข้ามาช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระหน้าที่ พร้อมกับเติมเต็มช่วงเวลาพิเศษต่อกัน จึงเป็นสิ่งที่เขาต้องการไม่ว่าจะพยายามเสแสร้งว่าตัวเองเข้มแข็งมากแค่ไหน (ทุกคนต้องการใครสักคน) และการที่ตัวหนังมีตัวละครไม่เยอะ พร้อมโฟกัสไปที่ความสัมพันธ์ของคนสองคน ตลอดระยะเวลาเราจึงมองเห็นพัฒนาการของตัวละครอย่างค่อยเป็นค่อยไป และสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวละครจากช่วงต้นเรื่อง จนไปถึงจบเรื่องได้อย่างไม่ต้องสงสัย พล็อตเรื่องของ 'God's Own Country' จึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นเรื่องราวในรูปแบบความรักระหว่างชาย-ชาย แต่ตัวมันเองยังสะท้อนแง่มุมในรูปแบบหญิง-หญิง หรือชาย-หญิง (ตัดฉาก Sex ออกไป) แก่นของเรื่องจึงเป็นอะไรที่สากลและเข้าถึงชีวิตประจำวันของคนปกติทั่วไปได้อย่างลึกซึ้ง

ท้ายสุด 'God's Own Country' มีความสวยงามของบรรยากาศและสไตล์การเล่าเรื่องที่ดี และทำให้เราได้หยุดคิด+ไตร่ตรองภาวการณ์ต่างๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วน งานภาพและมุมกล้องพาให้เรารับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกภายในจิตใจของตัวละคร สะท้อนภาพแง่มุมรูปแบบความสัมพันธ์ที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยอุปสรรคจากภายในและภายนอก ให้อารมณ์ปลอบประโลมใจ และให้ความหวัง ท่ามกลางความเหงาในดินแดนที่ห่างไกล ท่ามกลางความโดดเดี่ยวในพื้นที่อันกว้างใหญ่บนเนินเขา ใครอีกคนคอยดูแลและเคียงข้างกันและกัน เราทุกคนล้วนแล้วที่จะต้องการใครคนนั้น เมื่อภาพยนตร์ดำเนินเรื่องราวมาถึงช่วงสุดท้าย เราจะไม่รู้สึกแปลกใจเลยว่าทำไมหนังถึงมีชื่อเรื่องตามที่เป็นอยู่ เพราะ ความเปล่าเปลี่ยว...ความรัก...ความหวัง…ได้หลอมรวมกัน ณ ที่แห่งแห่งนี้...

ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่างหนัง

ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: God's Own Country (Francis Lee, 2017) เขียนโดย Form Corleone
By Form Corleone
"เราทุกคนล้วนต้องการใครสักคนเพื่อคอยปลอบโยน" God's Own Country เล่าความสัมพันธ์แบบชายรักชาย ง่ายๆคือเป็นหนังเกย์นั่นเอง สะท้อนมุมมองความรักที่ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าจะต้องมีรสนิยมชอบเพศเดียวกัน แล้วถึงจะเข้าใจความรู้สึกของตัวละคร เป็นชายแท้ๆก็ดูได้ (แต่อาจจะต้องทนกับฉาก Sex แบบดุเดือด สักหน่อย) ตัวภาพยนตร์ให้อารมณ์คล้ายๆ 'Brokeback Mountain' ที่อยู่ในเวอร์ชั่นดิบๆ โลเคชั่นที่หนังเลือกใช้ชวนให้รู้สึกเย็นสบายตามสภาพแวดล้อมชนบท ภูเขา ลำธาร ฝูงแกะ ความหนาวเย็น แน่นอนว่า มันสุดแสนที่จะเหงาเอามากๆ งานฉากและงานภาพตลอดทั้งเรื่องจึงดูสวยงามและเป็นธรรมชาติ ประกอบกับการเล่าเรื่องช้าๆ ทำให้เราได้ซึมซับและสังเกตอารมณ์พฤติกรรมของตัวละครได้อย่างดี ข้อความที่ตัวหนังต้องการสื่อสารต่อคนดูนั้นมีมิติและแฝงไปด้วยความหวังในเรื่องราวของความรัก กระทั่งการปลอบโยนด้วยความรักที่หนังเลือกหยิบมาใช้ต่อตัวละครยังสะท้อนมาถึงคนดูได้อีกด้วย เป็นผลงานที่ช่วยปลอบโยนความอ้างว้างที่สวยงาม
ความสัมพันธ์ในเรื่องหรือตัวละครในเรื่อง เป็นผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายขอบ และสถานการณ์ไม่เอื้ออํานวยให้มีชีวิตที่ดีได้ ตัวละครนำในเรื่องต้องแบกรับภาระหน้าที่กิจการฟาร์มของครอบครัว ต้องดูแลพ่อที่ป่วย และย่าที่แกชรา จนหมดโอกาสที่จะไปตามหาชีวิตที่ดีกว่า การมีใครสักคนหนึ่งเข้ามาช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระหน้าที่ พร้อมกับเติมเต็มช่วงเวลาพิเศษต่อกัน จึงเป็นสิ่งที่เขาต้องการไม่ว่าจะพยายามเสแสร้งว่าตัวเองเข้มแข็งมากแค่ไหน (ทุกคนต้องการใครสักคน) และการที่ตัวหนังมีตัวละครไม่เยอะ พร้อมโฟกัสไปที่ความสัมพันธ์ของคนสองคน ตลอดระยะเวลาเราจึงมองเห็นพัฒนาการของตัวละครอย่างค่อยเป็นค่อยไป และสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวละครจากช่วงต้นเรื่อง จนไปถึงจบเรื่องได้อย่างไม่ต้องสงสัย พล็อตเรื่องของ 'God's Own Country' จึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นเรื่องราวในรูปแบบความรักระหว่างชาย-ชาย แต่ตัวมันเองยังสะท้อนแง่มุมในรูปแบบหญิง-หญิง หรือชาย-หญิง (ตัดฉาก Sex ออกไป) แก่นของเรื่องจึงเป็นอะไรที่สากลและเข้าถึงชีวิตประจำวันของคนปกติทั่วไปได้อย่างลึกซึ้ง
ท้ายสุด 'God's Own Country' มีความสวยงามของบรรยากาศและสไตล์การเล่าเรื่องที่ดี และทำให้เราได้หยุดคิด+ไตร่ตรองภาวการณ์ต่างๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วน งานภาพและมุมกล้องพาให้เรารับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกภายในจิตใจของตัวละคร สะท้อนภาพแง่มุมรูปแบบความสัมพันธ์ที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยอุปสรรคจากภายในและภายนอก ให้อารมณ์ปลอบประโลมใจ และให้ความหวัง ท่ามกลางความเหงาในดินแดนที่ห่างไกล ท่ามกลางความโดดเดี่ยวในพื้นที่อันกว้างใหญ่บนเนินเขา ใครอีกคนคอยดูแลและเคียงข้างกันและกัน เราทุกคนล้วนแล้วที่จะต้องการใครคนนั้น เมื่อภาพยนตร์ดำเนินเรื่องราวมาถึงช่วงสุดท้าย เราจะไม่รู้สึกแปลกใจเลยว่าทำไมหนังถึงมีชื่อเรื่องตามที่เป็นอยู่ เพราะ ความเปล่าเปลี่ยว...ความรัก...ความหวัง…ได้หลอมรวมกัน ณ ที่แห่งแห่งนี้...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่างหนัง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/