สัปดาห์นองเลือดอินโดนีเซีย ไล่มาตั้งแต่จลาจลเรือนจำถึงถล่มโบสถ์คริสต์
เบื้องหลังคือเครือข่ายสุดโต่งฝักใฝ่ไอเอสใหญ่ที่สุดแห่งแดนอิเหนา
เมืองสุราบายา เมืองใหญ่อันดับสองของอินโดนีเซีย ในจังหวัดชวาตะวันออก
กลายเป็นจุดร้อนในชั่วข้ามคืน จากเหตุโจมตีโบสถ์คริสต์ 3 แห่งในเวลาไล่เลี่ยกันในเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 14 คน บาดเจ็บอีก 41 คน และต้องอึ้งกันอีกคราเมื่อปรากฎว่ามือระเบิดก่อเหตุนองเลือดในครั้งนี้
เป็นพ่อแม่ลูก 6 คน โดยสองคนเป็นเด็กหญิงที่อายุเพียง 9 ขวบกับ 12 ขวบถูกพามาก่อเหตุ อีกสองคนเป็นลูกชาย อายุ 16 กับ 19 ปี
ในวันเดียวกัน ยังมีความพยายามระเบิดโบสถ์อีก 2 จุดในสุราบายาแต่สกัดได้ทัน
ผ่านมาอีกวัน สุราบายาเจอระเบิดฆ่าตัวตายระลอกที่ 4 โดยผู้ก่อเหตุมากันเป็นครอบครัวอีกครั้ง พ่อแม่ลูก 5 คน
ขี่และซ้อนรถจักรยานยนต์จุดระเบิดที่ทางเข้าสำนักงานตำรวจ มีเด็กหญิงวัย 8 ขวบในครอบครัวนี้รอดชีวิตคนเดียว
เหตุระเบิดหลายระลอกในสุราบายา ที่หากรวมมือระเบิด 13 คนก็คร่าแล้วถึง 25 ชีวิตในเวลาเพียงสองวัน
นับเป็นการก่อการร้ายนองเลือดที่สุดของอินโดนีเซียในรอบ 9 ปี
แต่นี่ยังไม่รวมครอบครัวที่ 3 ที่มีแผนโจมตีเช่นกัน แต่เกิดเหตุระเบิดขึ้นก่อนเวลานำมาใช้
ที่อพาร์ทเมนต์ใกล้เมืองสุราบายา ทำให้คนในครอบครัวเสียชีวิต 3 คน
และก่อนมาเจอคลื่นระเบิดฆ่าตัวตาย ยังมีอีกเหตุการณ์ที่ถือว่าเป็นการโหมโรงนั่นคือ
นักโทษคดีก่อการร้ายในเรือนจำ “มาโก บริม็อบ”ที่ได้ชื่อว่าเป็นเรือนจำมีรปภ.แน่นหนา ในเมืองดีป็อก จ.ชวาตะวันตก
ก่อเหตุจลาจลจับผู้คุมเป็นตัวประกัน ก่อนจบด้วยการที่ตำรวจอินโดนีเซียถูกสังหารไปถึง 6 คน
มือระเบิดฆ่าตัวตายกันแบบยกครัวและโจมตีเรือนจำ ล้วนโยงกับเครือข่าย จามาห์ อันชารุต ดอเลาะห์ ( เจเอดี )
ที่สวามิภักดิ์กับกลุ่มก่อการร้ายไอเอส
เจเอดี ไม่ใช่กลุ่มใหม่นัก ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2558 สร้างชื่อครั้งแรกด้วยการส่งสมาชิก 4 คน กราดยิงและระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีชาวต่างชาติและตำรวจกลางกรุงจาการ์ตาเมื่อ 14 ม.ค. 2559 ผลทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 8 คน เป็นคนร้าย 4 คนและพลเรือน 4 คน นั่นเป็นครั้งแรกที่ถือเป็นผลงานเลือดหนแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของไอเอส ในช่วงที่กำลังผงาดอยู่ในซีเรียและอิรัก และทำท่าจะขยายสาขามาในย่านนี้
กระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ขึ้นบัญชีเจเอดี เป็นเครือข่ายก่อการร้ายเมื่อปีที่แล้ว
สถาบันวิเคราะห์นโยบายความขัดแย้ง ( IPAC ) ในกรุงจาการ์ตา นิยาม “เจเอดี”ว่าเป็นเครือข่ายสาวกไอเอสใหญ่สุดในอินโดนีเซีย
ประกอบด้วยลูกศิษย์ของ อามัน อับดูร์เราะห์มาน นักเทศน์เจ้าอุดมการณ์ไอเอสที่ปัจจุบันถูกจำคุกอยู่ระหว่างดำเนินคดี
ข้อหาบงการโจมตีในจาการ์ตาและที่อื่นๆ กับสาวกของ อาบู บาคาร์ บาซีร์ อิหม่ามอาวุโสที่ก่อตั้งกลุ่ม จามาห์ อันโชรุล ตอฮิด ( เจเอที)
โดยแยกออกมาจากกลุ่มเจมาห์ อิสลามิยาห์ หรือ เจไอ ที่คุ้นชื่อกันดี
เริ่มแรก เจเอดี หรือ "จามาห์ อันชารุต ดอเลาะห์" ใช้เหมือนคำสามัญ หมายถึงพลพรรคทุกคนที่สนับสนุนไอเอส
แต่ปัจจุบัน เป็นคำเฉพาะใช้กับกลุ่มที่ก่อตั้งในเมืองมาลัง เมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 โดยเลือก อามัน อับดูร์เราะห์มาน เป็นผู้นำอุดมการณ์
อามัน ซึ่งจบการศึกษาด้านอิสลามและอาหรับศึกษา ถูกมองว่าเป็นผู้นำทางพฤตินัยของสาวกไอเอสทั้งหมดในอินโดนีเซีย
เขาไม่เคยไปซีเรีย แต่เกณฑ์คนไปร่วมไอเอส สื่อสารกับบรรดาแกนนำ และเป็นคนแปลสารชวนเชื่อของไอเอสในอินโดนีเซีย
ในปี 2547อามัน ถูกตัดสินจำคุก 7 ปี จากแผนแผนก่อการร้ายในเมืองดีป็อก จ.ชวาตะวันตก
แต่ได้รับการปล่อยตัวก่อนกำหนดในปี 2551 เพราะเป็นนักโทษประพฤติดี
หลังได้รับอิสรภาพ 2 ปี อามันประสานกับบาซีร์ ตั้งค่ายฝึกก่อการร้ายร่วมกัน ที่จ.อาเจะห์
รวบรวมกลุ่มสุดโต่งหลากหลายมาอยู่ในร่มเงาเดียวกัน และนำไปสู่การถูกตัดสินจำคุกอีกครั้ง 9 ปี
แต่ถึงจะอยู่ในคุก อามัน ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมการโจมตีด้วยระเบิดฆ่าตัวตายหลายครั้งโดยเจเอดีทั่วอินโดนีเซีย
นอกจากบงการโจมตีกลางกรุงจาการ์ตาต้นปี 2559 แล้ว ยังมีระเบิดสังหารตำรวจ 3 นายในชวาตะวันออกเมื่อ 25 พฤษภาคมปีที่แล้ว
และระเบิดสถานีขนส่งในจาการ์ตา บาดเจ็บ 12 คน ปาระเบิดเพลิงโจมตีโบสถ์แห่งหนึ่งคร่าชีวิตทารก
และแผนโจมตีช่วงคริสต์มาสด้วยระเบิดฆ่าตัวตาย แต่ถูกสกัดไว้ได้ก่อน
สำหรับอามันและสาวก ถือว่า เจ้าหน้าที่ความมั่นคงทั้งหมด เป็นกาฟีย์ หรือผู้ปฏิเสธศรัทธาที่สามารถเข้ายึดทรัพย์หรือลงโทษได้
หลังจากนายอาบู บาการ์ อัล บักดาดี ผู้นำสูงสุดไอเอส ประกาศสถาปนาตั้งคอลิฟะ
หรือรัฐอิสลาม ในเมืองโมซุล ประเทศอิรักเมื่อมิถุนายน 2557 อามันประกาศว่า การอพยพไปซีเรีย
เป็นพันธกิจของเหล่าผู้สนับสนุนไอเอสทุกคน
ก่อนโจมตีจาการ์ตาเมื่อ 2 ปีก่อน อามันออกคำสั่งที่แพร่ในหมู่สุดโต่งว่า
“จงไปรัฐอิสลาม และหากไปไม่ได้ ก็ให้ก่อญีฮาดด้วยจิตวิญญาณไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
หากไม่มีความกล้าที่จะทำ ก็ให้สมทบทุนแก่ผู้ที่พร้อมจะทำ หากไร้ทุนทรัพย์ ก็ขอให้เร่งเร้าผู้อื่นกระทำแทน”
ที่มา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.komchadluek.net/news/foreign/325936/?qx=
รู้จักกับ"เจเอดี"เบื้องหลังระเบิดฆ่าตัวตายยกครัว ที่อินโดนิเชีย ?!?!
เบื้องหลังคือเครือข่ายสุดโต่งฝักใฝ่ไอเอสใหญ่ที่สุดแห่งแดนอิเหนา
เมืองสุราบายา เมืองใหญ่อันดับสองของอินโดนีเซีย ในจังหวัดชวาตะวันออก
กลายเป็นจุดร้อนในชั่วข้ามคืน จากเหตุโจมตีโบสถ์คริสต์ 3 แห่งในเวลาไล่เลี่ยกันในเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 14 คน บาดเจ็บอีก 41 คน และต้องอึ้งกันอีกคราเมื่อปรากฎว่ามือระเบิดก่อเหตุนองเลือดในครั้งนี้
เป็นพ่อแม่ลูก 6 คน โดยสองคนเป็นเด็กหญิงที่อายุเพียง 9 ขวบกับ 12 ขวบถูกพามาก่อเหตุ อีกสองคนเป็นลูกชาย อายุ 16 กับ 19 ปี
ผ่านมาอีกวัน สุราบายาเจอระเบิดฆ่าตัวตายระลอกที่ 4 โดยผู้ก่อเหตุมากันเป็นครอบครัวอีกครั้ง พ่อแม่ลูก 5 คน
ขี่และซ้อนรถจักรยานยนต์จุดระเบิดที่ทางเข้าสำนักงานตำรวจ มีเด็กหญิงวัย 8 ขวบในครอบครัวนี้รอดชีวิตคนเดียว
เหตุระเบิดหลายระลอกในสุราบายา ที่หากรวมมือระเบิด 13 คนก็คร่าแล้วถึง 25 ชีวิตในเวลาเพียงสองวัน
นับเป็นการก่อการร้ายนองเลือดที่สุดของอินโดนีเซียในรอบ 9 ปี
แต่นี่ยังไม่รวมครอบครัวที่ 3 ที่มีแผนโจมตีเช่นกัน แต่เกิดเหตุระเบิดขึ้นก่อนเวลานำมาใช้
ที่อพาร์ทเมนต์ใกล้เมืองสุราบายา ทำให้คนในครอบครัวเสียชีวิต 3 คน
และก่อนมาเจอคลื่นระเบิดฆ่าตัวตาย ยังมีอีกเหตุการณ์ที่ถือว่าเป็นการโหมโรงนั่นคือ
นักโทษคดีก่อการร้ายในเรือนจำ “มาโก บริม็อบ”ที่ได้ชื่อว่าเป็นเรือนจำมีรปภ.แน่นหนา ในเมืองดีป็อก จ.ชวาตะวันตก
ก่อเหตุจลาจลจับผู้คุมเป็นตัวประกัน ก่อนจบด้วยการที่ตำรวจอินโดนีเซียถูกสังหารไปถึง 6 คน
มือระเบิดฆ่าตัวตายกันแบบยกครัวและโจมตีเรือนจำ ล้วนโยงกับเครือข่าย จามาห์ อันชารุต ดอเลาะห์ ( เจเอดี )
ที่สวามิภักดิ์กับกลุ่มก่อการร้ายไอเอส
เจเอดี ไม่ใช่กลุ่มใหม่นัก ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2558 สร้างชื่อครั้งแรกด้วยการส่งสมาชิก 4 คน กราดยิงและระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีชาวต่างชาติและตำรวจกลางกรุงจาการ์ตาเมื่อ 14 ม.ค. 2559 ผลทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 8 คน เป็นคนร้าย 4 คนและพลเรือน 4 คน นั่นเป็นครั้งแรกที่ถือเป็นผลงานเลือดหนแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของไอเอส ในช่วงที่กำลังผงาดอยู่ในซีเรียและอิรัก และทำท่าจะขยายสาขามาในย่านนี้
กระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ขึ้นบัญชีเจเอดี เป็นเครือข่ายก่อการร้ายเมื่อปีที่แล้ว
สถาบันวิเคราะห์นโยบายความขัดแย้ง ( IPAC ) ในกรุงจาการ์ตา นิยาม “เจเอดี”ว่าเป็นเครือข่ายสาวกไอเอสใหญ่สุดในอินโดนีเซีย
ประกอบด้วยลูกศิษย์ของ อามัน อับดูร์เราะห์มาน นักเทศน์เจ้าอุดมการณ์ไอเอสที่ปัจจุบันถูกจำคุกอยู่ระหว่างดำเนินคดี
ข้อหาบงการโจมตีในจาการ์ตาและที่อื่นๆ กับสาวกของ อาบู บาคาร์ บาซีร์ อิหม่ามอาวุโสที่ก่อตั้งกลุ่ม จามาห์ อันโชรุล ตอฮิด ( เจเอที)
โดยแยกออกมาจากกลุ่มเจมาห์ อิสลามิยาห์ หรือ เจไอ ที่คุ้นชื่อกันดี
แต่ปัจจุบัน เป็นคำเฉพาะใช้กับกลุ่มที่ก่อตั้งในเมืองมาลัง เมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 โดยเลือก อามัน อับดูร์เราะห์มาน เป็นผู้นำอุดมการณ์
อามัน ซึ่งจบการศึกษาด้านอิสลามและอาหรับศึกษา ถูกมองว่าเป็นผู้นำทางพฤตินัยของสาวกไอเอสทั้งหมดในอินโดนีเซีย
เขาไม่เคยไปซีเรีย แต่เกณฑ์คนไปร่วมไอเอส สื่อสารกับบรรดาแกนนำ และเป็นคนแปลสารชวนเชื่อของไอเอสในอินโดนีเซีย
ในปี 2547อามัน ถูกตัดสินจำคุก 7 ปี จากแผนแผนก่อการร้ายในเมืองดีป็อก จ.ชวาตะวันตก
แต่ได้รับการปล่อยตัวก่อนกำหนดในปี 2551 เพราะเป็นนักโทษประพฤติดี
หลังได้รับอิสรภาพ 2 ปี อามันประสานกับบาซีร์ ตั้งค่ายฝึกก่อการร้ายร่วมกัน ที่จ.อาเจะห์
รวบรวมกลุ่มสุดโต่งหลากหลายมาอยู่ในร่มเงาเดียวกัน และนำไปสู่การถูกตัดสินจำคุกอีกครั้ง 9 ปี
แต่ถึงจะอยู่ในคุก อามัน ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมการโจมตีด้วยระเบิดฆ่าตัวตายหลายครั้งโดยเจเอดีทั่วอินโดนีเซีย
นอกจากบงการโจมตีกลางกรุงจาการ์ตาต้นปี 2559 แล้ว ยังมีระเบิดสังหารตำรวจ 3 นายในชวาตะวันออกเมื่อ 25 พฤษภาคมปีที่แล้ว
และระเบิดสถานีขนส่งในจาการ์ตา บาดเจ็บ 12 คน ปาระเบิดเพลิงโจมตีโบสถ์แห่งหนึ่งคร่าชีวิตทารก
และแผนโจมตีช่วงคริสต์มาสด้วยระเบิดฆ่าตัวตาย แต่ถูกสกัดไว้ได้ก่อน
สำหรับอามันและสาวก ถือว่า เจ้าหน้าที่ความมั่นคงทั้งหมด เป็นกาฟีย์ หรือผู้ปฏิเสธศรัทธาที่สามารถเข้ายึดทรัพย์หรือลงโทษได้
หลังจากนายอาบู บาการ์ อัล บักดาดี ผู้นำสูงสุดไอเอส ประกาศสถาปนาตั้งคอลิฟะ
หรือรัฐอิสลาม ในเมืองโมซุล ประเทศอิรักเมื่อมิถุนายน 2557 อามันประกาศว่า การอพยพไปซีเรีย
เป็นพันธกิจของเหล่าผู้สนับสนุนไอเอสทุกคน
ก่อนโจมตีจาการ์ตาเมื่อ 2 ปีก่อน อามันออกคำสั่งที่แพร่ในหมู่สุดโต่งว่า
หากไม่มีความกล้าที่จะทำ ก็ให้สมทบทุนแก่ผู้ที่พร้อมจะทำ หากไร้ทุนทรัพย์ ก็ขอให้เร่งเร้าผู้อื่นกระทำแทน”
ที่มา [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้