คือเรื่องมันมีอยู่ว่า เรากับแฟนคบกันมาสักพักนึง แล้วเราเกิดท้อง ทางพ่อแม่เราก้อเลยบอกให้ผู้ใหญ่ฝั่งเขามาสู่ขอและให้รีบมาแต่งให้เร็วเพื่อรักษาหน้าพ่อแม่ แต่ทางฝายชายก็บ่ายเบี่ยงที่จะมา บอกว่ายังไม่มีฤกษ์บ้าง อะไรบ้าง สารพัดปัญหาที่จะหามาเป็นข้ออ้าง แต่สุดท้ายทางเราก้อได้นัดวันเพื่อมาสู่ขอกว่าจะมาได้ทางญาติๆเราก็หัวเสียกันไปตามๆกัน แล้ววันสู่ขอก็มาถึงทางเรานัดเช้าแต่เขามาถึงกันบ่ายแล้ว แต่วันนั้นเขาก็พาขันหมากของไหว้มาเยอะ แล้วก้อได้ตกลงกันเรื่องสินสอด 2แสน กับทอง3บาท ซึ่งก่อนที่ทางเราจะเรียกสินสอดเท่านี้ก้อมาจากที่ทางแม่ฝ่ายชายได้คุยว่า ทางบ้านเขารวย มีที่ดิน60ไร่ อะไรประมานนี้ แล้วก้อได้นัดฤกษ์แต่งคืออีก2เดือนจากวันที่มาสู่ขอ ต้องบอกก่อนเลยนะคะว่าตอนนั้นเราท้องลูกแฝดได้2เดือนครึ่งแล้ว แล้วหลังจากวันนั้นเราก้อเตรียมงาน พิมพ์การ์ด ถ่ายรูป ของชำร่วย คือทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว เหลือเวลาอีก3วันที่จะถึงวันงานมันช็อกมากค่ะ ซึ่งวันนั้นมันเป็นวันที่เราทำงานวันสุดท้ายที่จะลาแต่งงาน เราได้โทรไปหาแม่เจ้าบ่าวเรื่องเงินค่าจัดงาน1แสนบาทซึ่งทางเราได้ขอไว้ว่าจะเอามาจ่ายค่าจัดงานก่อน แต่เราโทรไปเขาก้อไม่รับ เราเลยโทรไปหาป้าเจ้าบ่าว ป้าเขารับและได้คุยกัน เขาบอกว่า ยังไม่รุ้หรอว่าทางเขาไม่มีเงินที่จะไปแต่งงาน และอีกอย่างเขาเพิ่งไปดูหมอมา หมอว่าลูกเขาแต่งงานตอนนี้ไม่ได้ถ้าแต่งจะมีอันเป็นไป ไม่ตายก้อพิการ จึงจะขอเลื่อนงานแต่งไปก่อน ซึ่งวันงานก็จะถึงในอีก3วันแล้ว.. คือตอนนั้นมันช็อกมาก เพราะทุกอย่างได้เตรียมไว้หมดแล้ว ทางบ้านเราตรียมพร้อมทุกอย่างหมดแล้ว
พอวางสายไปเราเลยโทรหาแฟนว่าทำไมไม่บอกมีรัยทำไมไม่บอก เงินไปพอก็บอก แต่แฟนเราบอกว่าเขาไม่รุ้เรื่อง เพราะแม่เขาเป็นคนจัดการทุกอย่าง แล้วเย็นวันนั้นเราก้อกลับบ้านไปเล่าทุกอย่างให้ที่บ้านฟัง เพื่อให้เขาระงบงานไว้ก่อน วันรุ่งขึ้นน้าเราเลยพาเราไปหาแฟนเราซึ้งเขาเปนนายสิบอยู่ในค่ายไม่ไกลจากบ้านเรามากนะ ไปถามไปคุย ว่าตกลงจะเอายังไง เรื่องงานยังอยากให้มีอยู่มั้ย ทางแฟนเราก็เงียบไม่ได้พูดอะไร น้าเราเลยขอว่า เอาแบบนี้นะ เรื่องสินสอด ทองหมั้นถ้าไม่มีชั่งมัน ขอแค่ไปเข้าพิธีแต่งงาน ทางพ่อแม่ไม่มาก้อให้พาใครไปเป็น ผู้ใหญ่ให้สักคน เพราะว่างานเตรียมพร้อมหมดแล้ว แขกก็บอกไว้เยอะ น้าเราเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเลยมีคนรู้จักเยอะ แต่แฟนก็บอกมาว่าไปงานหน่ะได้ แต่ไม่ต้องทำพิธีได้มั้ย ไม่ต้องมีพิธีไหว้ได้มั้ย คือพูดง่ายๆเขาเชื่อแม่เขา เขากลัวที่ตัวเองจะตาย กลัวที่ตัวเองจะมีอันเป็นไป แต่ไม่ได้กลัวว่าเราจะเสียหน้า อับอายแค่ไหน แล้ววันงานก้อมาถึง เราก็อโทรหาแฟนเราซึ่งตอนนั้นเขาอยู่บ้านเขาที่ ตจว แล้ว เขาเลือกที่จะไม่มางาน เพราะเหตุผลที่ว่าไม่มีเงิน 😥 แล้วบ่ายของวันนั้นน้าเราก้อเลยพาเราไปร้องเรียนที่ทำงานของเขา (ในค่าย) ให้ผู้ใหญ่ทราบ พร้อมด้วยการ์ดแต่งงาน ตอนนั้นเป็นเรื่องเป็นราว เพราะทางน้าเราก้อไม่ยอมเพราะทางเราเสียหาย แถมยังต้องอับอายอีก น้าเราต้องการที่จะเรียกค่าเลี้ยงดูให้กับเราและลูกๆ รวมไปถึงค่าจัดเตรียมงานด้วย ทางผู้บังคับบัญชาเลยให้โทรหาแฟนเราและสั่งให้แฟนเรา กลับมารายงานตัวที่ค่ายด่วน ซึ่งตอนนั้นเราบอกกับตัวเองเลยว่าเราจะไม่เอาเขาแล้ว เขาทำกับเราแสบมาก นี่ขนาดเรากำลังท้องลูกของเขาอยู่นะ ซึ่งเป็นลูกแฝดสะด้วยสิ ตอนนั้นอายุครรภ์เราก็4เดือนครึ่งแล้ว คุยไปคุยม่เขายอมกลับมา ในอีก2วันจากวันนั้น ซึ่งตอนนั้นน้าเราถามเราว่าจะเอางัย จะให้ฟ้องมั้ย หรือจะให้เขาจ่ายค่าเตรียมงานแล้วก้อไปจดทะเบียนกัน เพื่อที่ลูกเราจะได้รับสิทธิเต็มที่ เพราะเเฟนเราเป็นข้าราชการ ตอนนั้นเราก็คิดหนักนะ ว่าจะเอางัยกับชีวิตดี ลูกตั้ง2คน แถมบ้านเราก้อไม่ได้ร่ำรวย ส่วนแม่เราก็ป่วย ออดๆ แอ็ดๆ เราเลยเลือกที่จะทำอย่างหลังคือไปจดทะเบียนกับเขาเพื่อรักษาสิทธิ์ของลูกเรา คือตอนนั้นคำว่ารักมันไม่มีเหลือแล้ว แต่เราต้องทำเพื่อลูก แล้วเราก้อกลับไปทำงานต่อจนคลอดลูก ตอนนี้ลูกเราขวบกว่าแล้ว กำลังซนเลย แต่เราก้อยังอยู่กับแฟน โดยที่ทางบ้านเขาไม่คิดที่จะมาขอขมาทางแม่เราเลย เราพยายามที่จะลืมเรื่องที่ผ่านมาแต่มันลืมไม่ได้สักที พอไปงานแต่งเพื่อนหรืองานแต่งใคร เราจะน้ำตาไหลออกมาโดยอัตโนมัติ ทำยังไงเราถึงจะลืมเรื่องนี้สักที
หม้ายขันหมาก
* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะพอวางสายไปเราเลยโทรหาแฟนว่าทำไมไม่บอกมีรัยทำไมไม่บอก เงินไปพอก็บอก แต่แฟนเราบอกว่าเขาไม่รุ้เรื่อง เพราะแม่เขาเป็นคนจัดการทุกอย่าง แล้วเย็นวันนั้นเราก้อกลับบ้านไปเล่าทุกอย่างให้ที่บ้านฟัง เพื่อให้เขาระงบงานไว้ก่อน วันรุ่งขึ้นน้าเราเลยพาเราไปหาแฟนเราซึ้งเขาเปนนายสิบอยู่ในค่ายไม่ไกลจากบ้านเรามากนะ ไปถามไปคุย ว่าตกลงจะเอายังไง เรื่องงานยังอยากให้มีอยู่มั้ย ทางแฟนเราก็เงียบไม่ได้พูดอะไร น้าเราเลยขอว่า เอาแบบนี้นะ เรื่องสินสอด ทองหมั้นถ้าไม่มีชั่งมัน ขอแค่ไปเข้าพิธีแต่งงาน ทางพ่อแม่ไม่มาก้อให้พาใครไปเป็น ผู้ใหญ่ให้สักคน เพราะว่างานเตรียมพร้อมหมดแล้ว แขกก็บอกไว้เยอะ น้าเราเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเลยมีคนรู้จักเยอะ แต่แฟนก็บอกมาว่าไปงานหน่ะได้ แต่ไม่ต้องทำพิธีได้มั้ย ไม่ต้องมีพิธีไหว้ได้มั้ย คือพูดง่ายๆเขาเชื่อแม่เขา เขากลัวที่ตัวเองจะตาย กลัวที่ตัวเองจะมีอันเป็นไป แต่ไม่ได้กลัวว่าเราจะเสียหน้า อับอายแค่ไหน แล้ววันงานก้อมาถึง เราก็อโทรหาแฟนเราซึ่งตอนนั้นเขาอยู่บ้านเขาที่ ตจว แล้ว เขาเลือกที่จะไม่มางาน เพราะเหตุผลที่ว่าไม่มีเงิน 😥 แล้วบ่ายของวันนั้นน้าเราก้อเลยพาเราไปร้องเรียนที่ทำงานของเขา (ในค่าย) ให้ผู้ใหญ่ทราบ พร้อมด้วยการ์ดแต่งงาน ตอนนั้นเป็นเรื่องเป็นราว เพราะทางน้าเราก้อไม่ยอมเพราะทางเราเสียหาย แถมยังต้องอับอายอีก น้าเราต้องการที่จะเรียกค่าเลี้ยงดูให้กับเราและลูกๆ รวมไปถึงค่าจัดเตรียมงานด้วย ทางผู้บังคับบัญชาเลยให้โทรหาแฟนเราและสั่งให้แฟนเรา กลับมารายงานตัวที่ค่ายด่วน ซึ่งตอนนั้นเราบอกกับตัวเองเลยว่าเราจะไม่เอาเขาแล้ว เขาทำกับเราแสบมาก นี่ขนาดเรากำลังท้องลูกของเขาอยู่นะ ซึ่งเป็นลูกแฝดสะด้วยสิ ตอนนั้นอายุครรภ์เราก็4เดือนครึ่งแล้ว คุยไปคุยม่เขายอมกลับมา ในอีก2วันจากวันนั้น ซึ่งตอนนั้นน้าเราถามเราว่าจะเอางัย จะให้ฟ้องมั้ย หรือจะให้เขาจ่ายค่าเตรียมงานแล้วก้อไปจดทะเบียนกัน เพื่อที่ลูกเราจะได้รับสิทธิเต็มที่ เพราะเเฟนเราเป็นข้าราชการ ตอนนั้นเราก็คิดหนักนะ ว่าจะเอางัยกับชีวิตดี ลูกตั้ง2คน แถมบ้านเราก้อไม่ได้ร่ำรวย ส่วนแม่เราก็ป่วย ออดๆ แอ็ดๆ เราเลยเลือกที่จะทำอย่างหลังคือไปจดทะเบียนกับเขาเพื่อรักษาสิทธิ์ของลูกเรา คือตอนนั้นคำว่ารักมันไม่มีเหลือแล้ว แต่เราต้องทำเพื่อลูก แล้วเราก้อกลับไปทำงานต่อจนคลอดลูก ตอนนี้ลูกเราขวบกว่าแล้ว กำลังซนเลย แต่เราก้อยังอยู่กับแฟน โดยที่ทางบ้านเขาไม่คิดที่จะมาขอขมาทางแม่เราเลย เราพยายามที่จะลืมเรื่องที่ผ่านมาแต่มันลืมไม่ได้สักที พอไปงานแต่งเพื่อนหรืองานแต่งใคร เราจะน้ำตาไหลออกมาโดยอัตโนมัติ ทำยังไงเราถึงจะลืมเรื่องนี้สักที