เป็นเรื่องยากที่นายกฯจากทหารคนหนึ่งจะมีพลังมัดใจใครได้ในทางการเมือง
เพราะขึ้นชื่อว่าเผด็จการ บางคนอาจร้องยี้ เพราะคิดว่ามันคืออำนาจที่กดขี่ข่มเหงประชาชน
แต่ในสถานการณ์ในประเทศไทยที่มีโรดแมปใกล้เลือกตั้งเข้ามาทุกที
ปรากฎการณ์ลุงตู่เป็นนายกต่อ....ได้เกิดขึ้นจากพรรคการเมือง และนักการเมืองหลายคนและหลายพรรค
ที่มองว่าลุงตู่มีความเหมาะสมคนหนึ่งที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปได้ อย่างไม่รังเกียจอย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ
แม้แต่คนที่ทำงานร่วมกันกับลุงตู่ ยังมองว่า ลุงตู่มีความเหมาะสมที่จะได้เป็นนายกฯคนต่อไป ด้วยคุณสมบัติที่หาได้ยากในนักการเมืองทั้งหลาย คือมีความซื่อสัตย์ คิดดี ทำดี มีความมั่นคงเด็ดเดี่ยวในการทำงาน เพื่อประเทศชาติและประชาชน
อย่างเช่น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ผู้ซึ่งทำงานกับนายกฯทักษิณมาแล้ว ยังเมินพรรคเพื่อไทย เพราะทราบว่าที่ผ่านมาใครเป็นของจริงของปลอม ซึ่งท่านได้ประจักษ์แล้ว จนนักการเมืองเพื่อไทยทนไม่ได้ออกมาโจมตีนายสมคิด อย่างหนัก
พลังความดีของลุงตู่ที่ทำเพื่อชาติจึงเข้าตานักการเมืองที่ชอบความซื่อสัตย์ทั้งหลาย พลังสนับสนุนจึงมีมาให้นักการเมืองอีกฝ่ายต้องอิจฉา
เมื่อนักการเมืองเก่าๆ พรรคเก่าๆ เริ่มหมดมนต์ขลังพลังเสื่อมไปแล้ว ก็เหมือนต้นไม้ใหญ่ที่ไร้กิ่งก้านสาขา ไร้ใบเขียวชอุ่มให้อยู่อาศัย อยู่ไปก็ร้อนรุ่มไร้ความสุข จึงต้องผละออกมาหาที่ร่มเย็นสงบสุขอยู่อาศัย
อยู่กับคนคิดดีทำดี ซื่สัตย์ย่อมมีความสบายใจ
ใครอยากจะอยู่กับพรรคที่หัวหน้าหนีหาย ลูกน้องตายหมดล่ะคะ
หรือใครจะอยากอยู่กับพรรคที่รังเกียจเผด็จการที่ช่วยบ้านเมืองให้รอดปลอดภัย แต่ประชาธิปไตยช่วยอะไรบ้านเมืองไม่ได้ล่ะคะ
เรื่องก็เป็นเช่นนี้ค่ะ มิใช่พลังอะไรที่สร้างวาทกรรมกันทั้งนั้น
ก็แล้วทำไมพรรคการเมืองทั้งหลายไม่มัดใจคนของตัวเอาไว้ให้ได้ เพราะความเน่าเละเทะในพรรค หรือเพราะความเบื่อหน่ายที่เขาต้องจากไป
แล้วนี่ลุงตู่ดูดใครมาบ้างหรือยัง หรือเป็นแค่วาทกรรมโจมตีเพื่อดิสเครดิตให้คนดีๆต้องชอกช้ำเหมือนพวกตัวเองที่ผ่านมา
และสร้างความเชื่อเรื่องพลังดูดกันไปทำไม ในเมื่อบอกว่าไม่มีใครอยากจากพรรคไปไหน
สถานการณ์เช่นนี้ เราต้องรู้เท่าทันนักการเมืองที่ชอบเล่นการเมืองน้ำเน่าค่ะ
🍂~มาลาริน~พลังความซื่อสัตย์ คิดดี ทำดีของลุงตู่ ผิดกับพลังดูดส.ส.ที่นักการเมืองและสาวกของเขาพยายามบิดเบือนอย่างชัดเจน
เพราะขึ้นชื่อว่าเผด็จการ บางคนอาจร้องยี้ เพราะคิดว่ามันคืออำนาจที่กดขี่ข่มเหงประชาชน
แต่ในสถานการณ์ในประเทศไทยที่มีโรดแมปใกล้เลือกตั้งเข้ามาทุกที
ปรากฎการณ์ลุงตู่เป็นนายกต่อ....ได้เกิดขึ้นจากพรรคการเมือง และนักการเมืองหลายคนและหลายพรรค
ที่มองว่าลุงตู่มีความเหมาะสมคนหนึ่งที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปได้ อย่างไม่รังเกียจอย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ
แม้แต่คนที่ทำงานร่วมกันกับลุงตู่ ยังมองว่า ลุงตู่มีความเหมาะสมที่จะได้เป็นนายกฯคนต่อไป ด้วยคุณสมบัติที่หาได้ยากในนักการเมืองทั้งหลาย คือมีความซื่อสัตย์ คิดดี ทำดี มีความมั่นคงเด็ดเดี่ยวในการทำงาน เพื่อประเทศชาติและประชาชน
อย่างเช่น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ผู้ซึ่งทำงานกับนายกฯทักษิณมาแล้ว ยังเมินพรรคเพื่อไทย เพราะทราบว่าที่ผ่านมาใครเป็นของจริงของปลอม ซึ่งท่านได้ประจักษ์แล้ว จนนักการเมืองเพื่อไทยทนไม่ได้ออกมาโจมตีนายสมคิด อย่างหนัก
พลังความดีของลุงตู่ที่ทำเพื่อชาติจึงเข้าตานักการเมืองที่ชอบความซื่อสัตย์ทั้งหลาย พลังสนับสนุนจึงมีมาให้นักการเมืองอีกฝ่ายต้องอิจฉา
เมื่อนักการเมืองเก่าๆ พรรคเก่าๆ เริ่มหมดมนต์ขลังพลังเสื่อมไปแล้ว ก็เหมือนต้นไม้ใหญ่ที่ไร้กิ่งก้านสาขา ไร้ใบเขียวชอุ่มให้อยู่อาศัย อยู่ไปก็ร้อนรุ่มไร้ความสุข จึงต้องผละออกมาหาที่ร่มเย็นสงบสุขอยู่อาศัย
อยู่กับคนคิดดีทำดี ซื่สัตย์ย่อมมีความสบายใจ
ใครอยากจะอยู่กับพรรคที่หัวหน้าหนีหาย ลูกน้องตายหมดล่ะคะ
หรือใครจะอยากอยู่กับพรรคที่รังเกียจเผด็จการที่ช่วยบ้านเมืองให้รอดปลอดภัย แต่ประชาธิปไตยช่วยอะไรบ้านเมืองไม่ได้ล่ะคะ
เรื่องก็เป็นเช่นนี้ค่ะ มิใช่พลังอะไรที่สร้างวาทกรรมกันทั้งนั้น
ก็แล้วทำไมพรรคการเมืองทั้งหลายไม่มัดใจคนของตัวเอาไว้ให้ได้ เพราะความเน่าเละเทะในพรรค หรือเพราะความเบื่อหน่ายที่เขาต้องจากไป
แล้วนี่ลุงตู่ดูดใครมาบ้างหรือยัง หรือเป็นแค่วาทกรรมโจมตีเพื่อดิสเครดิตให้คนดีๆต้องชอกช้ำเหมือนพวกตัวเองที่ผ่านมา
และสร้างความเชื่อเรื่องพลังดูดกันไปทำไม ในเมื่อบอกว่าไม่มีใครอยากจากพรรคไปไหน
สถานการณ์เช่นนี้ เราต้องรู้เท่าทันนักการเมืองที่ชอบเล่นการเมืองน้ำเน่าค่ะ