สวัสดีค่าาาา ออกตัวก่อนว่านี่คือเป็นการเขียนรีวิวอย่างจริงจังครั้งแรก
ออกนอกประเทศครั้งแรก
และเที่ยวคนเดียวครั้งแรก (มือใหม่เว่อร์)
เป็นการเที่ยวแบบมั่วๆอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้น
อย่าเชื่อเรามากนะ 555555555

ลิสต์สถานที่เที่ยว 4 วัน 3 คืน
(ตามอารมณ์และสภาพอากาศ)
วันที่ 1 (ถึงที่พักที่ปีนังบ่ายสอง)
เดินเล่น Street Art ชิวๆ
chew jetty
CF Food Court
วันที่ 2
Penang Hill
(ก่อนไปปีนังฮิลล์ สามารถแวะเที่ยววัด kek lok si ก่อนได้นะ นั่งรถเมล์สายเดียวกัน แต่นี่ไม่ไป 555)
Penang Road Famous Teochew Chendul
เดินซื้อของฝาก
Chocolate and Coffee Museum
St. George's Anglican Church , Penang Town Hall, Penang City Hall
camera museum
(จากตรงนี้ไป Pinang Peranakan Mansion ได้)
asia camera museum
penang international street food
(ถ้าไม่มีเทศกาลอาหารอาจไปกินที่ Gurney drive ซึ่งเป็นตลาดโต้รุ่ง แต่ 4 ทุ่ม

ก็เก็บของละ)
วันที่ 3
เดินทางมาที่กัวลาลัมเปอร์
กินข้าวร้านอาหารที่ สถานีปุตราจายา
Putra Mosque
เช็คอินที่พัก
ขึ้นไปชมวิวชั้น 37
วันที่ 4
สระว่ายน้ำชั้น 37
PETRONAS Twin Towers
กลับไทย
>>การเดินทางจากกทม ไป ปีนัง
1. เครื่องบิน
2. รถไฟ (ขึ้นที่ กทม. หรือหาดใหญ่ก็ได้)
3. รถตู้จากหาดใหญ่
ตอนแรกคิดไว้ว่าจะไปรถไฟนอน ขึ้นที่สถานีกรุงเทพ ปลายทางที่ปาดังเปซาร์ฝั่งมาเลเซีย
(ซึ่งถ้าไปวิธีนี้ก็ต่อรถไฟฟ้าไปลงบัตเตอร์เวอร์ธแล้วนั่งเรือข้ามมาได้เลย)
แต่ทำไมคะ?? ตั๋วเต็มจ้าาาา
คือปกติรถไฟจะเปิดให้จองตั๋วประมาณ 60 วันก่อนวันเดินทาง หรืออาจเร็วกว่านั้น
แต่เราเข้าไปดูตอนช่วง 60 วันนี่แหละ ..เต็มละ
น้ำตาซึมกันไป
เลยเปลี่ยนแผนมาเป็นนั่งรถทัวร์ไปลงหาดใหญ่ (750 บาท)
แล้วไปต่อรถตู้ (เราไปของ kts travel <<
https://www.ksttravelthailand.com >> เที่ยวเดียว 450 ไปกลับ 800 เทศกาลมีอัพราคานาจา มีรอบ 9.30,12.30,15.30)
ซึ่งถ้าโรงแรมอยู่ในจอร์จทาวน์ รถตู้ก็จะไปส่งเราถึงหน้าที่พักเลย
เราขออนุญาตตั้งต้นที่หาดใหญ่เลยนะ
คือเราใช้วิธีจองและโอนเงินค่ารถตู้ไว้ก่อน (กลัวเต็ม)
ก่อนวันเดินทางพี่เขาจะโทรมาคอนเฟิร์ม
ไม่แน่ใจว่าปกติโทรมั้ย เพราะมีการเลื่อนรอบรถเป็น 8 โมงเช้า
เอาเป็นว่า ถ้าเขาไม่โทรมา เราก็โทรเลยนะจ้ะ เบอร์ตามในเว็บ
บอกพี่เขาไว้ว่าเราเดินทางไปหาดใหญ่ยังไง ถึงกี่โมง พี่เขาจะมารับ (ไม่ชัวร์ว่าคิดตังมั้ยนะ)
แต่ของเราหลังจากลงรถทัวร์ตอนเช้าแล้ว เราคิดไว้ว่าจะไปกินติ่มซำก่อน
พี่เขาเลยเสนอให้นั่งตุ๊กๆไปเอง ก็เออ เอาวะ
เจอชายหนุ่มสามคนกำลังจะไปสถานีรถไฟพอดี เลยขอติดไปด้วย ได้ราคา 50 บาท
ลงหน้าร้านโชคดีติ่มซำ (หรือโชคดีแต่เตี๊ยม) ช่วง 6 โมงนิดๆ ยังไม่ค่อยมีคนพอดี

ชิ้นใหญ่มากก ถาดละ 20 (มันเรียกเป็นถาดมั้ยอะ)
กินเสร็จก็เปิด google map เดินตามหา kts travel
ไปถึงเขาก็จะถามหาพาสปอร์ต แล้วคืนให้ตอนขึ้นรถตู้
นั่งมาจนถึงด่านไทย และมาเลย์
เราผู้ซึ่งไม่เคยพบเจอ ตม. มาก่อน รู้สึกกังวลในจุดนี้มาก
(กังวลกว่าเอาชีวิตรอดในมาเลย์อีก 555)
เพราะก็ไปอ่านเจอมาเยอะ ว่าผู้หญิงเดินทางคนเดียวมักจะมีปัญหา
(นี่ก็เตรียมปริ้นหลักฐานการจองที่พัก และตั๋วเครื่องบินไว้เรียบร้อยเลยจ้า)
เอาเข้าจริง ไม่แน่ใจว่าเพราะคนเยอะด้วยรึเปล่า แต่..
พี่ ตม. เขาก็แค่ดูหน้าเราอะ แล้วก็ปั๊มเลย ไม่สแกนนิ้วด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นก็มาสแกนกระเป๋าต่อ
(ทุกคนต้องเอาสัมภาระทุกอย่างลงจากรถมาสแกน)
ซึ่งจุดนี้วุ่นวายพอสมควรเนื่องจากประชากรเจ้าหน้าที่ ไม่เพียงพอต่อนักท่องเที่ยว
เราก็รีบสแกน รีบชิ่งออกมาเลย
หลังจากผ่านด่านมาแล้ว
สัญญาณอินเตอร์เน็ตของเราจะโดนตัด
แต่เนื่องจากเราซื้อ Sim2fly มาเตรียมไว้แล้ว
เลยเปลี่ยนบนรถ แล้วใช้เน็ตต่อได้เลย
(สัญญาณนางมีขาดหายบ้างบางช่วงนะ sim นี้)
นั่งมาซักพักเราก็จะผ่านสะพานปีนัง (ตื่นเต้น)
แต่ตรงกลางของสะพานมันมีรั้วกั้นเป็นช่วงๆ
ทำให้มองวิวไม่ถนัดเลย เสียจุย

พี่คนขับจะส่งเราที่หน้าโรงแรม ถ้าพักในจอร์จทาวน์
ส่งเราคนแรกเลย กว่าจะถึงก็เกือบบ่ายสอง (แต่ก็ช่วงเทศกาลอะเนาะ)
มาถึงก็เช้าไปเช็คอิน ปกติเช็คได้บ่ายสาม
แต่เราลองไปถามดูแล้ว เขาให้เช็ดได้เลย
เหนือสิ่งอื่นใดคืออึ้งกับสำเนียงสุด ฟังยากเว่อร์
จับใจความได้นิดหน่อยอะ แล้วก็มโนต่อเอง 5555
(ที่พักทำเลดีมากกกกก รีวิวไว้ด้านล่างนะ)
>>การเดินทางในปีนัง
1.เดิน (รถไม่ค่อยขวักไขว่มาก มีของให้เดินดูไปตลอดทาง)
2. รถเมล์ (ขึ้นประตูหน้า บอกจุดหมายปลายทางกับคนขับ
เขาก็จะบอกเราว่าเท่าไร ก็หยอดเงินไปตามนั้น ไม่มีการทอนเงินนะ แล้วก็ลงทางประตูหลัง)
3. Grab หลายๆคนใช้วิธีนี้เพราะสะดวก แล้วก็ถูกด้วย
4. แท็กซี่
เราใช้วิธีแค่เดินกับรถเมล์เท่านั้นจ้ะ แบบอื่นสบายไป ไม่ชอบ เราต้องบุกน้ำลุยไฟ 555
ด้านล่างนี้คือตารางดูว่ารถเมล์สายอะไรไปที่ไหนบ้าง
เราถ่ายมาจากท่ารถ เบี้ยวนิดนุง อดทนนะ //บีบมือ
เข้าใจว่าทุกสายในนี้จะตั้งต้นที่ท่ารถ แล้วแวะรับคนที่ Komtar

นี่อะไรไม่รู้ ไปแกะกันเอาเองนะ 5555

เราลองไปดูจุดขึ้นรถที่ Komtar แล้ว งงมาก
ชั้นเนี่ยงงมากก ดูไม่รู้เรื่องเอง ฮือออ
เลยคิดว่าเราขึ้นที่ต้นสายละกัน ใกล้ที่พักด้วย
และนี่.. คืออู่รถที่ว่า

ถ่ายมาแค่นี้ เผื่อว่ากลับไม่ถูก จะได้เอารูปโชว์ว่า เนี่ย จะไปที่นี่ 555555
***ปีนังมีสถานที่เที่ยวเยอะมาก บางที่ไม่ใช่แนวเราเราก็ไม่ได้ไปนะ
แนะนำให้ทุกคนไปลองหารีวิวดู ว่าอยากไปที่ไหนบ้าง
แล้วสร้างเป็น my map ใน Google map ไว้
จะได้เห็นภาพว่าที่ไหนไกลกันบ้างจะได้วางแผนถูกนะ
นี่ my map ที่ปีนังของเรา

ช่วยจัดกลุ่มสถานที่ตั่งต่างได้เยอะเลย
แถมช่วยให้เก็บสถานที่ที่อยากไปได้ครบไม่ตกหล่นด้วย
ปีนัง
เราได้ยินชื่อเมืองนี้มานานมากกกแล้ว ว่าเป็นถิ่นคนอาร์ต ฮิปสเตอร์ บลาๆๆๆ
พอได้มาจริงๆ รู้สึกว่า เออ ก็สมชื่อ 5555
แต่ไม่ได้แบบแค่เป็นสถานที่ที่ถ่ายรูปสวยเท่านั้นนะ
เราว่ามันเป็นเมืองที่มีสเน่ห์อะ ดูอยู่ง่าย เที่ยวง่าย สบายๆ
ทั้งการเดินทางสะดวก อาหารการกินเยอะ(นี่สำคัญมาก) ค่าครองชีพไม่แพง
ไม่ไกลจากไทยมาก มีปัญหาปุ๊บกุกลับปั๊บเลยไรงี้ (แต่ไม่มีปัญหาอะไรเลยนะ ดีงามทุกสิ่ง)

รูปอาจจะเบี้ยวหรือมืดไปบ้าง ต้องอภัยให้เรานะ เราแต่งไม่ไหวแล้ว 55
Street Art
กระจายอยู่ทั่วๆไปตามแผนที่ข้างล่าง (รู้สึกตามร้านอาหารก็จะมีแจกฟรีอยู่)
ถ้าอึดๆหน่อยก็เดินเก็บไปเรื่อยๆได้

คือสำหรับเรา (เก็บไม่หมด 55555) พอได้ดูด้วยตาตัวเอง
ด้วยบรรยากาศ ด้วยผนังรอบๆ มันทำให้รูปดูสวยมากขึ้นไปอีก

ชอบรูปนี้ม๊ากกกกกก

Chew Jetty
หมู่บ้านชาวประมง นี่ก็อยู่แถวๆที่พักเราเหมือนกัน
จริงๆก็ไม่ค่อยมีอะไรมากนะ สำหรับเรา ก็มีชาวบ้านมาขายของริมทางเดิน
พอถึงสุดทางก็จะเป็นทะเล แบบที่เห็น
เหมาะจะมานั่งรับลมดีเหมือนกัน
จริงๆแล้วจากที่สืบมานั้น ที่นีมีของเด็ดดังอยู่นั่นก็คือ พัฟทุเรียน
แต่.. หาเจ้าที่เขาว่าดังไม่เจอเจ้าค่ะ อดแหลกกันไป

ด้านล่างคือรูปที่เราเดินไปท่ารถแล้วสังเกตุเห็นว่าเอ้า นี่มันก็ท่าเรืออยู่ติดกันนี่นา
เลยเดินสำรวจซะหน่อย (เผื่อรอบหน้ามาเรือ 555)
จะมองเห็น chew jetty อยู่ไม่ไกล (ก็มันห่างกันนิดเดียวไง) ได้วิวสวยๆไปอีกแบบ

CF Food Court
ศูนย์อาหารฝั่งตรงข้าม chew jetty และห่างจากที่พักเราไปแค่ซอยเดียว
อาหารเยอะมากก มีข้าวขาหมูด้วยนะ 5555
แต่เราเลือกเป็นเมนูที่ดังๆของปีนัง ได้แก่ แท่นแท้นน หลักซา และ เคอรรี่หมี่จ้ะ
จานละ 5 RM

หลักซา เหมือนเอาเส้นสปาเกตตี้ไปแช่ในน้ำยาขนมจีน แล้วใส่ปลากระป๋อง ใส่ผัก ใส่หลายสิ่ง รสชาติแปลกมากกก แต่นี่ก็ว่าอร่อยดีนะ

เคอรี่หมี่นี่คืออาหารที่ไม่ต้องปรับตัวสุดละ เหมือนอาหารไทยเลย
กินๆไปแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก
และแล้วก็มาถึง.. สิ่งที่เราภาคภูมิใจที่จะเสนอ 5555
Jetty lok lok ฝั่งตรงข้าม CF Food Court
ตอนเราเจอร้านนี้คือ อิ่มจากหลักซามาประมาณนึงแล้ว
จึงคิดว่า รอพรุ่งนี้มะแก มื้อเย็นกินเยอะไม่ดี (หรา 5555)
เลยกลับเข้าที่พัก แล้วออกมาใหม่ตอน 3 ทุ่ม (ทนความหิวไม่ไหวไง นึกออกมะ)

วิธีกินคือบริการตัวเอง อยากกินไม้ไหนก็หยิบไปต้มในหม้อ สุกแล้วราดน้ำจิ้มตามชอบ
แล้วก็ยืนกินตรงนั้นแหละ แต่เก็บไม้ไว้ให้เขาคิดตังด้วยนะ ราคาตามสีที่ปลายไม้

นี่คือเซตทดลอง หลังจากพบว่ามันอร่อยปุ๊บก็ยาวไปเลยจ้าาา
จะบอกว่า ไอที่เหมือนลูกชิ้นสีขาวๆบนสุด กับน้ำจิ้มช่องขวาบน และขวาล่างคือเข้ากันมากกก
อย่างที่สุด จริง ถึงกับอยากขอซื้อเฟรนไชน์มาเปิดที่ไทย
พูดถึงละอยากกินอีก ฮืออออ
Penang Hill
เช้าวันต่อมา เราออกจากที่พักตั้งแต่ 7.30
เพราะดูพยากรณ์อากาศแล้วตอนบ่ายมีโอกาสที่ฝนจะตกยาววว
เปิดประตูมาปุ๊บ เจอสาย 204 จอดหน้าที่พักพอดีเลย
ตั๋วเกร๋เว่อร์ รถเมล์ก็ใหม่น่านั่งมากๆ
เรานั่งชิลๆมองวิวข้างทางได้แบบไม่ต้องพะวงอะไรเลยเพราะลงสุดสาย 555

นั่งมาเรื่อยๆจะเจอวัด Kek Lok Si ด้านซ้ายมือ
เห็นอยู่ไกลๆดูใหญ่โต น่าเที่ยวดีเหมือนกัน
แต่เราคิดมาแล้วว่าจะไม่แวะ เลยได้แต่แอบถ่ายรูปมาเงียบๆ
ถ้าใครอยากเที่ยวก็ลงได้เลย เที่ยวเสร็จก็มารอรถที่เดิม ไป Penang hill ต่อ

นั่งมาอีกแปบเดียวก็ถึง Penang Hill ละ เราก็เดินเข้ามา ตามๆชาวบ้านเขาไป
**ครบ 10,000 ตัวอักษรแล้วว เดี๋ยวมาต่อค่า
ปีนัง กัวลาลัมเปอร์ ผู้หญิง(เบล่อๆ)คนเดียว ก็เที่ยวได้
ออกนอกประเทศครั้งแรก
และเที่ยวคนเดียวครั้งแรก (มือใหม่เว่อร์)
เป็นการเที่ยวแบบมั่วๆอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้น
อย่าเชื่อเรามากนะ 555555555
ลิสต์สถานที่เที่ยว 4 วัน 3 คืน
(ตามอารมณ์และสภาพอากาศ)
วันที่ 1 (ถึงที่พักที่ปีนังบ่ายสอง)
เดินเล่น Street Art ชิวๆ
chew jetty
CF Food Court
วันที่ 2
Penang Hill
(ก่อนไปปีนังฮิลล์ สามารถแวะเที่ยววัด kek lok si ก่อนได้นะ นั่งรถเมล์สายเดียวกัน แต่นี่ไม่ไป 555)
Penang Road Famous Teochew Chendul
เดินซื้อของฝาก
Chocolate and Coffee Museum
St. George's Anglican Church , Penang Town Hall, Penang City Hall
camera museum
(จากตรงนี้ไป Pinang Peranakan Mansion ได้)
asia camera museum
penang international street food
(ถ้าไม่มีเทศกาลอาหารอาจไปกินที่ Gurney drive ซึ่งเป็นตลาดโต้รุ่ง แต่ 4 ทุ่ม
วันที่ 3
เดินทางมาที่กัวลาลัมเปอร์
กินข้าวร้านอาหารที่ สถานีปุตราจายา
Putra Mosque
เช็คอินที่พัก
ขึ้นไปชมวิวชั้น 37
วันที่ 4
สระว่ายน้ำชั้น 37
PETRONAS Twin Towers
กลับไทย
>>การเดินทางจากกทม ไป ปีนัง
1. เครื่องบิน
2. รถไฟ (ขึ้นที่ กทม. หรือหาดใหญ่ก็ได้)
3. รถตู้จากหาดใหญ่
ตอนแรกคิดไว้ว่าจะไปรถไฟนอน ขึ้นที่สถานีกรุงเทพ ปลายทางที่ปาดังเปซาร์ฝั่งมาเลเซีย
(ซึ่งถ้าไปวิธีนี้ก็ต่อรถไฟฟ้าไปลงบัตเตอร์เวอร์ธแล้วนั่งเรือข้ามมาได้เลย)
แต่ทำไมคะ?? ตั๋วเต็มจ้าาาา
คือปกติรถไฟจะเปิดให้จองตั๋วประมาณ 60 วันก่อนวันเดินทาง หรืออาจเร็วกว่านั้น
แต่เราเข้าไปดูตอนช่วง 60 วันนี่แหละ ..เต็มละ
น้ำตาซึมกันไป
เลยเปลี่ยนแผนมาเป็นนั่งรถทัวร์ไปลงหาดใหญ่ (750 บาท)
แล้วไปต่อรถตู้ (เราไปของ kts travel << https://www.ksttravelthailand.com >> เที่ยวเดียว 450 ไปกลับ 800 เทศกาลมีอัพราคานาจา มีรอบ 9.30,12.30,15.30)
ซึ่งถ้าโรงแรมอยู่ในจอร์จทาวน์ รถตู้ก็จะไปส่งเราถึงหน้าที่พักเลย
เราขออนุญาตตั้งต้นที่หาดใหญ่เลยนะ
คือเราใช้วิธีจองและโอนเงินค่ารถตู้ไว้ก่อน (กลัวเต็ม)
ก่อนวันเดินทางพี่เขาจะโทรมาคอนเฟิร์ม
ไม่แน่ใจว่าปกติโทรมั้ย เพราะมีการเลื่อนรอบรถเป็น 8 โมงเช้า
เอาเป็นว่า ถ้าเขาไม่โทรมา เราก็โทรเลยนะจ้ะ เบอร์ตามในเว็บ
บอกพี่เขาไว้ว่าเราเดินทางไปหาดใหญ่ยังไง ถึงกี่โมง พี่เขาจะมารับ (ไม่ชัวร์ว่าคิดตังมั้ยนะ)
แต่ของเราหลังจากลงรถทัวร์ตอนเช้าแล้ว เราคิดไว้ว่าจะไปกินติ่มซำก่อน
พี่เขาเลยเสนอให้นั่งตุ๊กๆไปเอง ก็เออ เอาวะ
เจอชายหนุ่มสามคนกำลังจะไปสถานีรถไฟพอดี เลยขอติดไปด้วย ได้ราคา 50 บาท
ลงหน้าร้านโชคดีติ่มซำ (หรือโชคดีแต่เตี๊ยม) ช่วง 6 โมงนิดๆ ยังไม่ค่อยมีคนพอดี
ชิ้นใหญ่มากก ถาดละ 20 (มันเรียกเป็นถาดมั้ยอะ)
กินเสร็จก็เปิด google map เดินตามหา kts travel
ไปถึงเขาก็จะถามหาพาสปอร์ต แล้วคืนให้ตอนขึ้นรถตู้
นั่งมาจนถึงด่านไทย และมาเลย์
เราผู้ซึ่งไม่เคยพบเจอ ตม. มาก่อน รู้สึกกังวลในจุดนี้มาก
(กังวลกว่าเอาชีวิตรอดในมาเลย์อีก 555)
เพราะก็ไปอ่านเจอมาเยอะ ว่าผู้หญิงเดินทางคนเดียวมักจะมีปัญหา
(นี่ก็เตรียมปริ้นหลักฐานการจองที่พัก และตั๋วเครื่องบินไว้เรียบร้อยเลยจ้า)
เอาเข้าจริง ไม่แน่ใจว่าเพราะคนเยอะด้วยรึเปล่า แต่..
พี่ ตม. เขาก็แค่ดูหน้าเราอะ แล้วก็ปั๊มเลย ไม่สแกนนิ้วด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นก็มาสแกนกระเป๋าต่อ
(ทุกคนต้องเอาสัมภาระทุกอย่างลงจากรถมาสแกน)
ซึ่งจุดนี้วุ่นวายพอสมควรเนื่องจากประชากรเจ้าหน้าที่ ไม่เพียงพอต่อนักท่องเที่ยว
เราก็รีบสแกน รีบชิ่งออกมาเลย
หลังจากผ่านด่านมาแล้ว
สัญญาณอินเตอร์เน็ตของเราจะโดนตัด
แต่เนื่องจากเราซื้อ Sim2fly มาเตรียมไว้แล้ว
เลยเปลี่ยนบนรถ แล้วใช้เน็ตต่อได้เลย
(สัญญาณนางมีขาดหายบ้างบางช่วงนะ sim นี้)
นั่งมาซักพักเราก็จะผ่านสะพานปีนัง (ตื่นเต้น)
แต่ตรงกลางของสะพานมันมีรั้วกั้นเป็นช่วงๆ
ทำให้มองวิวไม่ถนัดเลย เสียจุย
พี่คนขับจะส่งเราที่หน้าโรงแรม ถ้าพักในจอร์จทาวน์
ส่งเราคนแรกเลย กว่าจะถึงก็เกือบบ่ายสอง (แต่ก็ช่วงเทศกาลอะเนาะ)
มาถึงก็เช้าไปเช็คอิน ปกติเช็คได้บ่ายสาม
แต่เราลองไปถามดูแล้ว เขาให้เช็ดได้เลย
เหนือสิ่งอื่นใดคืออึ้งกับสำเนียงสุด ฟังยากเว่อร์
จับใจความได้นิดหน่อยอะ แล้วก็มโนต่อเอง 5555
(ที่พักทำเลดีมากกกกก รีวิวไว้ด้านล่างนะ)
>>การเดินทางในปีนัง
1.เดิน (รถไม่ค่อยขวักไขว่มาก มีของให้เดินดูไปตลอดทาง)
2. รถเมล์ (ขึ้นประตูหน้า บอกจุดหมายปลายทางกับคนขับ
เขาก็จะบอกเราว่าเท่าไร ก็หยอดเงินไปตามนั้น ไม่มีการทอนเงินนะ แล้วก็ลงทางประตูหลัง)
3. Grab หลายๆคนใช้วิธีนี้เพราะสะดวก แล้วก็ถูกด้วย
4. แท็กซี่
เราใช้วิธีแค่เดินกับรถเมล์เท่านั้นจ้ะ แบบอื่นสบายไป ไม่ชอบ เราต้องบุกน้ำลุยไฟ 555
ด้านล่างนี้คือตารางดูว่ารถเมล์สายอะไรไปที่ไหนบ้าง
เราถ่ายมาจากท่ารถ เบี้ยวนิดนุง อดทนนะ //บีบมือ
เข้าใจว่าทุกสายในนี้จะตั้งต้นที่ท่ารถ แล้วแวะรับคนที่ Komtar
นี่อะไรไม่รู้ ไปแกะกันเอาเองนะ 5555
เราลองไปดูจุดขึ้นรถที่ Komtar แล้ว งงมาก
ชั้นเนี่ยงงมากก ดูไม่รู้เรื่องเอง ฮือออ
เลยคิดว่าเราขึ้นที่ต้นสายละกัน ใกล้ที่พักด้วย
และนี่.. คืออู่รถที่ว่า
ถ่ายมาแค่นี้ เผื่อว่ากลับไม่ถูก จะได้เอารูปโชว์ว่า เนี่ย จะไปที่นี่ 555555
***ปีนังมีสถานที่เที่ยวเยอะมาก บางที่ไม่ใช่แนวเราเราก็ไม่ได้ไปนะ
แนะนำให้ทุกคนไปลองหารีวิวดู ว่าอยากไปที่ไหนบ้าง
แล้วสร้างเป็น my map ใน Google map ไว้
จะได้เห็นภาพว่าที่ไหนไกลกันบ้างจะได้วางแผนถูกนะ
นี่ my map ที่ปีนังของเรา
ช่วยจัดกลุ่มสถานที่ตั่งต่างได้เยอะเลย
แถมช่วยให้เก็บสถานที่ที่อยากไปได้ครบไม่ตกหล่นด้วย
ปีนัง
เราได้ยินชื่อเมืองนี้มานานมากกกแล้ว ว่าเป็นถิ่นคนอาร์ต ฮิปสเตอร์ บลาๆๆๆ
พอได้มาจริงๆ รู้สึกว่า เออ ก็สมชื่อ 5555
แต่ไม่ได้แบบแค่เป็นสถานที่ที่ถ่ายรูปสวยเท่านั้นนะ
เราว่ามันเป็นเมืองที่มีสเน่ห์อะ ดูอยู่ง่าย เที่ยวง่าย สบายๆ
ทั้งการเดินทางสะดวก อาหารการกินเยอะ(นี่สำคัญมาก) ค่าครองชีพไม่แพง
ไม่ไกลจากไทยมาก มีปัญหาปุ๊บกุกลับปั๊บเลยไรงี้ (แต่ไม่มีปัญหาอะไรเลยนะ ดีงามทุกสิ่ง)
รูปอาจจะเบี้ยวหรือมืดไปบ้าง ต้องอภัยให้เรานะ เราแต่งไม่ไหวแล้ว 55
Street Art
กระจายอยู่ทั่วๆไปตามแผนที่ข้างล่าง (รู้สึกตามร้านอาหารก็จะมีแจกฟรีอยู่)
ถ้าอึดๆหน่อยก็เดินเก็บไปเรื่อยๆได้
คือสำหรับเรา (เก็บไม่หมด 55555) พอได้ดูด้วยตาตัวเอง
ด้วยบรรยากาศ ด้วยผนังรอบๆ มันทำให้รูปดูสวยมากขึ้นไปอีก
ชอบรูปนี้ม๊ากกกกกก
Chew Jetty
หมู่บ้านชาวประมง นี่ก็อยู่แถวๆที่พักเราเหมือนกัน
จริงๆก็ไม่ค่อยมีอะไรมากนะ สำหรับเรา ก็มีชาวบ้านมาขายของริมทางเดิน
พอถึงสุดทางก็จะเป็นทะเล แบบที่เห็น
เหมาะจะมานั่งรับลมดีเหมือนกัน
จริงๆแล้วจากที่สืบมานั้น ที่นีมีของเด็ดดังอยู่นั่นก็คือ พัฟทุเรียน
แต่.. หาเจ้าที่เขาว่าดังไม่เจอเจ้าค่ะ อดแหลกกันไป
ด้านล่างคือรูปที่เราเดินไปท่ารถแล้วสังเกตุเห็นว่าเอ้า นี่มันก็ท่าเรืออยู่ติดกันนี่นา
เลยเดินสำรวจซะหน่อย (เผื่อรอบหน้ามาเรือ 555)
จะมองเห็น chew jetty อยู่ไม่ไกล (ก็มันห่างกันนิดเดียวไง) ได้วิวสวยๆไปอีกแบบ
CF Food Court
ศูนย์อาหารฝั่งตรงข้าม chew jetty และห่างจากที่พักเราไปแค่ซอยเดียว
อาหารเยอะมากก มีข้าวขาหมูด้วยนะ 5555
แต่เราเลือกเป็นเมนูที่ดังๆของปีนัง ได้แก่ แท่นแท้นน หลักซา และ เคอรรี่หมี่จ้ะ
จานละ 5 RM
หลักซา เหมือนเอาเส้นสปาเกตตี้ไปแช่ในน้ำยาขนมจีน แล้วใส่ปลากระป๋อง ใส่ผัก ใส่หลายสิ่ง รสชาติแปลกมากกก แต่นี่ก็ว่าอร่อยดีนะ
เคอรี่หมี่นี่คืออาหารที่ไม่ต้องปรับตัวสุดละ เหมือนอาหารไทยเลย
กินๆไปแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก
และแล้วก็มาถึง.. สิ่งที่เราภาคภูมิใจที่จะเสนอ 5555
Jetty lok lok ฝั่งตรงข้าม CF Food Court
ตอนเราเจอร้านนี้คือ อิ่มจากหลักซามาประมาณนึงแล้ว
จึงคิดว่า รอพรุ่งนี้มะแก มื้อเย็นกินเยอะไม่ดี (หรา 5555)
เลยกลับเข้าที่พัก แล้วออกมาใหม่ตอน 3 ทุ่ม (ทนความหิวไม่ไหวไง นึกออกมะ)
วิธีกินคือบริการตัวเอง อยากกินไม้ไหนก็หยิบไปต้มในหม้อ สุกแล้วราดน้ำจิ้มตามชอบ
แล้วก็ยืนกินตรงนั้นแหละ แต่เก็บไม้ไว้ให้เขาคิดตังด้วยนะ ราคาตามสีที่ปลายไม้
นี่คือเซตทดลอง หลังจากพบว่ามันอร่อยปุ๊บก็ยาวไปเลยจ้าาา
จะบอกว่า ไอที่เหมือนลูกชิ้นสีขาวๆบนสุด กับน้ำจิ้มช่องขวาบน และขวาล่างคือเข้ากันมากกก
อย่างที่สุด จริง ถึงกับอยากขอซื้อเฟรนไชน์มาเปิดที่ไทย
พูดถึงละอยากกินอีก ฮืออออ
Penang Hill
เช้าวันต่อมา เราออกจากที่พักตั้งแต่ 7.30
เพราะดูพยากรณ์อากาศแล้วตอนบ่ายมีโอกาสที่ฝนจะตกยาววว
เปิดประตูมาปุ๊บ เจอสาย 204 จอดหน้าที่พักพอดีเลย
ตั๋วเกร๋เว่อร์ รถเมล์ก็ใหม่น่านั่งมากๆ
เรานั่งชิลๆมองวิวข้างทางได้แบบไม่ต้องพะวงอะไรเลยเพราะลงสุดสาย 555
นั่งมาเรื่อยๆจะเจอวัด Kek Lok Si ด้านซ้ายมือ
เห็นอยู่ไกลๆดูใหญ่โต น่าเที่ยวดีเหมือนกัน
แต่เราคิดมาแล้วว่าจะไม่แวะ เลยได้แต่แอบถ่ายรูปมาเงียบๆ
ถ้าใครอยากเที่ยวก็ลงได้เลย เที่ยวเสร็จก็มารอรถที่เดิม ไป Penang hill ต่อ
นั่งมาอีกแปบเดียวก็ถึง Penang Hill ละ เราก็เดินเข้ามา ตามๆชาวบ้านเขาไป
**ครบ 10,000 ตัวอักษรแล้วว เดี๋ยวมาต่อค่า