ปัจจุบัน แม้ชาวมลายูทั้งในไทยหรือมาเลเซีย ต่างนับถือศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัด มีวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับโลกอาหรับ-เปอร์เซีย-อินเดีย ค่อนข้างมาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ครั้งหนึ่งชาวมลายูเอง ก็เคยนับถือศาสนาฮินดู และ พระพุทธศาสนา ก่อนที่จะมานับถือศาสนาอิสลามกันอย่างในปัจจุบันนี้ อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์ในเวลาต่อมาช่วงคาบเกี่ยวระหว่างพุทธกับอิสลาม ค่อนข้างมืดมนสำหรับชาวมลายู ชาวมลายูน้อยคนนักที่จะยอมรับว่า บรรพบุรุษของตน เคยเป็นชาวพุทธมาก่อน เคยมีอาณาจักรพุทธมาก่อน ประวัติศาสตร์ช่วงนี้ ว่ากันว่า ทำให้วัฒนธรรมชาวมลายูดั้งเดิมหลายๆอย่างสูญหายไปจนหมดสิ้น
วิวัฒนาการการแต่งตัวของชาวมลายูตั้งแต่ยุคโบราณ
ชนชาติมลายูโบราณ เชื่อว่าน่าจะเข้ามาในคาบสมุทรมลายูตั้งแต่ช่วงอาณาจักรศรีวิชัย ซึ่งมีศูนย์กลางอยู๋ในเกาะสุมาตรามาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 7 แต่ก่อนหน้านี้ คาบสมุทรมลายูมีชาวอัสลี เข้ามาอยู่หลายพันปีแล้ว โดยชาวมลายูได้สร้างอาณาจักรขึ้นที่แรก ณ หุบเขาบูจัง ตามมาด้วยการสร้างอาณาจักรลังกาสุกะ ณ ดินแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือของหุบเขาบูจัง หรือ จังหวัดปัตตานีในปัจจุบัน ดังนั้นจึงสันนิษฐานกันว่า ชาวมลายูในคาบสมุทรมลายูปัจจุบัน มีบรรพบุรุษมาจากเกาะสุมาตราเกือบทั้งสิ้น
.
หลวงจีนอี้จิง เคยกล่าวถึงพระพุทธศาสนาเมื่อครั้งยังรุ่งเรืองในดินแดนแถบนี้ไว้ว่า "บรรดาเหล่ากษัตริย์ในหมู่เกาะมหาสมุทรใต้นี้ ต่างเลื่อมใสศรัทธาพระพุทธศาสนา และประพฤติพระองค์อยู่ในสุจริตธรรม ในเมืองป้อมปราการโภคา (ปาเล็มบัง) มีพระภิกษุสงฆ์ถึง 1,000 กว่ารูป ซึ่งได้ตั้งมั่นที่จะศึกษาและประพฤติดีประพฤติชอบ พวกท่านล้วนเสาะหาศึกษาทุกวิชากระบวนความมาเช่นเดียวกับที่มีในอาณาจักรมัธยประเทศ (อินเดีย) แม้องค์กษัตริย์และพิธีกรรมต่างๆก็มิได้ต่างกัน หากนักบวชจีนต้องการที่จะไปทิศตะวันตกเพื่อได้ยินได้เห็นนั้น ควรจะต้องอยู่ที่สัก 2 ปี และปฏิบัติธรรมให้เคร่งครัด แล้วจึงไปยังมัธยประเทศได้" (สำหรับบันทึกของหลวงจีนอี้จิง จะมีแปลและเขียนในเร็วๆนี้เพื่อต่อยอดกระทู้นี้ครับ)
.
ภายหลังการล่มสลายของอาณาจักรศรีวิชัย นครรัฐในคาบสมุทรมลายูในเวลานั้น มีเพียงแค่เมืองกาดารัม (รัฐเกดะห์ในปัจจุบัน) และ เมืองปัตตานี เท่านั้น เชื่อกันว่า คาบสมุทรมลายูในอดีต รวมถึงทางภาคใต้ เคยนับถือพระพุทธศาสนาแบบมหายาน ควบคู่ไปกับการนับถือศาสนาฮินดู และยังมีความเชื่อมโยงกับอาณาจักรโจฬะ และวัฒนธรรมอินเดีย
กลุ่มพ่อค้าอาหรับผู้ซึ่งนำศาสนาอิสลามเข้ามาสู่ชาวมลายู
.
ตามตำนานมะโรงมหาวงศ์ หรือ ฮิกายัต เมอะโรง มหาวังสะ กล่าวว่า กาดารัมสถาปนาโดยมะโรงมหาวงศ์ ผู้สืบเชื้อสายจากพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ซึ่งเป็นชาวฮินดู (หรืออินเดีย) ล่องเรือมาจากกรุงโรมเพื่อจะค้าขายกับจีน แต่เรือถูกพญาครุฑยักษ์ทำลายจนหมดสิ้น ทำให้ต้องระหกระเหินไปที่หุบเขาบูจัง และสถาปนาเมืองกาดารัมที่นั้น ภายหลังได้ทรงสละราชสมบัติให้มะโรงมหาโพธิสัตว์ และเสด็จกลับกรุงโรม แต่เชื่อกันว่าพระองค์สิ้นพระชนม์กลางทาง ภายหลังได้มีการสืบต่อหลายๆรุ่นจนกระทั่งถึงพระองค์มหาวงศ์ หรือ ดุรบาราชาที่ 2 ซึ่งได้เข้ารีตเป็นอิสลามพร้อมทรงเปลี่ยนพระนามเป็น สุลต่าน มุดซาฟา ชาห์ และเป็นจุดเริ่มต้นของรัฐสุลต่านเกดะห์ตั้งแต่นั้น ตั้งแต่ศตวรรษที่ 12
.
ส่วนฝั่งตะวันออก หรือรัฐปัตตานี ได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามในศตวรรษที่ 15 เชื่อว่าเปลี่ยนมานับถือเมื่อได้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐสุลต่านมะละกา ก่อนที่จะถูกราชวงศ์กลันตันยึดครองไป และมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมาก อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา ปัตตานีพยายามแยกตัวเป็นอิสระจากอังกฤษและสยาม จึงได้ถูกล้มล้างไปในที่สุด ส่วนกลันตันสามารถรักษาความสัมพันธ์กับเจ้าประเทศราชและเจ้าอาณานิคมได้ จึงสามารถรอดพ้นมาจนถึงวันนี้
.
ส่วนอาณาจักรในเกาะชวา แม้จะได้รับวัฒนธรรมอิสลามมา แต่ก็นำมาใช้เพียงไม่กี่กฎบัญญัตินัก โดยยังมีการบูชาผีสางเทวดาอยู่เช่นเดียว ซึ่งดูจะแตกต่างกับอิสลามในที่อื่น เพราะไม่ค่อยรับวัฒนธรรมอิสลามมากมายเท่าใด ทำให้ยังมีโบราณสถาน มีวัฒนธรรม และประเพณีต่างๆได้อย่างแทบจะครบถ้วน ส่วนในคาบสมุทรมลายู เชื่อกันว่าการเข้ามาของศาสนาอิสลามทำให้มีการละทิ้งความเชื่อเดิม โดยการทำลายวัตถุ ศาสนสถานต่างๆ ที่ขัดแย้งกับความเชื่อของอิสลามไปเกือบหมดสิ้น ทำให้แทบไม่เหลือร่องรอยใดๆมากนัก เนื่องจากหากแทบกับในเกาะสุมาตราหรือชวาแล้ว มลายูในแหลมอินโดจีนที่อยู่กันก่อนศาสนาอิสลาม มีเพียงแค่เกดะห์กับปัตตานีเท่านั้น
การไหว้ของชาวมลายู (Sembah) ซึ่งไหว้เฉพาะผู้เป็นกษัตริย์และองค์มกุฎราชกุมารเท่านั้น
ในเวลาต่อมา การสถาปนาอาณาจักรมะละกา และ การล่มสลาย ทำให้เกิดอาณาจักรน้อยใหญ่ตามมาและเกิดเป็นรัฐสุลต่าน 9 รัฐในปัจจุบัน โดยมีที่มาที่ไปตั้งต่อไปนี้
.
-รัฐยะโฮร์ ก่อตั้งขึ้นโดย สุลต่านอะลาอุดดิน เรียยัต ชาห์ ที่ 2 พระราชโอรสของสุลต่าน มาห์มุด ชาห์ สุลต่านองค์สุดท้ายของมะละกา ถือเป็นรัฐใหม่
-รัฐเกดะห์ ก่อตั้งขึ้นโดย สุลต่านมุดซัฟฟา ชาห์ โดยก่อตั้งก่อนการกำเนิดของมะละกา ถือเป็นรัฐโบราณ
-รัฐกลันตัน ก่อตั้งขึ้นโดย ราชา สัง ตาวาล โดยสืบเชื้อสายมาจากลังกาสุกะ โดยก่อตั้งก่อนการกำเนิดของมะละกา ถือเป็นรัฐโบราณ
-รัฐเนการี เซมบิลัน ก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มกษัตริย์มินังกาเบาที่อพยพมาจากเกาะสุมาตรา ถือเป็นรัฐใหม่
-รัฐปาหัง ก่อตั้งขึ้นโดยสุลต่านมุฮัมหมัด ชาห์ พระนัดดาของกษัตริย์องค์สุดท้ายของปาหังก่อนถูกมะละกายึดครอง ถือเป็นรัฐใหม่
-รัฐเปอะรัก ก่อตั้งขึ้นโดยสุลต่านมุซัฟฟาร์ ชาห์ พระราชโอรสอีกพระองค์ของสุลต่าน มาห์มุด ชาห์ สุลต่านองค์สุดท้ายของมะละกา ถือเป็นรัฐใหม่
-รัฐเปอะร์ลิส ก่อตั้งขึ้นโดยราชา ซัยยิด ยูโซฟ จามาลุลลาอิล โดยเป็นการแยกการปกครองจากเกดะห์ ถือเป็นรัฐใหม่
-รัฐเซอะลาโงร์ ก่อตั้งขึ้นโดยราชาซาลาฮุดดิน ชาวบูกิสจากสุลาเวสี โดยตอนแรกถูกเรียกมาเพื่อทำสงครามให้กับยะโฮร์ ถือเป็นรัฐใหม่
-รัฐตรังกานู ก่อตั้งขึ้นโดย ตุน ไซนัล อบิดิน พระอนุชาของสุลต่าน มาห์มุด ชาห์ สุลต่านองค์สุดท้ายของมะละกา ถือเป็นรัฐใหม่
.
เรื่องของรัฐกลันตันอาจจะสับสนหน่อย บ้างก็ว่าปัตตานีเป็นเมืองขึ้นกลันตัน บ้างก็ว่ากลันตันเป็นเมืองขึ้นปัตตานี ถ้าตรงนี้ใครสับสนก็ขออภัยครับ
วัฒนธรรมมลายูฮินดู-พุทธ : ความยิ่งใหญ่ที่สูญหายไป
ชนชาติมลายูโบราณ เชื่อว่าน่าจะเข้ามาในคาบสมุทรมลายูตั้งแต่ช่วงอาณาจักรศรีวิชัย ซึ่งมีศูนย์กลางอยู๋ในเกาะสุมาตรามาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 7 แต่ก่อนหน้านี้ คาบสมุทรมลายูมีชาวอัสลี เข้ามาอยู่หลายพันปีแล้ว โดยชาวมลายูได้สร้างอาณาจักรขึ้นที่แรก ณ หุบเขาบูจัง ตามมาด้วยการสร้างอาณาจักรลังกาสุกะ ณ ดินแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือของหุบเขาบูจัง หรือ จังหวัดปัตตานีในปัจจุบัน ดังนั้นจึงสันนิษฐานกันว่า ชาวมลายูในคาบสมุทรมลายูปัจจุบัน มีบรรพบุรุษมาจากเกาะสุมาตราเกือบทั้งสิ้น
.
หลวงจีนอี้จิง เคยกล่าวถึงพระพุทธศาสนาเมื่อครั้งยังรุ่งเรืองในดินแดนแถบนี้ไว้ว่า "บรรดาเหล่ากษัตริย์ในหมู่เกาะมหาสมุทรใต้นี้ ต่างเลื่อมใสศรัทธาพระพุทธศาสนา และประพฤติพระองค์อยู่ในสุจริตธรรม ในเมืองป้อมปราการโภคา (ปาเล็มบัง) มีพระภิกษุสงฆ์ถึง 1,000 กว่ารูป ซึ่งได้ตั้งมั่นที่จะศึกษาและประพฤติดีประพฤติชอบ พวกท่านล้วนเสาะหาศึกษาทุกวิชากระบวนความมาเช่นเดียวกับที่มีในอาณาจักรมัธยประเทศ (อินเดีย) แม้องค์กษัตริย์และพิธีกรรมต่างๆก็มิได้ต่างกัน หากนักบวชจีนต้องการที่จะไปทิศตะวันตกเพื่อได้ยินได้เห็นนั้น ควรจะต้องอยู่ที่สัก 2 ปี และปฏิบัติธรรมให้เคร่งครัด แล้วจึงไปยังมัธยประเทศได้" (สำหรับบันทึกของหลวงจีนอี้จิง จะมีแปลและเขียนในเร็วๆนี้เพื่อต่อยอดกระทู้นี้ครับ)
.
ภายหลังการล่มสลายของอาณาจักรศรีวิชัย นครรัฐในคาบสมุทรมลายูในเวลานั้น มีเพียงแค่เมืองกาดารัม (รัฐเกดะห์ในปัจจุบัน) และ เมืองปัตตานี เท่านั้น เชื่อกันว่า คาบสมุทรมลายูในอดีต รวมถึงทางภาคใต้ เคยนับถือพระพุทธศาสนาแบบมหายาน ควบคู่ไปกับการนับถือศาสนาฮินดู และยังมีความเชื่อมโยงกับอาณาจักรโจฬะ และวัฒนธรรมอินเดีย
.
ตามตำนานมะโรงมหาวงศ์ หรือ ฮิกายัต เมอะโรง มหาวังสะ กล่าวว่า กาดารัมสถาปนาโดยมะโรงมหาวงศ์ ผู้สืบเชื้อสายจากพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ซึ่งเป็นชาวฮินดู (หรืออินเดีย) ล่องเรือมาจากกรุงโรมเพื่อจะค้าขายกับจีน แต่เรือถูกพญาครุฑยักษ์ทำลายจนหมดสิ้น ทำให้ต้องระหกระเหินไปที่หุบเขาบูจัง และสถาปนาเมืองกาดารัมที่นั้น ภายหลังได้ทรงสละราชสมบัติให้มะโรงมหาโพธิสัตว์ และเสด็จกลับกรุงโรม แต่เชื่อกันว่าพระองค์สิ้นพระชนม์กลางทาง ภายหลังได้มีการสืบต่อหลายๆรุ่นจนกระทั่งถึงพระองค์มหาวงศ์ หรือ ดุรบาราชาที่ 2 ซึ่งได้เข้ารีตเป็นอิสลามพร้อมทรงเปลี่ยนพระนามเป็น สุลต่าน มุดซาฟา ชาห์ และเป็นจุดเริ่มต้นของรัฐสุลต่านเกดะห์ตั้งแต่นั้น ตั้งแต่ศตวรรษที่ 12
.
ส่วนฝั่งตะวันออก หรือรัฐปัตตานี ได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามในศตวรรษที่ 15 เชื่อว่าเปลี่ยนมานับถือเมื่อได้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐสุลต่านมะละกา ก่อนที่จะถูกราชวงศ์กลันตันยึดครองไป และมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมาก อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา ปัตตานีพยายามแยกตัวเป็นอิสระจากอังกฤษและสยาม จึงได้ถูกล้มล้างไปในที่สุด ส่วนกลันตันสามารถรักษาความสัมพันธ์กับเจ้าประเทศราชและเจ้าอาณานิคมได้ จึงสามารถรอดพ้นมาจนถึงวันนี้
.
ส่วนอาณาจักรในเกาะชวา แม้จะได้รับวัฒนธรรมอิสลามมา แต่ก็นำมาใช้เพียงไม่กี่กฎบัญญัตินัก โดยยังมีการบูชาผีสางเทวดาอยู่เช่นเดียว ซึ่งดูจะแตกต่างกับอิสลามในที่อื่น เพราะไม่ค่อยรับวัฒนธรรมอิสลามมากมายเท่าใด ทำให้ยังมีโบราณสถาน มีวัฒนธรรม และประเพณีต่างๆได้อย่างแทบจะครบถ้วน ส่วนในคาบสมุทรมลายู เชื่อกันว่าการเข้ามาของศาสนาอิสลามทำให้มีการละทิ้งความเชื่อเดิม โดยการทำลายวัตถุ ศาสนสถานต่างๆ ที่ขัดแย้งกับความเชื่อของอิสลามไปเกือบหมดสิ้น ทำให้แทบไม่เหลือร่องรอยใดๆมากนัก เนื่องจากหากแทบกับในเกาะสุมาตราหรือชวาแล้ว มลายูในแหลมอินโดจีนที่อยู่กันก่อนศาสนาอิสลาม มีเพียงแค่เกดะห์กับปัตตานีเท่านั้น
ในเวลาต่อมา การสถาปนาอาณาจักรมะละกา และ การล่มสลาย ทำให้เกิดอาณาจักรน้อยใหญ่ตามมาและเกิดเป็นรัฐสุลต่าน 9 รัฐในปัจจุบัน โดยมีที่มาที่ไปตั้งต่อไปนี้
.
-รัฐยะโฮร์ ก่อตั้งขึ้นโดย สุลต่านอะลาอุดดิน เรียยัต ชาห์ ที่ 2 พระราชโอรสของสุลต่าน มาห์มุด ชาห์ สุลต่านองค์สุดท้ายของมะละกา ถือเป็นรัฐใหม่
-รัฐเกดะห์ ก่อตั้งขึ้นโดย สุลต่านมุดซัฟฟา ชาห์ โดยก่อตั้งก่อนการกำเนิดของมะละกา ถือเป็นรัฐโบราณ
-รัฐกลันตัน ก่อตั้งขึ้นโดย ราชา สัง ตาวาล โดยสืบเชื้อสายมาจากลังกาสุกะ โดยก่อตั้งก่อนการกำเนิดของมะละกา ถือเป็นรัฐโบราณ
-รัฐเนการี เซมบิลัน ก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มกษัตริย์มินังกาเบาที่อพยพมาจากเกาะสุมาตรา ถือเป็นรัฐใหม่
-รัฐปาหัง ก่อตั้งขึ้นโดยสุลต่านมุฮัมหมัด ชาห์ พระนัดดาของกษัตริย์องค์สุดท้ายของปาหังก่อนถูกมะละกายึดครอง ถือเป็นรัฐใหม่
-รัฐเปอะรัก ก่อตั้งขึ้นโดยสุลต่านมุซัฟฟาร์ ชาห์ พระราชโอรสอีกพระองค์ของสุลต่าน มาห์มุด ชาห์ สุลต่านองค์สุดท้ายของมะละกา ถือเป็นรัฐใหม่
-รัฐเปอะร์ลิส ก่อตั้งขึ้นโดยราชา ซัยยิด ยูโซฟ จามาลุลลาอิล โดยเป็นการแยกการปกครองจากเกดะห์ ถือเป็นรัฐใหม่
-รัฐเซอะลาโงร์ ก่อตั้งขึ้นโดยราชาซาลาฮุดดิน ชาวบูกิสจากสุลาเวสี โดยตอนแรกถูกเรียกมาเพื่อทำสงครามให้กับยะโฮร์ ถือเป็นรัฐใหม่
-รัฐตรังกานู ก่อตั้งขึ้นโดย ตุน ไซนัล อบิดิน พระอนุชาของสุลต่าน มาห์มุด ชาห์ สุลต่านองค์สุดท้ายของมะละกา ถือเป็นรัฐใหม่
.
เรื่องของรัฐกลันตันอาจจะสับสนหน่อย บ้างก็ว่าปัตตานีเป็นเมืองขึ้นกลันตัน บ้างก็ว่ากลันตันเป็นเมืองขึ้นปัตตานี ถ้าตรงนี้ใครสับสนก็ขออภัยครับ