น้อง.พี่.ที่รัก (วิทยา ทองอยู่ยง, 2018) คะแนน C

By Form Corleone
"ความสัมพันธ์ระหว่างคนที่ให้เสมอกับคนที่รับเสมอ" น้อง.พี่.ที่รัก เล่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องที่ไม่ลงรอยกันอย่างสุดขั้ว รอยร้าวของความสัมพันธ์ที่หนังหยิบมานำเสนอดูน่าสนใจ และสามารถตอบสนองอารมณ์ของคนเป็นพี่และคนเป็นน้องได้ในชีวิตจริงระดับหนึ่ง แต่ข้อเสีย ของภาพยนตร์เรื่องนี้ คือมันตื้นเขินเกินไปที่จะทำให้เราเชื่อได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครในเรื่องเป็นพี่น้องกันได้จริง ด้วยน้ำหนักของหนังที่ดูเบาบางเกินจะเชื่อได้ว่าพี่น้องคู่นี้แท้จริงแล้วมีความรักให้ต่อกัน ตัวหนังเสียเวลาในการใส่มุกตลกมากเกินกว่าครึ่ง(พอเข้าใจและยอมรับได้...ทำใจ) และมาพร้อมด้วยฉากที่จงใจใส่แบบขอไปที จนดูไม่เป็นธรรมชาติและดูเป็นงานตัดแปะภาพเคลื่อนไหว ส่งผลให้หนังขาดความไหลลื่นแทบตลอดทั้งเรื่อง ทำให้ความสัมพันธ์ในช่วงเริ่มต้นของตัวละครไม่สามารถพาให้เราเข้าใจความรู้สึกของตัวละครได้โดยไม่ต้องอาศัยภาวการณ์ส่วนบุคคล(ความรู้สึกว่าเป็นพี่น้อง) หรือต้องเทียบเคียงชีวิตจริงกับตัวหนัง ทำให้ครึ่งหลังของการบิ้วท์อารมณ์ให้เราร่วมซึ้งไปกับความสัมพันธ์ของพี่น้องคู่นี้ ดูตื้นและฉาบฉวยเล่นท่าง่ายจนเกินไป ความรอดปลอดภัยและพอรับชมได้เพลินๆ ทั้งหมดจึงมาจากฝีมือของนักแสดงร่วมทุกคนที่ส่งอารมณ์กันได้ดีพร้อมมอบเสน่ห์น่ารักๆได้บรรลุวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะ 'ซันนี่ สุวรรณ เมธานนท์' คือนักแสดงที่แบกหนังทั้งเรื่องไว้ได้จริงๆ

โครงเรื่องของ 'น้อง.พี่.ที่รัก' มีปัญหาและชวนให้เรารู้สึกตลกขบขันในสถานการณ์ที่ไม่น่าขำ ยิ่งถ้ามองไปที่ความรักระหว่างตัวละครในรูปแบบความรักหนุ่ม-สาว คงจะเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าทั้งสองคนจะรักกันได้จริงๆ หรือรักกันได้เพราะอะไร? อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ที่หนังโฟกัสและเป็นแก่นเรื่องอย่างแน่นอน คือความสัมพันธ์ระหว่าง 'พี่-น้อง' ความสัมพันธ์รูปแบบนี้ทำให้เรานึกถึงหนังของ 'ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ' ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่จนแล้วจนรอด 'น้อง.พี่.ที่รัก' ก็เป็นเพียงหนังตลกที่แทรกประเด็นความสัมพันธ์ครอบครัวที่ไม่ได้แยบยลและขาดน้ำหนักจับต้องได้ด้วยตัวของมันเอง พร้อมกันนี้ยังมีการตัดสลับฉากที่ติดๆขัดๆ และนอกจากความไม่ไหลลื่นไม่น่าเชื่อถือแล้วนั้น ตัวหนังยังคงเลือกใส่ซาวด์บิ้วท์อารมณ์แบบโฆษณาไทยประกันชีวิตลงไปอีก พร้อมกันนี้ยังให้เหล่านักแสดงระเบิดอารมณ์ดราม่ากันออกมา เพียงเพื่อเรียกน้ำตาคนดู ซึ่งแน่นอนว่ามันยังคงทำงานได้มีประสิทธิภาพ เพียงแต่เมื่อฉากเหล่านั้นจบลง อารมณ์ความดราม่าที่ผ่านมากลับเลือนหายไปเพราะเราไม่เชื่อในความสัมพันธ์ครั้งนี้ตั้งแต่ต้น

อย่างไรเสีย แม้ว่า 'น้อง.พี่.ที่รัก' จะไม่ได้ให้มุมมองของความเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดสำหรับเราได้น่าประทับใจหรือกินใจก็ตาม(ไม่ต้องสนใจความรักระหว่างหนุ่มสาวในเรื่องที่ไม่มีอะไรน่าเชื่อถือเลย) แต่ประเด็นของการเป็นคนให้และการเป็นคนรับที่ตัวละครกระทำต่อกันนั้นดูมีอะไรที่น่าคิดต่อ ตัวละครคนน้องที่เพอร์เฟค ตัวละครคนพี่ที่กักขฬะ แน่นอนว่า ทัศนะเชิงเปรียบเทียบจึงถูกหยิบมานำเสนอ และถูกใส่ลงไปในแต่ละฉาก รวมไปถึงบทสนทนาระหว่างตัวละคร แสดงให้เราเห็นแง่มุมเชิงเปรียบเทียบระหว่างคนสองคน และสนองความรู้สึกของคนที่ให้มาตลอดชีวิต กับคนที่รับมาตลอดชีวิต ว่าใครกันคือคนที่น่าสงสารมากกว่ากัน สำหรับเรา แง่มุมนี้จึงดูน่าเศร้าใจ และดูเป็นจุดที่ดีที่สุดของหนัง และสะเทือนใจต่อการกระทำเหล่านี้ คนที่ได้รับมาตลอดกับรู้สึกเคยชินเมื่ออีกคนหนึ่งให้เสมอ คนที่ให้เสมอกับรู้สึกต้องการให้โดยขาดใจที่ต้องการให้จริงๆ การให้และการรับภายในเรื่องจึงไม่ถูกประสานกัน และนำพามาซึ่งความขัดแย้งแบบที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ท้ายสุด 'น้อง.พี่.ที่รัก' ได้สะท้อนความคิดความสัมพันธ์ระหว่างคนให้กับคนรับ แต่ไม่ถึงกับสะท้อนความสัมพันธ์เชิงครอบครัวได้ลึกซึ้ง และถ้ามองเทียบกับผลงานก่อนหน้านี้ของตัวผู้กำกับ ‘บ้านฉันตลกไว้ก่อนพ่อสอนไว้’ หรือ เก๋า..เก๋า’ สำหรับเรา 'น้อง.พี่.ที่รัก' จึงค่อนข้างน่าผิดหวัง...

ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่างหนัง

ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: น้อง.พี่.ที่รัก (วิทยา ทองอยู่ยง, 2018) เขียนโดย Form Corleone
By Form Corleone
"ความสัมพันธ์ระหว่างคนที่ให้เสมอกับคนที่รับเสมอ" น้อง.พี่.ที่รัก เล่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องที่ไม่ลงรอยกันอย่างสุดขั้ว รอยร้าวของความสัมพันธ์ที่หนังหยิบมานำเสนอดูน่าสนใจ และสามารถตอบสนองอารมณ์ของคนเป็นพี่และคนเป็นน้องได้ในชีวิตจริงระดับหนึ่ง แต่ข้อเสีย ของภาพยนตร์เรื่องนี้ คือมันตื้นเขินเกินไปที่จะทำให้เราเชื่อได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครในเรื่องเป็นพี่น้องกันได้จริง ด้วยน้ำหนักของหนังที่ดูเบาบางเกินจะเชื่อได้ว่าพี่น้องคู่นี้แท้จริงแล้วมีความรักให้ต่อกัน ตัวหนังเสียเวลาในการใส่มุกตลกมากเกินกว่าครึ่ง(พอเข้าใจและยอมรับได้...ทำใจ) และมาพร้อมด้วยฉากที่จงใจใส่แบบขอไปที จนดูไม่เป็นธรรมชาติและดูเป็นงานตัดแปะภาพเคลื่อนไหว ส่งผลให้หนังขาดความไหลลื่นแทบตลอดทั้งเรื่อง ทำให้ความสัมพันธ์ในช่วงเริ่มต้นของตัวละครไม่สามารถพาให้เราเข้าใจความรู้สึกของตัวละครได้โดยไม่ต้องอาศัยภาวการณ์ส่วนบุคคล(ความรู้สึกว่าเป็นพี่น้อง) หรือต้องเทียบเคียงชีวิตจริงกับตัวหนัง ทำให้ครึ่งหลังของการบิ้วท์อารมณ์ให้เราร่วมซึ้งไปกับความสัมพันธ์ของพี่น้องคู่นี้ ดูตื้นและฉาบฉวยเล่นท่าง่ายจนเกินไป ความรอดปลอดภัยและพอรับชมได้เพลินๆ ทั้งหมดจึงมาจากฝีมือของนักแสดงร่วมทุกคนที่ส่งอารมณ์กันได้ดีพร้อมมอบเสน่ห์น่ารักๆได้บรรลุวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะ 'ซันนี่ สุวรรณ เมธานนท์' คือนักแสดงที่แบกหนังทั้งเรื่องไว้ได้จริงๆ
โครงเรื่องของ 'น้อง.พี่.ที่รัก' มีปัญหาและชวนให้เรารู้สึกตลกขบขันในสถานการณ์ที่ไม่น่าขำ ยิ่งถ้ามองไปที่ความรักระหว่างตัวละครในรูปแบบความรักหนุ่ม-สาว คงจะเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าทั้งสองคนจะรักกันได้จริงๆ หรือรักกันได้เพราะอะไร? อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ที่หนังโฟกัสและเป็นแก่นเรื่องอย่างแน่นอน คือความสัมพันธ์ระหว่าง 'พี่-น้อง' ความสัมพันธ์รูปแบบนี้ทำให้เรานึกถึงหนังของ 'ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ' ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่จนแล้วจนรอด 'น้อง.พี่.ที่รัก' ก็เป็นเพียงหนังตลกที่แทรกประเด็นความสัมพันธ์ครอบครัวที่ไม่ได้แยบยลและขาดน้ำหนักจับต้องได้ด้วยตัวของมันเอง พร้อมกันนี้ยังมีการตัดสลับฉากที่ติดๆขัดๆ และนอกจากความไม่ไหลลื่นไม่น่าเชื่อถือแล้วนั้น ตัวหนังยังคงเลือกใส่ซาวด์บิ้วท์อารมณ์แบบโฆษณาไทยประกันชีวิตลงไปอีก พร้อมกันนี้ยังให้เหล่านักแสดงระเบิดอารมณ์ดราม่ากันออกมา เพียงเพื่อเรียกน้ำตาคนดู ซึ่งแน่นอนว่ามันยังคงทำงานได้มีประสิทธิภาพ เพียงแต่เมื่อฉากเหล่านั้นจบลง อารมณ์ความดราม่าที่ผ่านมากลับเลือนหายไปเพราะเราไม่เชื่อในความสัมพันธ์ครั้งนี้ตั้งแต่ต้น
อย่างไรเสีย แม้ว่า 'น้อง.พี่.ที่รัก' จะไม่ได้ให้มุมมองของความเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดสำหรับเราได้น่าประทับใจหรือกินใจก็ตาม(ไม่ต้องสนใจความรักระหว่างหนุ่มสาวในเรื่องที่ไม่มีอะไรน่าเชื่อถือเลย) แต่ประเด็นของการเป็นคนให้และการเป็นคนรับที่ตัวละครกระทำต่อกันนั้นดูมีอะไรที่น่าคิดต่อ ตัวละครคนน้องที่เพอร์เฟค ตัวละครคนพี่ที่กักขฬะ แน่นอนว่า ทัศนะเชิงเปรียบเทียบจึงถูกหยิบมานำเสนอ และถูกใส่ลงไปในแต่ละฉาก รวมไปถึงบทสนทนาระหว่างตัวละคร แสดงให้เราเห็นแง่มุมเชิงเปรียบเทียบระหว่างคนสองคน และสนองความรู้สึกของคนที่ให้มาตลอดชีวิต กับคนที่รับมาตลอดชีวิต ว่าใครกันคือคนที่น่าสงสารมากกว่ากัน สำหรับเรา แง่มุมนี้จึงดูน่าเศร้าใจ และดูเป็นจุดที่ดีที่สุดของหนัง และสะเทือนใจต่อการกระทำเหล่านี้ คนที่ได้รับมาตลอดกับรู้สึกเคยชินเมื่ออีกคนหนึ่งให้เสมอ คนที่ให้เสมอกับรู้สึกต้องการให้โดยขาดใจที่ต้องการให้จริงๆ การให้และการรับภายในเรื่องจึงไม่ถูกประสานกัน และนำพามาซึ่งความขัดแย้งแบบที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ท้ายสุด 'น้อง.พี่.ที่รัก' ได้สะท้อนความคิดความสัมพันธ์ระหว่างคนให้กับคนรับ แต่ไม่ถึงกับสะท้อนความสัมพันธ์เชิงครอบครัวได้ลึกซึ้ง และถ้ามองเทียบกับผลงานก่อนหน้านี้ของตัวผู้กำกับ ‘บ้านฉันตลกไว้ก่อนพ่อสอนไว้’ หรือ เก๋า..เก๋า’ สำหรับเรา 'น้อง.พี่.ที่รัก' จึงค่อนข้างน่าผิดหวัง...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่างหนัง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/