ต้องบอกก่อนนะครับว่าผมไม่เคยคิดว่าจะได้เขียนระบายเรื่องแบบนี้ให้ไครอื่นรับรู้สักเท่าไหร่
เพราะมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะส่วนตัวมากอยู่เช่นกัน เพราะมันเป็นเรื่อง ภายในบ้านหรือครอบครัวผม แต่ก็ อดไม่ได้ที่จะระบาย เพราะมันจะทำให้ สมองผมระเบิดเป็นจุลอยู่แล้ว
แม่กับพ่อเลิกกันตั้งแต่ผมยังเด็กและได้เอาผมมาฝากเลี้ยงอยู่กับตายาย ตั้งแต่เล็กจนตอนนี้ อายุย่างเข้าเบญจเพส.
แม่ผมก็ได้มีแฟนไหม่เป็นชาวต่างชาติแม่จะมาหา ปีล่ะครั้ง ความสัมพันธ์ผมกับแม่ ก็เหมือนจะไม่ได้สนิทกันสักเท่าไหร่. เนื่องจากว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เมื่อไหร่ที่แกกลับมาไทยผมก็จะรู่สึกเกร็งๆ อยู่ตลอดเวลา ถ้าแกใช้ให้ผมทำอะไรผมก็จะทำโดยไม่รีรอ ซึ่ง มันต่างกับตายาย มากเวลาแกใช้ก็จะดื้อมึน. อันนี้ผมไม่รู้ว่า เพราะอะไรมันถึงต่างกัน
และตายายแกเป็นคนชอบเที่ยวมาก แกไม่เคยอยู่บ้าน เรียกได้ว่าอาทิตย์1อยู่บ้าน2วัน ตาชอบเที่ยวหาเพื่อนกินเหล้า ยายก็จะตามไปกับตาทุกที่
เวลาผมกลับจาก รร ก็จะเจอแต่บ้าน 2-3ทุ่มแกถึงจะกลับ และก็ด่ากันให้ฟังอยู่แทบทุกวัน
ยายเป็นคนที่ขี้บ่นด่าเก่งมาก(เหตุเพราะตากินแต่เหล้ามั้ง)จนมีครั้ง1
ตาไปกินเหล้าคนเดียวแล้วกลับดึก ยายโมโหหนัก เข่าลอย เต็มกระบานตา น็อคคาที่ จนเพื่อนบ้านต้องหาม ส่ง รพ ส่วนตัวผมนั้น แอบดู อยู่บนบรรได ทั้งกลัวทั้งร้องไห้. กลัวว่าตาจะเป็นอะไรไป
ไม่รู้ว่านี่คือสาเหตุที่ทำให้ผมเป็นคนเกเร หรือป่าวนะ. ตอนเด็กๆชอบใช้ความรุนแรงไม่พอใจอะไรก็ตีๆ อย่างเดียว ทำให้ผมมีเรื่องชกต่อยอยู่
รร บ่อยครั้งจนไม่รู้สึกว่ากลัวอะไร
เอ้อ ลืมบอก ผมมีลูกพี่ลูกน้องอยู่คนนึง โตมาด้วยกัน เป็นน้องผมอยู่1ปี คนนั้นเค้าจะเป็นน้ำส่วนผมจะเป็นไฟ. และก็ต่อยตีกันเป็นประจำ
ปัจจุบันผมกับน้องรักกันมาก
และผมเองก็จะเป็นคนโปรดของตายาย
แค่การเรียกชื่อก็ต่างกันแล้ว ผมจะเป็นชื่อ ส่วนน้อง จะเป็น (น้องผมพ่อแม่ก็เลิกกันตั้งแต่ยังเด็กเช่นกัน)
ตายายมีลูกทั้งหมด 4คน
คนโตสุดคือ แม่ ของ น้องหรือหลาน ที่โตมากับผม แกทำงาน อยู่ กทม ปี1 กลับครั้ง
รองลงมา คือลุง เป็นทหารเรือ ปัจจุบัน ลาออกมาทำไร่ทำสวน
ส่วนคนเล็กทั้งสองคนเป็นแฝด กัน คือแม่ผม กับอีกคนผมเรียกป้า แม่ อยู่ต่างประเทศ ป้าอยู่กทม
ปัจจุบัน ผมอยู่กับตายายและลุง น้องหรือหลาน และมีหลานอีกคน เป็นผญ ซึ่งเป็นน้อง ของ หลานที่ห่างกับผมปี1.
ชีวิตก็ดำเนินแบบนี้วนไปเรื่อยๆ.
จนตายายป่วยเป็นเบาหวานเป็นเหตุให้แกเลิกเหล้าอย่างเด็ดขาด
จนผมโตเรียนไม่จบ ดร็อป ปวส ใว้ จากที่ไม่เคยมีสมองให้คิดสักเท่าไหร่ก็ เริ่มมีความคิด ทำให้ผมมองเห็นตัวเองมากขึ้น ก็เริ่มไปหาทำงาน งานแรก คือร้านกาแฟ ทำอยู่สามเดือน ก็มีเหตุให้ต้องมาอยุ่บ้านเพราะตาป่วยหนัก พอแกดีขึ้นก็กลับมาอยู่ที่เดิมเลยคิดว่าจะไปหาลงเรียนซัมเมอร์ปวส ที่ติดค้างใว้ ก็อยากกลับไปเรียน ให้มันจบแต่พอคิดไปคิดมา งั้นถ้าจะไปเรียน ก็ไปเรียน ป.ตรีเลยสิ เลยได้ตัดสินใจไปเรียน แต่ในขณะเรียนผม ก็ขายของทางเน็ตไปด้วย (การ์ดจอ )และรายได้มันดีมาก ช่วงนั้นเป็นช่วงขาขึ้น
เดือนนึงก็ได้หลายตัง บวกกับไป หาเอาเคสโทรศัพท์ มาขายตาม ตลาดนัดถนนคนเดิน
เลยคิดว่า ออกจากเรียน แล้ว มาหา ขายของดีกว่า. พอขายไป ได้ไม่นาน ผมก็ต้องกลับมาบ้านอีกครั้ง. เพราะตา ป่วยหนักมีโรคแทรกซ้อน
ทั้ง หัวใจโต ตับ ไต และ เก๊า อ้อลืมบอกไป
ก่อนหน้านี้ ตาผมยังไม่ได้เป็นหนักขนาดนี้ ป่วยเป็นแค่เบาหวานเฉยๆ ถึงแกจะเลิกดื่มเหล้า แต่แกก็ไม่เคยอยู่บ้านเหมือนเดิม
(คือแกจะออกไปเที่ยวกับยาย สองคน แทบทุกวัน ไปแต่ล่ะครั้ง คือ ข้ามอำเภอ บางที ข้ามจังหวัด คนที่อยู่บ้าน คือ หลาน ผญ ส่วนหลานผมอีกคน มีเมียมีลูก ไปอยู่บ้านเมีย. ส่วนตัวผม ไป อยู่อีก จังหวัด
ทำให้ หลาน ผญ ติดยา ติด ผช หนี ออกจากบ้าน
ตาก็เลยทรุด เพราะตา รักหลานคนนี้มาก ก็เป็นเหตุให้ผมได้กลับมาดูแกอีกครั้ง )
เรื่องที่ทำให้ผมเครียด มันเริ่มต่อจากนี้ล่ะครับ
ลุงที่ผมบอกว่าลาออกจาก ทหาร ก็ป่วยเป็นโรคประสาท ทำให้แก สติไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไหร่ อยู่แต่ไร่ จะมาบ้านก็ต่อเมื่อ หิว
หลาน ผญ ก็ กลับมา อยู่บ้าน พร้อม แฟน คือพามาอยู่ด้วยกัน. โอเครผมไม่ได้ว่าไร ขอแค่เลิกยากันทั้ง2
ส่วนหลาน ที่มีเมียมีลูกก็ ติดทหาร
คนที่อยู่ ต้อง รับภาระหนักสุด ก็เป็นผมโดยปริยาย. คือนอกจาก ตาผมจะเดินไม่ได้แล้ว
และตัวแกก็หนักมาก เพราะแกเป็นคนอ้วน
แกก็ยัง ให้ผมพาขับรถไป หาเที่ยว เหมือนอย่างที่แกเคยเที่ยว อยู่ทุกวัน หมอห้าม กินเค็ม แกก็ดื้อกิน หมอห้ามอะไร ก็จะ ทำตรงข้าม เสมอ
มันทำให้ผมกับตา ต้องทะเลาะ กัน ทุกครั้ง จนผมชินไม่ห้ามไม่อะไร ยายเองก็ยังเป็นเหมือนเดิม คือบ่นด่า ตา ด่าคนอื่น อยู่ทุกวัน.
และก็ห้ามให้ผมไป เล่นกับเพื่อน ห้ามไปสังสรรค์
แต่ผมก็แอบไปอยู่เป็นบางครั้ง. เพราะมันทำให้ผมรู้สึกเบื่อบ้าน เอามากๆๆ. แต่ด้วย ที่แกห้าม
สมองผมมันก็ตีกัน เหมือน ผมอีกฝ่ายมันอยากไป แต่อีกฝ่าย ก็ ไม่อยากไป. และบางที ก็อยากไป หาเงินหาทองด้วยซ้ำ. มันเลยทำให้ผมคิดว่า แกห้าม ผม แต่ ตัวเองกลับไปทุกวัน. ทำไม แกถึงเห็นแก่ตัวแบบนี้. ผมจะกลายเป็นคนติดบ้าน เป็นประสาทเหมือนลุงหรือป่าว เพราะเห็นว่าลุงตอนเด็ก ตายายก็ ยอเป็นที่1จนทำให้แกไปใหนไม่ได้. มองหาไครก็ไม่เห็น ลุงก็ไม่ค่อยจะทำอะไรเพราะโรคประสาทมันทำให้แกขี้เกียจเอามากๆ ป้า แม่ก็ไม่อยู่. บางทีก็คิดนะว่าอยากจะไปเหมือนเขาบ้าง ก็ไม่ได้ เพราะห่วงแก คือ มองเห็นแกทีไรล่ะสงสารน้ำตาจะไหลทุกที. เลยไปใหนไม่ได้สักที จนบางครั้งมันทำให้สมองผมแทบระเบิด. พอปรึกษาแม่ แม่ก็บอกว่า จะออกไปหางานทำก็ได้นะ ถ้าอยู่บ้านแล้วรู้สึกไม่ดี. ผมก็ไปไม่ได้อยู่ดี เพราะสงสารแกจริงๆ เลยตัดสินใจว่า
งั้นก็ขอดู แกไปก่อนนี่แหละเพราะแกเป็นคนเลี้ยงผม ไม่อยากที่จะต้องมาเห็นตอนที่ เราทำอะไรไม่ได้. แต่ถึงจะตัดสินใจไปอย่างนั้น ผมก็ยัง อดคิดไม่ได้อยู่ดี. คิดถึงทั้งอนาคต และก็ต้องมาปวดหัว เพราะ ตายายแกดื้อ เพราะแกจะอ้างว่าให้พาไปซื้อของมาทำกิน ซึ่งที่บ้านก็มีร้านกับข้าว
เวลาแก จะกินอะไร ที เนี่ย ก็ต้อง0เงินไป หลายบาท. เพราะต้องพาแกไปซื้ออีกอำเภอ บางทีข้าวหมด ก็ต้องไปซื้ออีกจังหวัด. เหตุผล แกบอกว่า มันอร่อยกว่าบ้านเรา. และก็เป็นผมคนเดียวที่ขับรถ ยนต์ เป็น ส่วนคน ที่ไม่ได้อยู่ด้วยผมก็เข้าใจนะเค้าก็คงมีเหตุผล ของเค้านั้นแหละ. แต่บางที มันก็คิดว่า จะไม่ลงมาดูตายายหน่อยหรอ. ซึ่ง ไม่รู้ว่าเรื่องพวกนี้จะทำให้ผมเป็นบ้าเป็นประสาทไปหรือป่าว ถ้าผม ยังต้อง คอยดู แก ไป เรื่อยๆ
บางทีก็ คิดว่าไม่น่าคิดได้เลย.
เป็นคนเกเร แบบเก่าอ่ะดีแล้ว.
หรือว่า ที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้คือข้ออ้างที่ทำให้ผมไม่อยาก อยู่กับแกไม่รู้นะ.
แต่ที่รู้ คือ ผมยังไปใหนไม่ได้. และก็ไม่อยากคิดมากแบบนี้
เรื่องมันอาจจะไร้สาระนิดนึงนะครับ
คำถามคือ ผมอยากถามว่า ผมควรทำอย่างไรดี
จะเป็นบ้าไปหรือป่าว จะกลายเป็นคนติดบ้านไม๊
และบางครั้งผมเครียด จนไม่ อยากจะทำอะไร
กลัวที่สุดคือ จะเป็น ประสาทเหมือนลุง
ปล. วันใหนที่เผลอไปกินกาแฟ นะ ยิ่งคิดจนสมองจะระเบิด.
(ตั้งกระทู้ครั้งแรกนะครับ อาจจะงงๆหน่อย เรียบเรียงคำพูดไม่เป็นสะด้วย และถ้ายืดเยื้อ ไปก็ขอ อภัยด้วยนะครับ. บางเรื่องอาจไม่เกี่ยว กัน
แต่อยากสื่อให้เห็นถึงอะไรหลายอย่าง.
ประมาณ ว่า ถึง จะเป็นเด็กมีปัญหา ก็ใช่ว่า จะมีปัญหาตลอดไปนะครับ แต่พอคิดได้แล้วทำไม ต้องมาเจอ อะไรแบบนี้ เฉยๆ).
ปัญหาครอบครัว เครียดจนสมองแทบระเบิด
เพราะมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะส่วนตัวมากอยู่เช่นกัน เพราะมันเป็นเรื่อง ภายในบ้านหรือครอบครัวผม แต่ก็ อดไม่ได้ที่จะระบาย เพราะมันจะทำให้ สมองผมระเบิดเป็นจุลอยู่แล้ว
แม่กับพ่อเลิกกันตั้งแต่ผมยังเด็กและได้เอาผมมาฝากเลี้ยงอยู่กับตายาย ตั้งแต่เล็กจนตอนนี้ อายุย่างเข้าเบญจเพส.
แม่ผมก็ได้มีแฟนไหม่เป็นชาวต่างชาติแม่จะมาหา ปีล่ะครั้ง ความสัมพันธ์ผมกับแม่ ก็เหมือนจะไม่ได้สนิทกันสักเท่าไหร่. เนื่องจากว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เมื่อไหร่ที่แกกลับมาไทยผมก็จะรู่สึกเกร็งๆ อยู่ตลอดเวลา ถ้าแกใช้ให้ผมทำอะไรผมก็จะทำโดยไม่รีรอ ซึ่ง มันต่างกับตายาย มากเวลาแกใช้ก็จะดื้อมึน. อันนี้ผมไม่รู้ว่า เพราะอะไรมันถึงต่างกัน
และตายายแกเป็นคนชอบเที่ยวมาก แกไม่เคยอยู่บ้าน เรียกได้ว่าอาทิตย์1อยู่บ้าน2วัน ตาชอบเที่ยวหาเพื่อนกินเหล้า ยายก็จะตามไปกับตาทุกที่
เวลาผมกลับจาก รร ก็จะเจอแต่บ้าน 2-3ทุ่มแกถึงจะกลับ และก็ด่ากันให้ฟังอยู่แทบทุกวัน
ยายเป็นคนที่ขี้บ่นด่าเก่งมาก(เหตุเพราะตากินแต่เหล้ามั้ง)จนมีครั้ง1
ตาไปกินเหล้าคนเดียวแล้วกลับดึก ยายโมโหหนัก เข่าลอย เต็มกระบานตา น็อคคาที่ จนเพื่อนบ้านต้องหาม ส่ง รพ ส่วนตัวผมนั้น แอบดู อยู่บนบรรได ทั้งกลัวทั้งร้องไห้. กลัวว่าตาจะเป็นอะไรไป
ไม่รู้ว่านี่คือสาเหตุที่ทำให้ผมเป็นคนเกเร หรือป่าวนะ. ตอนเด็กๆชอบใช้ความรุนแรงไม่พอใจอะไรก็ตีๆ อย่างเดียว ทำให้ผมมีเรื่องชกต่อยอยู่
รร บ่อยครั้งจนไม่รู้สึกว่ากลัวอะไร
เอ้อ ลืมบอก ผมมีลูกพี่ลูกน้องอยู่คนนึง โตมาด้วยกัน เป็นน้องผมอยู่1ปี คนนั้นเค้าจะเป็นน้ำส่วนผมจะเป็นไฟ. และก็ต่อยตีกันเป็นประจำ
ปัจจุบันผมกับน้องรักกันมาก
และผมเองก็จะเป็นคนโปรดของตายาย
แค่การเรียกชื่อก็ต่างกันแล้ว ผมจะเป็นชื่อ ส่วนน้อง จะเป็น (น้องผมพ่อแม่ก็เลิกกันตั้งแต่ยังเด็กเช่นกัน)
ตายายมีลูกทั้งหมด 4คน
คนโตสุดคือ แม่ ของ น้องหรือหลาน ที่โตมากับผม แกทำงาน อยู่ กทม ปี1 กลับครั้ง
รองลงมา คือลุง เป็นทหารเรือ ปัจจุบัน ลาออกมาทำไร่ทำสวน
ส่วนคนเล็กทั้งสองคนเป็นแฝด กัน คือแม่ผม กับอีกคนผมเรียกป้า แม่ อยู่ต่างประเทศ ป้าอยู่กทม
ปัจจุบัน ผมอยู่กับตายายและลุง น้องหรือหลาน และมีหลานอีกคน เป็นผญ ซึ่งเป็นน้อง ของ หลานที่ห่างกับผมปี1.
ชีวิตก็ดำเนินแบบนี้วนไปเรื่อยๆ.
จนตายายป่วยเป็นเบาหวานเป็นเหตุให้แกเลิกเหล้าอย่างเด็ดขาด
จนผมโตเรียนไม่จบ ดร็อป ปวส ใว้ จากที่ไม่เคยมีสมองให้คิดสักเท่าไหร่ก็ เริ่มมีความคิด ทำให้ผมมองเห็นตัวเองมากขึ้น ก็เริ่มไปหาทำงาน งานแรก คือร้านกาแฟ ทำอยู่สามเดือน ก็มีเหตุให้ต้องมาอยุ่บ้านเพราะตาป่วยหนัก พอแกดีขึ้นก็กลับมาอยู่ที่เดิมเลยคิดว่าจะไปหาลงเรียนซัมเมอร์ปวส ที่ติดค้างใว้ ก็อยากกลับไปเรียน ให้มันจบแต่พอคิดไปคิดมา งั้นถ้าจะไปเรียน ก็ไปเรียน ป.ตรีเลยสิ เลยได้ตัดสินใจไปเรียน แต่ในขณะเรียนผม ก็ขายของทางเน็ตไปด้วย (การ์ดจอ )และรายได้มันดีมาก ช่วงนั้นเป็นช่วงขาขึ้น
เดือนนึงก็ได้หลายตัง บวกกับไป หาเอาเคสโทรศัพท์ มาขายตาม ตลาดนัดถนนคนเดิน
เลยคิดว่า ออกจากเรียน แล้ว มาหา ขายของดีกว่า. พอขายไป ได้ไม่นาน ผมก็ต้องกลับมาบ้านอีกครั้ง. เพราะตา ป่วยหนักมีโรคแทรกซ้อน
ทั้ง หัวใจโต ตับ ไต และ เก๊า อ้อลืมบอกไป
ก่อนหน้านี้ ตาผมยังไม่ได้เป็นหนักขนาดนี้ ป่วยเป็นแค่เบาหวานเฉยๆ ถึงแกจะเลิกดื่มเหล้า แต่แกก็ไม่เคยอยู่บ้านเหมือนเดิม
(คือแกจะออกไปเที่ยวกับยาย สองคน แทบทุกวัน ไปแต่ล่ะครั้ง คือ ข้ามอำเภอ บางที ข้ามจังหวัด คนที่อยู่บ้าน คือ หลาน ผญ ส่วนหลานผมอีกคน มีเมียมีลูก ไปอยู่บ้านเมีย. ส่วนตัวผม ไป อยู่อีก จังหวัด
ทำให้ หลาน ผญ ติดยา ติด ผช หนี ออกจากบ้าน
ตาก็เลยทรุด เพราะตา รักหลานคนนี้มาก ก็เป็นเหตุให้ผมได้กลับมาดูแกอีกครั้ง )
เรื่องที่ทำให้ผมเครียด มันเริ่มต่อจากนี้ล่ะครับ
ลุงที่ผมบอกว่าลาออกจาก ทหาร ก็ป่วยเป็นโรคประสาท ทำให้แก สติไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไหร่ อยู่แต่ไร่ จะมาบ้านก็ต่อเมื่อ หิว
หลาน ผญ ก็ กลับมา อยู่บ้าน พร้อม แฟน คือพามาอยู่ด้วยกัน. โอเครผมไม่ได้ว่าไร ขอแค่เลิกยากันทั้ง2
ส่วนหลาน ที่มีเมียมีลูกก็ ติดทหาร
คนที่อยู่ ต้อง รับภาระหนักสุด ก็เป็นผมโดยปริยาย. คือนอกจาก ตาผมจะเดินไม่ได้แล้ว
และตัวแกก็หนักมาก เพราะแกเป็นคนอ้วน
แกก็ยัง ให้ผมพาขับรถไป หาเที่ยว เหมือนอย่างที่แกเคยเที่ยว อยู่ทุกวัน หมอห้าม กินเค็ม แกก็ดื้อกิน หมอห้ามอะไร ก็จะ ทำตรงข้าม เสมอ
มันทำให้ผมกับตา ต้องทะเลาะ กัน ทุกครั้ง จนผมชินไม่ห้ามไม่อะไร ยายเองก็ยังเป็นเหมือนเดิม คือบ่นด่า ตา ด่าคนอื่น อยู่ทุกวัน.
และก็ห้ามให้ผมไป เล่นกับเพื่อน ห้ามไปสังสรรค์
แต่ผมก็แอบไปอยู่เป็นบางครั้ง. เพราะมันทำให้ผมรู้สึกเบื่อบ้าน เอามากๆๆ. แต่ด้วย ที่แกห้าม
สมองผมมันก็ตีกัน เหมือน ผมอีกฝ่ายมันอยากไป แต่อีกฝ่าย ก็ ไม่อยากไป. และบางที ก็อยากไป หาเงินหาทองด้วยซ้ำ. มันเลยทำให้ผมคิดว่า แกห้าม ผม แต่ ตัวเองกลับไปทุกวัน. ทำไม แกถึงเห็นแก่ตัวแบบนี้. ผมจะกลายเป็นคนติดบ้าน เป็นประสาทเหมือนลุงหรือป่าว เพราะเห็นว่าลุงตอนเด็ก ตายายก็ ยอเป็นที่1จนทำให้แกไปใหนไม่ได้. มองหาไครก็ไม่เห็น ลุงก็ไม่ค่อยจะทำอะไรเพราะโรคประสาทมันทำให้แกขี้เกียจเอามากๆ ป้า แม่ก็ไม่อยู่. บางทีก็คิดนะว่าอยากจะไปเหมือนเขาบ้าง ก็ไม่ได้ เพราะห่วงแก คือ มองเห็นแกทีไรล่ะสงสารน้ำตาจะไหลทุกที. เลยไปใหนไม่ได้สักที จนบางครั้งมันทำให้สมองผมแทบระเบิด. พอปรึกษาแม่ แม่ก็บอกว่า จะออกไปหางานทำก็ได้นะ ถ้าอยู่บ้านแล้วรู้สึกไม่ดี. ผมก็ไปไม่ได้อยู่ดี เพราะสงสารแกจริงๆ เลยตัดสินใจว่า
งั้นก็ขอดู แกไปก่อนนี่แหละเพราะแกเป็นคนเลี้ยงผม ไม่อยากที่จะต้องมาเห็นตอนที่ เราทำอะไรไม่ได้. แต่ถึงจะตัดสินใจไปอย่างนั้น ผมก็ยัง อดคิดไม่ได้อยู่ดี. คิดถึงทั้งอนาคต และก็ต้องมาปวดหัว เพราะ ตายายแกดื้อ เพราะแกจะอ้างว่าให้พาไปซื้อของมาทำกิน ซึ่งที่บ้านก็มีร้านกับข้าว
เวลาแก จะกินอะไร ที เนี่ย ก็ต้อง0เงินไป หลายบาท. เพราะต้องพาแกไปซื้ออีกอำเภอ บางทีข้าวหมด ก็ต้องไปซื้ออีกจังหวัด. เหตุผล แกบอกว่า มันอร่อยกว่าบ้านเรา. และก็เป็นผมคนเดียวที่ขับรถ ยนต์ เป็น ส่วนคน ที่ไม่ได้อยู่ด้วยผมก็เข้าใจนะเค้าก็คงมีเหตุผล ของเค้านั้นแหละ. แต่บางที มันก็คิดว่า จะไม่ลงมาดูตายายหน่อยหรอ. ซึ่ง ไม่รู้ว่าเรื่องพวกนี้จะทำให้ผมเป็นบ้าเป็นประสาทไปหรือป่าว ถ้าผม ยังต้อง คอยดู แก ไป เรื่อยๆ
บางทีก็ คิดว่าไม่น่าคิดได้เลย.
เป็นคนเกเร แบบเก่าอ่ะดีแล้ว.
หรือว่า ที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้คือข้ออ้างที่ทำให้ผมไม่อยาก อยู่กับแกไม่รู้นะ.
แต่ที่รู้ คือ ผมยังไปใหนไม่ได้. และก็ไม่อยากคิดมากแบบนี้
เรื่องมันอาจจะไร้สาระนิดนึงนะครับ
คำถามคือ ผมอยากถามว่า ผมควรทำอย่างไรดี
จะเป็นบ้าไปหรือป่าว จะกลายเป็นคนติดบ้านไม๊
และบางครั้งผมเครียด จนไม่ อยากจะทำอะไร
กลัวที่สุดคือ จะเป็น ประสาทเหมือนลุง
ปล. วันใหนที่เผลอไปกินกาแฟ นะ ยิ่งคิดจนสมองจะระเบิด.
(ตั้งกระทู้ครั้งแรกนะครับ อาจจะงงๆหน่อย เรียบเรียงคำพูดไม่เป็นสะด้วย และถ้ายืดเยื้อ ไปก็ขอ อภัยด้วยนะครับ. บางเรื่องอาจไม่เกี่ยว กัน
แต่อยากสื่อให้เห็นถึงอะไรหลายอย่าง.
ประมาณ ว่า ถึง จะเป็นเด็กมีปัญหา ก็ใช่ว่า จะมีปัญหาตลอดไปนะครับ แต่พอคิดได้แล้วทำไม ต้องมาเจอ อะไรแบบนี้ เฉยๆ).