ความคิดเห็นจาก Expert Account
ความคิดเห็นที่ 4
ระดับความรุนแรง
• ระดับที่หนึ่ง
เส้นใยของเอ็นยึดข้อถูกเหยียดออกมากเกินไป และ บางเส้นใยอาจฉีกขาด ทำให้เวลากด หรือเวลาเคลื่อนไหวข้อนั้นจะรู้สึกปวดเล็กน้อย แต่จะมีอาการบวมไม่มากหรือไม่มีเลย ผู้ป่วยจะยังสามารถเดินลงน้ำหนัก หรือ ใช้ข้อนั้น ๆ ได้ แต่อาจจะมีอาการปวดบ้างเล็กน้อย ถ้าเอ๊กซเรย์ดูจะพบว่าทุกอย่างปกติ ประมาณ 2-3 วันข้อที่บวมก็จะยุบบวมเหมือนปกติ แต่อาจมีอาการปวดอยู่บ้าง ซึ่งอาจใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ ก็จะหายสนิท
• ระดับที่สอง
เอ็นยึดข้อมีการฉีกขาดบางส่วน จะมีอาการปวดและกดเจ็บมากพอควร รวมทั้งมีอาการบวมและฟกช้ำมากขึ้น เพราะการฉีกขาดของเส้นโลหิตเล็ก ๆ ทำให้มีเลือดออก ผู้ป่วยอาจจะยังพอเดินได้หรือใช้ข้อนั้น ๆ ได้ แต่จะมีอาการปวดมาก และกว่าจะยุบบวมอาจต้องใช้เวลานานเป็นอาทิตย์ ใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนจึงจะหายสนิท
• ระดับที่สาม
เอ็นยึดข้อใดข้อหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งเกิดการฉีกขาดจากกันทั้งหมด ทำให้เกิดอาการปวดมาก ข้อบวมและฟกช้ำมาก ไม่สามารถเคลื่อนไหวข้อหรือลงน้ำหนักได้ ข้อจะบวมมากและมักไม่ค่อยยุบบวมเอง
แนวทางการรักษา
ขึ้นกับความรุนแรงของการบาดเจ็บ แต่จะต้องรีบทำการปฐมพยาบาล ซึ่งถือได้ว่าเป็นการรักษาที่สำคัญ คือ
1. หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวบริเวณที่บาดเจ็บ เช่น การใช้ไม้ดาม ใช้ผ้ายืดพัน หรือใช้ไม้เท้า
2. ประคบด้วยความเย็น เช่น ใช้ผ้าหุ้มก้อนน้ำแข็ง ประคบบริเวณที่บาดเจ็บ ความเย็นจะทำให้เส้นเลือดหดตัว ช่วยให้เลือดไม่ออกมาก ซึ่งจะช่วยลดการบาดเจ็บ ลดการอักเสบ และลดบวม ได้เป็นอย่างดี ดังนั้น เมื่อเกิดการบาดเจ็บในระยะ 24 - 48 ชั่วโมงแรก ให้ใช้ความเย็น โดยประคบด้วยความเย็นครั้งละไม่เกิน 20 นาที วันละหลาย ๆ ครั้ง
ห้ามใช้ความร้อน เช่น ยาหม่อง หรือครีมนวดที่ทาแล้วร้อน เพราะจะทำให้เลือดออกมาก บวมมากขึ้นได้
ใช้ผ้ายืดพันรอบข้อที่เคล็ด และยกส่วนที่บาดเจ็บให้สูงกว่าระดับหัวใจ เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ไม่คั่งอยู่บริเวณที่บาดเจ็บ ซึ่งจะช่วยลดบวมและลดปวดได้ เช่น ถ้าข้อเท้าแพลง เวลานั่งควรยกเท้าพาดเก้าอี้ ไม่ควรนั่งห้อยเท้า หรือ เวลานอนก็ใช้หมอนรองขาเพื่อยกเท้าให้สูงขึ้น
3.ถ้าปวด อาจรับประทานยาพาราเซตตามอล ซึ่งเป็นยาที่ได้ผลดีและค่อนข้างปลอดภัยแต่ไม่ควรใช้ในผู้ที่เป็นโรคตับ ส่วนยาแก้ปวดลดการอักเสบที่มิใช่สเตียรอยด์ มักมีผลข้างเคียงโดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคกระเพาะ จึงควรใช้ตาม คำแนะนำของแพทย์ และอาจต้องรับประทานร่วมกับยาลดกรดในกระเพาะอาหาร
4.เมื่อพ้นระยะ 24-72 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการบาดเจ็บ) ในระยะนี้ให้ประคบด้วยความร้อน เพื่อทำให้เลือดที่คั่งอยู่ถูกดูดซึมได้เร็วขึ้น เช่น กระเป๋าไฟฟ้า ถุงร้อน อัลตร้าซาวด์ ครีม โลชั่น น้ำมัน สเปรย์ เป็นต้น
โดยทั่วไป ข้อเคล็ดระดับที่ 1 และ 2 อาการจะดีขึ้นหรือหายไป ภายใน 1-2 อาทิตย์ แต่ถ้าหลังจาก 2 อาทิตย์แล้วยังมีอาการปวด หรือ บวม ก็ควรไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นการบาดเจ็บที่รุนแรงกว่าที่คิดไว้ก็ได้
ในกรณีที่เห็นว่าน่าจะเป็นข้อเคล็ดชนิดรุนแรง ( ปวดมาก บวมมาก ) หลังจากประคบด้วยน้ำแข็งแล้วให้รีบไปพบแพทย์ทันทีเพราะ ถ้ารักษาช้าเกินไปหรือได้รับการรักษาที่ไม่ถูกต้อง จะทำให้เกิดอาการ ข้อบวม ปวดข้อเรื้อรัง และ รู้สึกว่าข้อไม่มั่นคง (ข้อหลวม)
ข้อเคล็ด https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=18-05-2008&group=6&gblog=14
บาดเจ็บจากการเล่นกีฬา https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=21-06-2008&group=6&gblog=16
• ระดับที่หนึ่ง
เส้นใยของเอ็นยึดข้อถูกเหยียดออกมากเกินไป และ บางเส้นใยอาจฉีกขาด ทำให้เวลากด หรือเวลาเคลื่อนไหวข้อนั้นจะรู้สึกปวดเล็กน้อย แต่จะมีอาการบวมไม่มากหรือไม่มีเลย ผู้ป่วยจะยังสามารถเดินลงน้ำหนัก หรือ ใช้ข้อนั้น ๆ ได้ แต่อาจจะมีอาการปวดบ้างเล็กน้อย ถ้าเอ๊กซเรย์ดูจะพบว่าทุกอย่างปกติ ประมาณ 2-3 วันข้อที่บวมก็จะยุบบวมเหมือนปกติ แต่อาจมีอาการปวดอยู่บ้าง ซึ่งอาจใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ ก็จะหายสนิท
• ระดับที่สอง
เอ็นยึดข้อมีการฉีกขาดบางส่วน จะมีอาการปวดและกดเจ็บมากพอควร รวมทั้งมีอาการบวมและฟกช้ำมากขึ้น เพราะการฉีกขาดของเส้นโลหิตเล็ก ๆ ทำให้มีเลือดออก ผู้ป่วยอาจจะยังพอเดินได้หรือใช้ข้อนั้น ๆ ได้ แต่จะมีอาการปวดมาก และกว่าจะยุบบวมอาจต้องใช้เวลานานเป็นอาทิตย์ ใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนจึงจะหายสนิท
• ระดับที่สาม
เอ็นยึดข้อใดข้อหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งเกิดการฉีกขาดจากกันทั้งหมด ทำให้เกิดอาการปวดมาก ข้อบวมและฟกช้ำมาก ไม่สามารถเคลื่อนไหวข้อหรือลงน้ำหนักได้ ข้อจะบวมมากและมักไม่ค่อยยุบบวมเอง
แนวทางการรักษา
ขึ้นกับความรุนแรงของการบาดเจ็บ แต่จะต้องรีบทำการปฐมพยาบาล ซึ่งถือได้ว่าเป็นการรักษาที่สำคัญ คือ
1. หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวบริเวณที่บาดเจ็บ เช่น การใช้ไม้ดาม ใช้ผ้ายืดพัน หรือใช้ไม้เท้า
2. ประคบด้วยความเย็น เช่น ใช้ผ้าหุ้มก้อนน้ำแข็ง ประคบบริเวณที่บาดเจ็บ ความเย็นจะทำให้เส้นเลือดหดตัว ช่วยให้เลือดไม่ออกมาก ซึ่งจะช่วยลดการบาดเจ็บ ลดการอักเสบ และลดบวม ได้เป็นอย่างดี ดังนั้น เมื่อเกิดการบาดเจ็บในระยะ 24 - 48 ชั่วโมงแรก ให้ใช้ความเย็น โดยประคบด้วยความเย็นครั้งละไม่เกิน 20 นาที วันละหลาย ๆ ครั้ง
ห้ามใช้ความร้อน เช่น ยาหม่อง หรือครีมนวดที่ทาแล้วร้อน เพราะจะทำให้เลือดออกมาก บวมมากขึ้นได้
ใช้ผ้ายืดพันรอบข้อที่เคล็ด และยกส่วนที่บาดเจ็บให้สูงกว่าระดับหัวใจ เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ไม่คั่งอยู่บริเวณที่บาดเจ็บ ซึ่งจะช่วยลดบวมและลดปวดได้ เช่น ถ้าข้อเท้าแพลง เวลานั่งควรยกเท้าพาดเก้าอี้ ไม่ควรนั่งห้อยเท้า หรือ เวลานอนก็ใช้หมอนรองขาเพื่อยกเท้าให้สูงขึ้น
3.ถ้าปวด อาจรับประทานยาพาราเซตตามอล ซึ่งเป็นยาที่ได้ผลดีและค่อนข้างปลอดภัยแต่ไม่ควรใช้ในผู้ที่เป็นโรคตับ ส่วนยาแก้ปวดลดการอักเสบที่มิใช่สเตียรอยด์ มักมีผลข้างเคียงโดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคกระเพาะ จึงควรใช้ตาม คำแนะนำของแพทย์ และอาจต้องรับประทานร่วมกับยาลดกรดในกระเพาะอาหาร
4.เมื่อพ้นระยะ 24-72 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการบาดเจ็บ) ในระยะนี้ให้ประคบด้วยความร้อน เพื่อทำให้เลือดที่คั่งอยู่ถูกดูดซึมได้เร็วขึ้น เช่น กระเป๋าไฟฟ้า ถุงร้อน อัลตร้าซาวด์ ครีม โลชั่น น้ำมัน สเปรย์ เป็นต้น
โดยทั่วไป ข้อเคล็ดระดับที่ 1 และ 2 อาการจะดีขึ้นหรือหายไป ภายใน 1-2 อาทิตย์ แต่ถ้าหลังจาก 2 อาทิตย์แล้วยังมีอาการปวด หรือ บวม ก็ควรไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นการบาดเจ็บที่รุนแรงกว่าที่คิดไว้ก็ได้
ในกรณีที่เห็นว่าน่าจะเป็นข้อเคล็ดชนิดรุนแรง ( ปวดมาก บวมมาก ) หลังจากประคบด้วยน้ำแข็งแล้วให้รีบไปพบแพทย์ทันทีเพราะ ถ้ารักษาช้าเกินไปหรือได้รับการรักษาที่ไม่ถูกต้อง จะทำให้เกิดอาการ ข้อบวม ปวดข้อเรื้อรัง และ รู้สึกว่าข้อไม่มั่นคง (ข้อหลวม)
ข้อเคล็ด https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=18-05-2008&group=6&gblog=14
บาดเจ็บจากการเล่นกีฬา https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=21-06-2008&group=6&gblog=16
แสดงความคิดเห็น
ข้อมือเคล็ด ทำยังไงดี