ทุกวันนี้ประเทศไทยเรายังคงอยู่กับที่ ในขณะที่ต่างชาติ เช่น เกาหลีใต้ จีน กำลังพัฒนาขึ้น และประเทศไทยยังเป็นประเทศ "กำลังพัฒนา" แต่ไม่พัฒนาเสียที ตอนนี้ผมมีความคิดเห็นส่วนตัว ซึ่งอาจเป็นแนวทางได้บ้าง
ขอเป็นหนึ่งเสียงที่ช่วยออกความคิดเห็นว่าเราควรจะพัฒนาประเทศชาติอย่างไร ถ้าคิดว่าเป็นไอเดียที่ดี ช่วยดันให้รัฐบาลเห็นครับ แต่ถ้าคิดว่านี่เป็นโพสต์ที่แย่ ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย และท่านสามารถเพิกเฉยกระทู้นี้ได้ครับ
1. ด้านการท่องเที่ยว
วิเคราะห์ปัญหา: ปัจจุบัน เรากำลังเจอปัญหาขยะตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และการบริการที่ไม่เต็มใจต่อนักท่องเที่ยว
ลงทุน : ในประมาณสองสามไตรมาสต์แรก (1 ไตรมาสต์เท่ากับ 3 เดือน) ที่เริ่มปฏิรูป ต้องใช้แหล่งประชาสัมพันธ์ต่างๆในการรณรงค์ให้คนในพื้นที่ช่วยกันเก็บขยะ ช่วยกันทำความสะอาด หากไม่ได้รับความร่วมมือ อาจต้องใช้งบประมาณในการจ้างคนมาช่วยกันเก็บขยะ ตั้งถังขยะหลายที่ ครอบคุมพื้นที่ อาณาบริเวณของสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมด โดยไม่มากเกินไปจนเห็นถังขยะรกหูรกตา ให้มีการอบรมพนักงานผู้ดูแล(หรือผู้บริหารงาน)ของสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆถึงวิธีการดูแลรักษาทรัพยากร สภาพแวดล้อมให้น่าเที่ยว รวมถึงอาจต้องมีการบูรณะผลกระทบจากขยะด้วย ถ้าสถานที่นั้นได้รับผลกระทบหรือเกิดความผิดปกติขึ้น
ต่อมาเป็นวิธีที่คิดว่าเด็ดขาดมาก
"ถ้าคนไทยให้ความร่วมมือ" คือติดกล้องวงจรปิดให้ครอบคลุมพื้นที่ บัญญัติกฎหมายว่า "ผู้ใดก็ตามที่กระทำการอันก่อให้เกิดความสกปรก ความไม่เรียบร้อย หรือเป็นการสร้างวิสัยทัศน์ที่ไม่น่าภิรมย์ต่อบุคคลในท้องที่ หรือผู้มาเยือน ต้องระวางโทษปรับเป็นจำนวนเงิน ... บาท" ซึ่งตามที่ผมคิด ค่าปรับที่เหมาะสมและทำให้คนเข็ดหลาบคือ 250-1000 บาท แล้วแต่ลักษณะของขยะที่ทิ้ง หรือแล้วแต่ผู้ดูแลท้องที่ และผู้ที่จะปรับคนทิ้งขยะคือผู้ที่ดูแล หรือพนักงานที่อยู่ใกล้ที่สุด
พนักงานหรือผู้ดูแลไม่ต้องกลัวจะโดนเค้าด่าครับ เพราะเค้าคือผู้ผิด และเป็นเรื่องที่หลักฐานคากล้องมาก
ทำไมต้องให้คนไทยให้ความร่วมมือ? เพราะถ้าเป็นประเภทที่ว่า "ข้ารวย" นึกอยากจะทิ้งก็ทิ้ง ไม่กลัวค่าปรับ เพราะ "รวย" (ซึ่งถ้าขึ้นค่าปรับจะเป็นการเอาเปรียบและอาจเข้าข่ายคอรับชั่นได้) คนประเภทนี้มีแต่จะทำให้ประเทศชาติแย่ลง และเป็นตัวอย่างอันเลวร้ายต่อเยาวชน
ถามว่าจะให้เจ้าหน้าที่ไล่ตามเก็บค่าปรับทีละคนอย่างนี้เสียเวลาไหม? คำตอบของผมคือถ้ากฎไม่เคร่งครัด จะไม่มีใครเคารพแน่นอน และถ้าจะมีเจ้าหน้าที่คนเดียวหรือแค่สองสามคน แสดงว่าท้องที่นั้นไม่ได้มีความต้องการที่จะพัฒนาตนเองเลย
การลงทุนถัดไปคือ
"ต้อง" ปลูกฝังเยาวชนและคนทั่วไปให้รักธรรมชาติ รักสถานที่ที่ตนเองอยู่ ซึ่งวิธีการที่ดีที่สุดคือ
บอกข้อดีข้อเสีย และเหตุผลที่ว่า "ทำไมต้องทำ?" เพราะถ้ารู้เหตุผลว่าทำไมต้องทำ ก็จะไม่มีข้ออ้างที่ว่า "ไม่ทำก็ได้"
(อย่าลืมนะครับว่าผมใช้คำว่า "ต้อง")
การลงทุนสุดท้ายคือ เพิ่มค่าจ้างและการจ้างงานที่เป็นธรรมต่อผู้บริการของทัวร์เที่ยวต่างๆ และมีสวัสดิการที่มากขึ้นให้กับบริษัทนำเที่ยวและผู้บริการ เพราะพวกเขาเป็นผู้โฆษณา และเป็นเปรียบเสมือนภาพหน้าปกบนเพจเฟสบุ๊ค ถ้าเราให้เขามากขึ้น(แต่ไม่มากจนเกินไป) เขาจะเต็มใจทำงานขึ้นและคิดว่างานนี้รับฝากชีวิตของเขาได้มากขึ้น(มนุษย์งานและมนุษย์เงินเดือนมักฝากชีวิตไว้กับงาน
เพราะงานคือความอยู่รอดของเขา) แล้วก็จะส่งผลให้ภาพหน้าปกของประเทศไทยดีขึ้น ผู้สนใจและนักท่องเที่ยวก็จะมากขึ้น
สิ่งที่จะได้รับและผลประโยชน์ : เนื่องจากการรณรงค์และการช่วยกันบูรณะพื้นที่ในสองสามไตรมาสต์แรก ทำให้นักท่องเที่ยวเห็นว่า คนในพื้นที่มีความสามัคคีกันขนาดไหน เป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีอย่างหนึ่ง
แบบไม่ใช่ผักชีโรยหน้า
สิ่งที่เกิดขึ้นจะมีสามแบบคือ 1. นักท่องเที่ยวร่วมเก็บขยะกับเราด้วย เพราะเห็นว่าน่าสนุกและเป็นการสร้างมิตรกับคนในพื้นที่
คนในพื้นที่ก็ต้องเป็นมิตร อัธยาศัยดีด้วยนะครับ
2. นักท่องเที่ยวเพิกเฉย ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกและพบเห็นได้ทั่วไป
3. นักท่องเที่ยวทิ้งขยะซ้ำเติม คนแบบนี้ นิสัยแบบนี้พบเห็นได้น้อย เมื่อมองดูถึงอดีตของพวกเขาแล้ว
จะพบว่าพวกเขาเป็นคนมีปัญหา หากแต่ท่องเที่ยวเพื่อหลีกหนีปัญหา และทำเป็นว่าเขาเป็นคนปกติแค่นั้นเอง
หลังจากการรณรงค์เสร็จสิ้น จะพบว่าสถานที่ท่องเที่ยวสะอาด น่าเที่ยว น่าอยู่มากขึ้น บวกกับภาพลักษณ์ความสามัคคีของคนไทยในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เกิดการโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวมากขึ้น เกิดการบอกต่อ และส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวมากขึ้น ทำให้เกิดรายได้สู่ชุมชนและประเทศมากยิ่งขึ้น
ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวที่มาไทยมากที่สุด และสร้างรายได้ให้ไทยมากที่สุดคือคนจีน โดยสร้างรายได้ในปีที่ผ่านมาถึง 9 แสนล้านบาท และประเทศไทยสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวได้เป็นลำดับที่ 3 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา และอีกประเทศผมจำไม่ได้ขออภัยครับ ดังนั้นคนไทยจึงควรตระหนักถึงเรื่องนี้ ทั้งในเรื่องของการรักษามาตรฐาน และการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
ผลจากการปรับผู้ที่ทิ้งขยะ ทำให้มีผู้ที่ทิ้งขยะลดน้อยลง สถานที่ต่างๆจะน่าอยู่มากขึ้นและดูแลง่ายขึ้น รวมถึงผู้คนจะศรัทธากฎหมายมากขึ้น รวมถึงจะได้นำค่าปรับนั้นไปบำรุงพื้นที่ด้วย(หากไม่คอร์รัปชั่น)
รัฐบาลจะได้รายได้มากขึ้นจากการท่องเที่ยว ซึ่งอาจจะส่งผลให้ค่า GDP ของประเทศสูงขึ้น(ถ้ารัฐนำเงินเหล่านั้นไปใช้พัฒนาระบบอุตสาหกรรม) และค่ารายได้เฉลี่ยของคนในท้องถิ่นก็ดีขึ้นเช่นกัน
คนทั่วโลกจะไดรู้จักประเทศไทยมากขึ้น รวมถึงอาจจะได้เผยแผ่วัฒนธรรมด้านดีของไทยไปสู่ต่างชาติอีกด้วย
ทำอย่างไร ประเทศไทยจึงเจริญ?
ขอเป็นหนึ่งเสียงที่ช่วยออกความคิดเห็นว่าเราควรจะพัฒนาประเทศชาติอย่างไร ถ้าคิดว่าเป็นไอเดียที่ดี ช่วยดันให้รัฐบาลเห็นครับ แต่ถ้าคิดว่านี่เป็นโพสต์ที่แย่ ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย และท่านสามารถเพิกเฉยกระทู้นี้ได้ครับ
1. ด้านการท่องเที่ยว
วิเคราะห์ปัญหา: ปัจจุบัน เรากำลังเจอปัญหาขยะตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และการบริการที่ไม่เต็มใจต่อนักท่องเที่ยว
ลงทุน : ในประมาณสองสามไตรมาสต์แรก (1 ไตรมาสต์เท่ากับ 3 เดือน) ที่เริ่มปฏิรูป ต้องใช้แหล่งประชาสัมพันธ์ต่างๆในการรณรงค์ให้คนในพื้นที่ช่วยกันเก็บขยะ ช่วยกันทำความสะอาด หากไม่ได้รับความร่วมมือ อาจต้องใช้งบประมาณในการจ้างคนมาช่วยกันเก็บขยะ ตั้งถังขยะหลายที่ ครอบคุมพื้นที่ อาณาบริเวณของสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมด โดยไม่มากเกินไปจนเห็นถังขยะรกหูรกตา ให้มีการอบรมพนักงานผู้ดูแล(หรือผู้บริหารงาน)ของสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆถึงวิธีการดูแลรักษาทรัพยากร สภาพแวดล้อมให้น่าเที่ยว รวมถึงอาจต้องมีการบูรณะผลกระทบจากขยะด้วย ถ้าสถานที่นั้นได้รับผลกระทบหรือเกิดความผิดปกติขึ้น
ต่อมาเป็นวิธีที่คิดว่าเด็ดขาดมาก "ถ้าคนไทยให้ความร่วมมือ" คือติดกล้องวงจรปิดให้ครอบคลุมพื้นที่ บัญญัติกฎหมายว่า "ผู้ใดก็ตามที่กระทำการอันก่อให้เกิดความสกปรก ความไม่เรียบร้อย หรือเป็นการสร้างวิสัยทัศน์ที่ไม่น่าภิรมย์ต่อบุคคลในท้องที่ หรือผู้มาเยือน ต้องระวางโทษปรับเป็นจำนวนเงิน ... บาท" ซึ่งตามที่ผมคิด ค่าปรับที่เหมาะสมและทำให้คนเข็ดหลาบคือ 250-1000 บาท แล้วแต่ลักษณะของขยะที่ทิ้ง หรือแล้วแต่ผู้ดูแลท้องที่ และผู้ที่จะปรับคนทิ้งขยะคือผู้ที่ดูแล หรือพนักงานที่อยู่ใกล้ที่สุด
พนักงานหรือผู้ดูแลไม่ต้องกลัวจะโดนเค้าด่าครับ เพราะเค้าคือผู้ผิด และเป็นเรื่องที่หลักฐานคากล้องมาก
ทำไมต้องให้คนไทยให้ความร่วมมือ? เพราะถ้าเป็นประเภทที่ว่า "ข้ารวย" นึกอยากจะทิ้งก็ทิ้ง ไม่กลัวค่าปรับ เพราะ "รวย" (ซึ่งถ้าขึ้นค่าปรับจะเป็นการเอาเปรียบและอาจเข้าข่ายคอรับชั่นได้) คนประเภทนี้มีแต่จะทำให้ประเทศชาติแย่ลง และเป็นตัวอย่างอันเลวร้ายต่อเยาวชน
ถามว่าจะให้เจ้าหน้าที่ไล่ตามเก็บค่าปรับทีละคนอย่างนี้เสียเวลาไหม? คำตอบของผมคือถ้ากฎไม่เคร่งครัด จะไม่มีใครเคารพแน่นอน และถ้าจะมีเจ้าหน้าที่คนเดียวหรือแค่สองสามคน แสดงว่าท้องที่นั้นไม่ได้มีความต้องการที่จะพัฒนาตนเองเลย
การลงทุนถัดไปคือ "ต้อง" ปลูกฝังเยาวชนและคนทั่วไปให้รักธรรมชาติ รักสถานที่ที่ตนเองอยู่ ซึ่งวิธีการที่ดีที่สุดคือ บอกข้อดีข้อเสีย และเหตุผลที่ว่า "ทำไมต้องทำ?" เพราะถ้ารู้เหตุผลว่าทำไมต้องทำ ก็จะไม่มีข้ออ้างที่ว่า "ไม่ทำก็ได้" (อย่าลืมนะครับว่าผมใช้คำว่า "ต้อง")
การลงทุนสุดท้ายคือ เพิ่มค่าจ้างและการจ้างงานที่เป็นธรรมต่อผู้บริการของทัวร์เที่ยวต่างๆ และมีสวัสดิการที่มากขึ้นให้กับบริษัทนำเที่ยวและผู้บริการ เพราะพวกเขาเป็นผู้โฆษณา และเป็นเปรียบเสมือนภาพหน้าปกบนเพจเฟสบุ๊ค ถ้าเราให้เขามากขึ้น(แต่ไม่มากจนเกินไป) เขาจะเต็มใจทำงานขึ้นและคิดว่างานนี้รับฝากชีวิตของเขาได้มากขึ้น(มนุษย์งานและมนุษย์เงินเดือนมักฝากชีวิตไว้กับงาน เพราะงานคือความอยู่รอดของเขา) แล้วก็จะส่งผลให้ภาพหน้าปกของประเทศไทยดีขึ้น ผู้สนใจและนักท่องเที่ยวก็จะมากขึ้น
สิ่งที่จะได้รับและผลประโยชน์ : เนื่องจากการรณรงค์และการช่วยกันบูรณะพื้นที่ในสองสามไตรมาสต์แรก ทำให้นักท่องเที่ยวเห็นว่า คนในพื้นที่มีความสามัคคีกันขนาดไหน เป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีอย่างหนึ่ง แบบไม่ใช่ผักชีโรยหน้า
สิ่งที่เกิดขึ้นจะมีสามแบบคือ 1. นักท่องเที่ยวร่วมเก็บขยะกับเราด้วย เพราะเห็นว่าน่าสนุกและเป็นการสร้างมิตรกับคนในพื้นที่ คนในพื้นที่ก็ต้องเป็นมิตร อัธยาศัยดีด้วยนะครับ
2. นักท่องเที่ยวเพิกเฉย ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกและพบเห็นได้ทั่วไป
3. นักท่องเที่ยวทิ้งขยะซ้ำเติม คนแบบนี้ นิสัยแบบนี้พบเห็นได้น้อย เมื่อมองดูถึงอดีตของพวกเขาแล้ว จะพบว่าพวกเขาเป็นคนมีปัญหา หากแต่ท่องเที่ยวเพื่อหลีกหนีปัญหา และทำเป็นว่าเขาเป็นคนปกติแค่นั้นเอง
หลังจากการรณรงค์เสร็จสิ้น จะพบว่าสถานที่ท่องเที่ยวสะอาด น่าเที่ยว น่าอยู่มากขึ้น บวกกับภาพลักษณ์ความสามัคคีของคนไทยในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เกิดการโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวมากขึ้น เกิดการบอกต่อ และส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวมากขึ้น ทำให้เกิดรายได้สู่ชุมชนและประเทศมากยิ่งขึ้น
ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวที่มาไทยมากที่สุด และสร้างรายได้ให้ไทยมากที่สุดคือคนจีน โดยสร้างรายได้ในปีที่ผ่านมาถึง 9 แสนล้านบาท และประเทศไทยสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวได้เป็นลำดับที่ 3 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา และอีกประเทศผมจำไม่ได้ขออภัยครับ ดังนั้นคนไทยจึงควรตระหนักถึงเรื่องนี้ ทั้งในเรื่องของการรักษามาตรฐาน และการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
ผลจากการปรับผู้ที่ทิ้งขยะ ทำให้มีผู้ที่ทิ้งขยะลดน้อยลง สถานที่ต่างๆจะน่าอยู่มากขึ้นและดูแลง่ายขึ้น รวมถึงผู้คนจะศรัทธากฎหมายมากขึ้น รวมถึงจะได้นำค่าปรับนั้นไปบำรุงพื้นที่ด้วย(หากไม่คอร์รัปชั่น)
รัฐบาลจะได้รายได้มากขึ้นจากการท่องเที่ยว ซึ่งอาจจะส่งผลให้ค่า GDP ของประเทศสูงขึ้น(ถ้ารัฐนำเงินเหล่านั้นไปใช้พัฒนาระบบอุตสาหกรรม) และค่ารายได้เฉลี่ยของคนในท้องถิ่นก็ดีขึ้นเช่นกัน
คนทั่วโลกจะไดรู้จักประเทศไทยมากขึ้น รวมถึงอาจจะได้เผยแผ่วัฒนธรรมด้านดีของไทยไปสู่ต่างชาติอีกด้วย