วิพากษ์ DIF และคำถามที่ยังรอคำตอบ

กระทู้สนทนา

สวัสดีครับ

ช่วงนี้นักลงทุนรายย่อยทั้งหลาย จะได้ข่าวทั้งจากเพจที่เกี่ยวกับการลงทุน และ ตามเคาท์เตอร์ธนาคารต่างๆ ว่ามีกองทุนเปิดขายหน่วยลงทุน
ผลตอบแทนดูน่าสนใจทีเดียว

ปกติผมสนใจลงทุนในหุ้นเป็นหลักครับ แต่กรณี DIF มีพี่ที่สนิทกันหลังไมค์มาถาม ข้อมูลที่พี่ท่านนั้นได้รับทำให้ผมแปลกใจ และ สงสัยมากๆ
เป็นที่มาของการตามหาข้อเท็จจริงครับ

นี่เป็นข้อความที่ผมได้รับครับ ผมตะหงิดๆตรงที่บอกว่าเป็นของรัฐนี่แหละ

จากการหาข้อมูล ขอสรุปและตั้งข้อสังเกตดังนี้นะครับ

1. กองทุนนี้มีชื่อเดิมว่า ทรูโกรท (TRUEIF) ได้เปลี่ยนชื่อเป็น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (Digital Telecommunications Infrastructure Fund) หรือ DIF ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค. 2558 โดยจะทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใต้ชื่อย่อ DIF ในวันศุกร์ที่ 4 ก.ย.2558 เป็นต้นไป

ข้อสังเกต การเปลี่ยนชื่อกองทุน โดยเอาคำว่า True ออกจากชื่อ อาจจะเป็นเพราะว่าในอนาคตทางกองทุนมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆจากผู้เช่ารายอื่น หรือ อาจจะมีเจตนาอื่น ซึ่งผมก็ไม่ขอฟันธง

2. โครงสร้างกองทุน กองทุนนี้ไม่ได้เป็นของรัฐนะครับ จากในหนังสือชี้ชวนและจากข้อมูลผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ SET (DIF เปิดให้ซื้อขาย เปลี่ยนมือได้ใน SET ครับ) จะเห็นว่าจากโครงสร้าง กลุ่ม True เป็นผู้ถือหน่วยลงทุนรายใหญ่นะครับ และเท่าที่ดูจากแผนภูมิ ผจก กองทุนก็มาจาก True หรือเปล่า

3. กองทุนจะระดมทุนไปทำไม

หน่วยลงทุนที่จะเปิดขาย เป็นการเพิ่มทุน โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่มีการเพิ่มทุน ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมสามารถจองได้ในวันที่ 2 – 8 พฤษภาคม 2561 นี้ และเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองในวันที่ 2 – 11 พฤษภาคม 2561

โดยทางกองทุนจะเอาเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนครั้งนี้ไปซื้อ สิทธิรายได้ และสิทธิ์ให้เช่าเสาโทรคมนาคม และระบบใยแก้วนำแสง จาก True

ข้อสังเกต กองทุนก็ดูเหมือนจะเป็นของ True และระดมทุนไปซื้อของ True ถึงจะฟังดูแปลกๆไปหน่อย ในหนังสือชี้ชวนชี้แจงว่าจะมีการเอาไปปล่อยเช่าให้ผู้เช่ารายอื่น ซึ่งก็พอฟังได้ครับ

อย่างไรก็ตามผลที่เกิดแน่ๆคือ True จะมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น และทางกองทุนก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้น ทำให้การเพิ่มทุนครั้งนี้ไม่เกิดการ Dilute ดูแล้วน่าจะ วิน-วิน

แต่ถ้ามองอีกมุม ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง เสาโทรคมนาคม และระบบใยแก้วนำแสง ไม่ทราบว่าจะอยู่ภายใต้การดูแลของใคร ถ้าเป็นความรับผิดชอบของกองทุน จะมีผลกระทบกับรายได้ของกองทุนหรือไม่ ต่อข้อต่อไปเลยครับ

4. ผู้ที่ซื้อหน่วยลงทุนจะได้อะไร

4.1 ปันผล จากหนังสือชี้ชวนฉบับที่ผมได้เป็น copy จากธนาคารกรุงไทย แจ่งว่าผู้ซื้อหน่วยลงทุนจะได้ปันผลตอบแทนประมาณ 7% (ในหนังสือระบุชัดถึงทศนิยมต่ำแหน่งที่ 3 เลยว่าอย่างน้อย 1.0xx บาท ผมจำตัวเลขเป๊ะๆไม่ได้)

ข้อสังเกต ตัวเลขนี้ไม่ได้บอกว่าเป็นตัวเลขการันตี ดังนั้นมันมีสิทธิที่จะต่ำกว่านี้ได้ ในกรณีที่รายได้ของกองทุนไม่เป็นอย่างที่คาด (เช่น ต้องไปแบกรับภาระซ่อมบำรุงที่สูงกว่าที่คาด)

ถ้าผมเข้าใจผิดตรงนี้ ผมจะดีใจมากถ้ามีผู้รู้เข้ามาให้ความกระจ่างนะครับ

4.2 ส่วนต่างของราคาหน่วยลงทุน ในขณะที่เขียนกระทู้ ราคาหน่วยลงทุนซื้อขายกันใน SET อยู่ที่ 14.30 บาท ในขณะที่หน่วยลงทุนที่จะเปิดขายนั้น ขายที่ราคา 13.60-13.90 ซึ่งถ้ากองทุนมีผลประกอบการที่ดีราคาพุ่งสูงขึ้นไป ผู้ลงทุนก็จะได้กำไรจากส่วนต่างตรงนี้อีก

ข้อสังเกต จากในหนังสือชี้ชวน สัญญาเช่าประมาณครึ่งนึง จะหมดลงในอีก 21 ปี เท่าที่ผมหาข้อมูลมา ไม่มีใครบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่มีการต่อสัญญาเช่า แต่ก็พอจะเดาได้ว่าราคาซื้อขายก็ควรจะลดลงไปตามสัดส่วนของรายได้ที่ลดลงไป ยิ่งสมมติว่ากลุ่ม True เทขายก่อน ที่เหลือก็ตัวใครตัวมัน

5. ความเสี่ยง จากหลังสือชี้ชวน ความเสี่ยงหลักๆคือรายได้ที่พึ่งพิงกลุ่ม True เป็นหลัก

ข้อสังเกต เรามาดูกันดีกว่าว่ากลุ่ม True มั่นคงแข็งแรงพอที่จะเป็นที่พึ่งให้ DIF ได้หรือไม่
ตรงนี้ผมไม่วิจารณ์อะไรมาก ให้ข้อมูลพูดดีกว่าครับ

สรุป(ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ)

1. ผมมองว่า DIF เป็นเพียงเครื่องมือในการระดมทุนของกลุ่ม True ยกเว้นแต่ว่า DIF จะมีรายได้จากผู้เช่ารายใหม่ๆในสัดส่วนที่พอๆกัน หรือสูงกว่ารายได้จากกลุ่ม True นะครับ

2. คำถามที่ผมพยายามหาข้อมูล แต่ไม่มีคำตอบ เท่าที่อ่านจากข่าว เพจและบล็อกเกี่ยวกับการลงทุนทั้งหมด ให้ข้อมูลในเชิงบวกทั้งสิ้น
2.1 ปันผลอย่างน้อย 1.0xx บาท ที่ผมจำตัวเลขไม่ได้นั้น เป็นตัวเลขการันตีหรือไม่ ตรงนี้ผมค่อนข้างมั่นใจว่าไม่
2.2 อะไรจะเกิดขึ้นในกรณีที่ ไม่มีการต่อสัญญาเช่า คิดว่าคงไม่ต้องรอถึง 21 ปีหรอกครับ ซัก 5-7 ปีก็น่าจะเห็นกันละ

ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ

อ้างอิง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้