ผมเขียนหรือขลุกตัวอยู่ในเรื่องวิทยาศาสตร์มาก็มากแล้ว มาคราวนี้ขอออกไปทางไม่วิทยาศาสตร์ซักหน่อย
ต้องขอออกตัวก่อนว่า แม้ผมจะอยู่ในวงการวิทย์ฯแต่เรื่อง Metaphysics นี่ผมก็เชื่ออยู่เพราะเป็นคนที่สัมผัสกับเรื่องแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก
บ้านหลังที่ผมอาศัยอยู่ในปัจุบันนี้อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ครับ สร้างเสร็จและเข้าอยู่ในปี 2549 แต่ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ตอนปี 2558 นี่เอง
นับเป็นเวลา 9 ปีที่ไม่มีการทำพิธีกรรมใดๆ อีกทั้งผมเป็นคนที่ชอบสีโทนเข้มๆ นอนหลับในห้องที่มืดสนิท ดังนั้นผ้าม่านจึงเป็นผ้าม่านกันแสงทั้งหมด ทำให้บ้านมืดตลอดเวลาแม้จะเป็นเวลากลางวันก็ตาม (ถ้าไม่เปิดไฟนะ) รอบๆบ้านซึ่งตอนนั้นยังเป็นทุ่งนาครับ ตอนนี้เป็นดงบ้านจัดสรรไปแล้ว
ตลอดเวลา 9 ปีที่ผมอยู่บ้านหลังนี้ (ผมอยู่คนเดียวครับ บางทีแฟนเก่า 2 คนก็มาอยู่ด้วย เอ่อ หมายถึงเปลี่ยนแฟนนะครับ ไม่ได้มาพร้อมกัน) เนื่องด้วยผมเป็นคนนอนดึกอยู่แล้ว พอหลังเที่ยงคืนไป จะมีเสียงคนเดินลากเท้ารอบบ้านครับ ผมแง้มผ้าม่านส่องดูก็ไม่มีใคร ก็คิดว่าน่าจะเป็นเสียงนกเสียงแมว ผมก็ไม่สนใจครับ เล่นเกมต่อ ทางนั้นคงเห็ฯว่าผมเฉยเมยมั้งครับ เลยเคาะหน้าต่างดัง ตึ้ง! กระจกสั่นเลยทีเดียว เลยเปิดผ้าม่านดูว่ามีอะไรมาชนมั้ย ก็มีแต่ความว่างเปล่าครับ พอผมปิดม่านปุ๊บ ทีนี้เคาะหน้าต่างรัวๆเลยครับ ปึ้งๆๆๆ ผมก็เปิดดูอีกว่าอะไรนักหนาวะ ก็ไม่เจออะไร แต่ได้ยินเสียงหัวเราะแว่วๆเบาๆ แต่ผมก็ไม่สนใจครับ เพราะผมมันไม่กลัวผีซะด้วย แต่เอาเป็นว่า เรื่องเคาะกระจกหน้าต่างนี่ ผมเจอเดือนนึงเป็นสิบๆครั้ง เสียงเดินรอบบ้านแทบทุกวันครับ แต่ผมก็หาได้แคร์ไม่ ถถถถถ
ช่วงปี 2555 ผมกับเพื่อน ป.โท ชื่อพี่ ย. กะ พี่ อ. สองคนหาที่กินเหล้าต่อไม่ได้ เลยตกลงว่าจะมากินที่บ้านผม ซึ่งผมก็เตือนแล้วว่ามาบ้านผมอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ แต่พวกก็ยืนยันจะมา ผมก็กลัวเสียน้ำใจเนาะ ก็เลยมาตั้งวงกันที่โรงรถซะเลย
ชายฉกรรจ์สามหน่อนั่งก๊งเหล้ากันถึงตีสาม ไอ้พี่ อ. น็อคไปแล้ว จู่ๆ พี่ ย. ก็โพล่งขึ้นมาว่า บ้านเมิงเคยทำบุญมั้ย ผมก็บอกว่าไม่เคย ทำไมเหรอพี่ เจอของดีเหรอ? พี่แกเอามือลูบหน้าแล้วบอกว่ากูอยากกลับแล้ว ผมพอเดาได้ว่าพี่แกคงหลอน เพราะผมเห็นหัวคนโผล่แวบๆแค่หน้าผากตรงรั้วบ้าน แต่เห็นแค่หน้าผากกับตานะทั้งๆที่รั้วบ้านผมมันโปร่ง มองไปควรจะเห็นตัวด้วยอะเนอะ พอพี่แกพูดว่าจะกลับละ โอ้โห ลมพัดแรงยังกะพายุ เสียงฝนกระหน่ำโครมๆ ผมบอกว่าเฮ้ยพี่ค้างนี่ก็ได้นะ ฝนอย่างโหด เมาอีกต่างหาก แต่พี่แกก็ยังยืนยันจะกลับ เลยจะเอาร่มไปส่งพี่แกที่รถปรากฎว่า พื้นแห้งจ้าาา ไม่มีฝนตกเลยจ้าาา พี่แกรีบวิ่งขึ้นรถกลับไปเฉยเลย
มาตอนเช้าไปเจอกันที่มหาลัย พี่แกบอกว่าเมื่อคืนเจอใครก็ไม่รู้เคาะหัว แกหลอนจนอยู่ไม่ได้ อ่อ พี่แกเมาแล้วพูดเสียงดัง น่าจะโดนเจ้าที่เล่นเข้าให้แล้ว
ถึงนอกบ้านผมจะผีโหดแค่ไหน มันก็ไม่สามารถเข้ามาในบ้านผมได้ จนกระทั่งแฟนเก่าคนหนึ่งพาน้องกุมารเข้ามานั่นเองงง ทีนี้ล่ะ เวลาผมอยู่คนเดียวนี่นางสนุกใหญ่เลย ทั้งเสียงรื้อของหลังโซฟา ประตูเปิดปิดเองได้ (ประตูกระจกบานเลื่อนด้วยนะจ๊ะ) เสียงวิ่งเล่นตึงตังตอนกลางคืนก็มา (ตอนคนเลี้ยงเอ็งอยู่นี่เงียบเชียว)
บ้านของผมมีสามห้องนอน บางวันพี่ชายผมจะแวะมานอนบ้าง แต่มันจะโทรมาถามทุกครั้งว่าผมอยู่บ้านรึเปล่า ถ้าผมไม่อยู่บ้านมันจะไม่เข้าบ้านเด็ดขาด ซึ่งพี่ชายผมมันก็มีเซนส์เช่นเดียวกัน แต่มันกลัวผี
ผมใช้ชีวิตร่วมกับบรรดาผีๆเป็นเวลา 9 ปี จนเป็นความเคยชิน แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งผมป่วยเป็นโรคซึมเศร้า พ่อแม่จึงย้ายมาอยู่ด้วย คงกลัวผมฆ่าตัวตาย
มีการทำบุญขึ้นบ้านใหม่ หลังจากทำบุญ เสียงเดินรอบบ้านหายไปซะงั้น แต่ประตูเปิดปิดเองและเสียงเด็กยังอยู่จ้า แฟนเก่าที่เลิกกันไป นางไม่พากุมารไปด้วย
ทีนี้วันไหนผมกลับบ้านดึก ผมจะโดนพ่อโทรจิกให้กลับบ้านรัวๆเลย พ่อน่าจะเจอดีเข้าให้แล้วแน่ๆ
ผ่านไปไม่นาน พ่อผมได้นำตะปูสังฆวานรมาห้อยไว้กลางบ้าน หลังจากนั้นบ้านเงียบเชียบเลยครับ
ไม่มีสิ่งลี้ลับใดๆให้สัมผัสได้อีกเลย คนอื่นอาจจะโล่งใจ แต่ผมจะเหงาหน่อยๆนะ เหมือนคนคุ้นเคยกันมา 9 ปีได้ลาจากหายไป
ตะปูสังฆวานรและการหายไปของสิ่งลี้ลับจากบ้านของผมเอง
ต้องขอออกตัวก่อนว่า แม้ผมจะอยู่ในวงการวิทย์ฯแต่เรื่อง Metaphysics นี่ผมก็เชื่ออยู่เพราะเป็นคนที่สัมผัสกับเรื่องแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก
บ้านหลังที่ผมอาศัยอยู่ในปัจุบันนี้อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ครับ สร้างเสร็จและเข้าอยู่ในปี 2549 แต่ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ตอนปี 2558 นี่เอง
นับเป็นเวลา 9 ปีที่ไม่มีการทำพิธีกรรมใดๆ อีกทั้งผมเป็นคนที่ชอบสีโทนเข้มๆ นอนหลับในห้องที่มืดสนิท ดังนั้นผ้าม่านจึงเป็นผ้าม่านกันแสงทั้งหมด ทำให้บ้านมืดตลอดเวลาแม้จะเป็นเวลากลางวันก็ตาม (ถ้าไม่เปิดไฟนะ) รอบๆบ้านซึ่งตอนนั้นยังเป็นทุ่งนาครับ ตอนนี้เป็นดงบ้านจัดสรรไปแล้ว
ตลอดเวลา 9 ปีที่ผมอยู่บ้านหลังนี้ (ผมอยู่คนเดียวครับ บางทีแฟนเก่า 2 คนก็มาอยู่ด้วย เอ่อ หมายถึงเปลี่ยนแฟนนะครับ ไม่ได้มาพร้อมกัน) เนื่องด้วยผมเป็นคนนอนดึกอยู่แล้ว พอหลังเที่ยงคืนไป จะมีเสียงคนเดินลากเท้ารอบบ้านครับ ผมแง้มผ้าม่านส่องดูก็ไม่มีใคร ก็คิดว่าน่าจะเป็นเสียงนกเสียงแมว ผมก็ไม่สนใจครับ เล่นเกมต่อ ทางนั้นคงเห็ฯว่าผมเฉยเมยมั้งครับ เลยเคาะหน้าต่างดัง ตึ้ง! กระจกสั่นเลยทีเดียว เลยเปิดผ้าม่านดูว่ามีอะไรมาชนมั้ย ก็มีแต่ความว่างเปล่าครับ พอผมปิดม่านปุ๊บ ทีนี้เคาะหน้าต่างรัวๆเลยครับ ปึ้งๆๆๆ ผมก็เปิดดูอีกว่าอะไรนักหนาวะ ก็ไม่เจออะไร แต่ได้ยินเสียงหัวเราะแว่วๆเบาๆ แต่ผมก็ไม่สนใจครับ เพราะผมมันไม่กลัวผีซะด้วย แต่เอาเป็นว่า เรื่องเคาะกระจกหน้าต่างนี่ ผมเจอเดือนนึงเป็นสิบๆครั้ง เสียงเดินรอบบ้านแทบทุกวันครับ แต่ผมก็หาได้แคร์ไม่ ถถถถถ
ช่วงปี 2555 ผมกับเพื่อน ป.โท ชื่อพี่ ย. กะ พี่ อ. สองคนหาที่กินเหล้าต่อไม่ได้ เลยตกลงว่าจะมากินที่บ้านผม ซึ่งผมก็เตือนแล้วว่ามาบ้านผมอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ แต่พวกก็ยืนยันจะมา ผมก็กลัวเสียน้ำใจเนาะ ก็เลยมาตั้งวงกันที่โรงรถซะเลย
ชายฉกรรจ์สามหน่อนั่งก๊งเหล้ากันถึงตีสาม ไอ้พี่ อ. น็อคไปแล้ว จู่ๆ พี่ ย. ก็โพล่งขึ้นมาว่า บ้านเมิงเคยทำบุญมั้ย ผมก็บอกว่าไม่เคย ทำไมเหรอพี่ เจอของดีเหรอ? พี่แกเอามือลูบหน้าแล้วบอกว่ากูอยากกลับแล้ว ผมพอเดาได้ว่าพี่แกคงหลอน เพราะผมเห็นหัวคนโผล่แวบๆแค่หน้าผากตรงรั้วบ้าน แต่เห็นแค่หน้าผากกับตานะทั้งๆที่รั้วบ้านผมมันโปร่ง มองไปควรจะเห็นตัวด้วยอะเนอะ พอพี่แกพูดว่าจะกลับละ โอ้โห ลมพัดแรงยังกะพายุ เสียงฝนกระหน่ำโครมๆ ผมบอกว่าเฮ้ยพี่ค้างนี่ก็ได้นะ ฝนอย่างโหด เมาอีกต่างหาก แต่พี่แกก็ยังยืนยันจะกลับ เลยจะเอาร่มไปส่งพี่แกที่รถปรากฎว่า พื้นแห้งจ้าาา ไม่มีฝนตกเลยจ้าาา พี่แกรีบวิ่งขึ้นรถกลับไปเฉยเลย
มาตอนเช้าไปเจอกันที่มหาลัย พี่แกบอกว่าเมื่อคืนเจอใครก็ไม่รู้เคาะหัว แกหลอนจนอยู่ไม่ได้ อ่อ พี่แกเมาแล้วพูดเสียงดัง น่าจะโดนเจ้าที่เล่นเข้าให้แล้ว
ถึงนอกบ้านผมจะผีโหดแค่ไหน มันก็ไม่สามารถเข้ามาในบ้านผมได้ จนกระทั่งแฟนเก่าคนหนึ่งพาน้องกุมารเข้ามานั่นเองงง ทีนี้ล่ะ เวลาผมอยู่คนเดียวนี่นางสนุกใหญ่เลย ทั้งเสียงรื้อของหลังโซฟา ประตูเปิดปิดเองได้ (ประตูกระจกบานเลื่อนด้วยนะจ๊ะ) เสียงวิ่งเล่นตึงตังตอนกลางคืนก็มา (ตอนคนเลี้ยงเอ็งอยู่นี่เงียบเชียว)
บ้านของผมมีสามห้องนอน บางวันพี่ชายผมจะแวะมานอนบ้าง แต่มันจะโทรมาถามทุกครั้งว่าผมอยู่บ้านรึเปล่า ถ้าผมไม่อยู่บ้านมันจะไม่เข้าบ้านเด็ดขาด ซึ่งพี่ชายผมมันก็มีเซนส์เช่นเดียวกัน แต่มันกลัวผี
ผมใช้ชีวิตร่วมกับบรรดาผีๆเป็นเวลา 9 ปี จนเป็นความเคยชิน แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งผมป่วยเป็นโรคซึมเศร้า พ่อแม่จึงย้ายมาอยู่ด้วย คงกลัวผมฆ่าตัวตาย
มีการทำบุญขึ้นบ้านใหม่ หลังจากทำบุญ เสียงเดินรอบบ้านหายไปซะงั้น แต่ประตูเปิดปิดเองและเสียงเด็กยังอยู่จ้า แฟนเก่าที่เลิกกันไป นางไม่พากุมารไปด้วย
ทีนี้วันไหนผมกลับบ้านดึก ผมจะโดนพ่อโทรจิกให้กลับบ้านรัวๆเลย พ่อน่าจะเจอดีเข้าให้แล้วแน่ๆ
ผ่านไปไม่นาน พ่อผมได้นำตะปูสังฆวานรมาห้อยไว้กลางบ้าน หลังจากนั้นบ้านเงียบเชียบเลยครับ
ไม่มีสิ่งลี้ลับใดๆให้สัมผัสได้อีกเลย คนอื่นอาจจะโล่งใจ แต่ผมจะเหงาหน่อยๆนะ เหมือนคนคุ้นเคยกันมา 9 ปีได้ลาจากหายไป