สวัสดีค่ะ ขอเกริ่นก่อนคือบ้านเรามีสมาชิกอยู่3คน คือพ่อแม่และเรา บ้านเรามีฐานะปานกลางพ่อแม่ทำงานหลักอยู่ที่กรุงเทพ ส่วนเราอายุ23ปี อยู่บ้านที่ตจว. คนเดียวหลังจากเรียนจบซึ่งก็มาอยู่ที่นี่ได้1ปีแล้ว
เรามีหลานที่สนิทอยู่2คน นั้นคือผู้หญิงลูกของพี่สาวซึ่งเป็นลูกของป้า อีกคนเป็นผู้ชายเป็นลูกชายของป้าเช่นกัน อายุเด็กสองคนเท่ากันคือ11ขวบ บ้านเราสนิทกันมาก ไม่สิเคยสนิทมากกว่าเพราะต่างคนต่างอยู่เพิ่งไปมาหาสู่ตอนเราอยู่สระแก้ว แต่เพราะงานของเราจึงไม่ค่อยอะไรกับใคร
ปกติทุกปิดเทอมแม่เราจะรับหลานชายและหลานสาวมาเที่ยวที่กรุงเทพ(เด็กสองคนกำพร้า คนหนึ่งกำพร้าแม่อีกคนกำพร้าพ่อ) พอเราย้ายมาอยู่สระแก้วเด็กๆ เลยมาอยู่กับเราทั้งสองคนแต่บ้านไม่ห่างกันนะ จินตนาการออกไหมแถวตจว. บ้านไม่มีรั้วห่างกันไม่มาก พออยู่มาระยะหนึ่งหลานสาวก็กลับไปอยุ่กับแม่แต่จะมานอนกับเราบ้างตามวาระโอกาสต่างจากหลานชายซึ่งพื้นฐานเดิมคือเขาอยู่กับหลานผุู้หญิงกับน้าที่เรียกแม่เพราะเลี้ยงมาแต่เด็ก(นั่นคือพี่สาวเรา)
เราเลยอาสาเลี้ยงหลานผู้ชาย ซึ่งแรกๆ เขาก็โอเคดี เรารับภาระมาหมดทุกอย่าง จริงๆ ไม่ได้เรียกภาระหรอกเพราะเราเลี้ยงหลานเพราะความเต็มใจเพราะรักและสงสาร พ่อน้องแยกกับแม่แล้วได้เมียใหม่(เอาง่ายๆ นะ) เลยมีลูกคนหนึ่งอายุ6ขวบ ด้วยความที่เป็นหลานคนเล็กป้าเราเลยเลี้ยงตามใจ ฉะนั้นเราจึงไม่ชอบเด็กที่เอาแต่ใจและหยาบคายเลยไม่สนิท เราตั้งใจเลี้ยงหลานชายมาก ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยเราพยายามให้ความอุ่นอบรมฝึกสอนหลานทุกอย่าง (ลืมบอกหลานเราเป็นเด็กที่ค่อนข้างสมาธิสั้นเรียนเกือบที่โหล่และเกือบถูกให้เป็นเด็กพิเศษ) ราพยายามหาข้อมูลทุกอย่างเพื่อที่จะมาปรับทัสนคติและนิสัยหลานเราและมันเหมือนจะได้ผลเพราะพัฒนาการของเขาดีมากจนครูชม เรื่องเกิดตอนหลานปิดเทอมเมื่อเดือนที่แล้ว เขาได้เงินไปวันละ30และเพราะเขาเห็นเราพาหยอดกระปุกเลยฝากครู5-10บาทต่อวันและเหลือจากกินนั้นก็มาหยอดกระปุกที่บ้าน จนมีเงินเก็บเกือบ2พันในระยะเวลา2เทอม ซึ่งสำหรับเราไม่ได้สนใจจะมากหรือน้อยแต่ทางบ้านพี่เราก็แขวะเรามาเราก็พยายามไม่ใส่ใตรงนี้
หลานชายเราเรียนดีขึ้นจนเราเองก็ตกใจคือได้เกรดเฉลี่ย3.34 ลำดับที่5 จากที่26
เราดีใจแต่ก็ไม่ได้ชมหลานมากมายเพราะหลานสาวผลการเรียนยังคงที่คือเลขตัวเดียวแต่สูงกว่าหลานชายซึ่งต่างจากทุกปีที่หลานเราจะได้เลข2
ตัวเกือบที่โหล่ เราย้ำเตือนกับหลานสองคนเสมอว่าเกรดไม่ได้สำคัญไปกว่าทักษาะการใช้ชีวิตและเอาตัวรอดในสังคม แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราไม่จำเป็นต้องตั้งใจเรียนเพราะความรู้คือวิชาที่จะติดตัวไปจนตาย
ต้องบอกก่อนเมื่อก่อนที่เราจะดูแลหลานพี่สาวเราเป็นคนที่ดูแลหลานชายและหลานสาวรวมทั้งลูกของพี่ชายคนเล็กอายุ6ขวบมาก่อน (หลานของเราจะโดนตีทำโทษและด่าเสมอเพราะว่าน้องช้ามากทำให้น้องไม่ค่อยจะสนิทกับใครง่ายๆ พูดน้อยและไม่ค่อยไว้ใจใครกว่าเราจะตีสนิทได้ก็เกือบ2ปี ตอนหลานเราอายุ8ขวบโน่น)
พอปิดเทอมจังหวะพอดีเราต้องไปเซ็นสัญญางานที่กรุงเทพจึงอยากพาหลานสองคนไปด้วยคือผญ-ผช เพราะคนเล็กเราไม่ค่อยสนิทเวลาดูแลแล้วน้องเขาไม่ฟังแถมยังงอแงเวลาอยากได้อะไรก็ชักดิ้นชักงอจะเอาให้ได้ซึ่งเเวลาทำเขาได้ผลจากปู่ย่าและป้าเสมอ(พี่สาวเรา)
พอเราโทรไปขอพี่ชายที่เป็นพ่อของหลานว่าจะพาไปกรุงเทพเขาก็ต่อว่ามาว่าเราเลี้ยงหลานลำเอียงทำหลานเรานิสัยแย่ใช้ไม่ได้ มาต่อว่าเราว่าพยายามแยกพี่น้องออกจากกัน(เด็กผู้ชายสองคนเป็นลูกคนละแม่พ่อเดียวกัน) ตอนนั้นยอมรับว่าเฟลแต่ก็ต้องรีบขึ้นกรุงเทพจึงให้หลานไปอยู่กับพี่เหมือนเดินในระยะ2อาทิตย์ที่ต้องขึ้นไปดูงานและเซ็นสัญญาพร้อมกับความเครียดเรื่องที่พี่พูด จริงๆ พี่สาวเราควรจะเป็นคนพูดมากกว่าเพราะเขารับภาระเด็กทั้งสองคนโดยที่พี่ชายไม่เคยส่งเงินมาเลยในรอบปี หรือส่งมาแต่พี่ีสาวเราไม่บอกก็ไม่รู้เราไม่สนใจแต่พี่บอกไม่ส่ง
เราเริ่มทบทวนว่าควรจะให้หลายอยู่ด้วยต่อไหม เพราะที่จริงเราเริ่มถอดใจเพราะพ่อ ป้าและลุงของเขารุมเราเรื่องหลานกับการเลี้ยงลำเอียง ซึ่งเรายอมรับแต่เพราะว่าหลานชายอยู่กับเราเราเลยอยากให้เขาเท่าที่ให้ได้ แต่ก็ไม่ได้ตามใจไปซะทุกอย่างเรามีกรอบของเราซึ่งหลานก็เข้าใจในกรอบของเราดีและเขาดูมีความสุข เมื่อหลายวันก่อนเราถามพี่สาวเราเรื่องซื้อกระเป๋าชุดนักเรียนใหม่รวมทั้งอุปกรณ์การเรียนของหลานซึ่งพี่สาวบอกว่าเราไม่ต้องจ่ายให้เพราะพ่อของเขาจะโอนมาให้เอง พอถึงเวลาพี่ชายก็โอนมาให้พี่เราแค่2พัน ให้ป้าเราอีก1พัน ซึ่งเงิน1พันมันไม่มีทางที่จะซื้อของเด็กที่ขึ้นป1. และป.6 จนครบไหนจะของหลานสาวเราอีก เราเลยบอกพี่สาวว่าเราซื้อให้ก็ได้ พี่สาวก็เลยสวนมาว่าเขาจะดิ้นหาเองเพราะรำคาญพ่อของหลานชายบ่น พอเขาบอกอย่างนั้นเราเลยนิ่งไป เขาบอกว่าต่อไปจะจ่ายเงินหลานไปโรงเรียนเองเพราะพ่อหลานจะส่งมาให้ ให้หลานมาอยู่เป็นเพื่อนเฉยๆ อืม จริงๆ เราไม่อยากได้คนมาอยู่เป็นเพื่อนนะ เราอยู่คนเดียวสบาย ดีเสียอีกเพราะเราจะชอบทำงานตอนกลางคืนพอมีหลานต้องทำงานตอนกลางวันซึ่งมันร้อนไม่ค่อยใจสงบเท่าไหร่ แต่เพราะเรารักหลานจึงพยายามปรับโซนเวลาให้ตรงกับเขา ให้มีเวลากิจกรรมร่วมกับเขานอกเวลาเรียน ใจจริงอยากจะคืนเขาไปให้พี่สาวเลี้ยงเหมือนเดิมแต่พอมองเห็นหลานยิ้มให้ก็หนักใจทุกครั้ง เพราะเขาดุมีความสุข ดวงตาประกายความสุขของเขาทำให้เราอยากจะเห็นต่อไปเรื่อยๆ แต่พอมีเกิดเรื่องแบบนี้ก็ทำเราลังเลและหนักใจ ส่วนทางบ้านแม่กับพ่อเรายังบอกให้เลี้ยงต่อไปทั้งที่เขารับรู้ปัญหาเช่นกัน เราอึดอัดแต่ก็ไม่รู้ทำยังไงกับชีวิต เฮ้อ
จะสู้เพื่อหลานหรือจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม
แท็กผิดขอโทษค่ะ
อีกอย่าง จขกท. ตอบไม่เป็นค่ะ ทำได้แค่ฟังความคิดเห็น ขอโทษที่จะตอบคำถามใครไม่ได้ ขอบคุณค่ะ
ควรทำยังไงกับอนาคตหลานชายดี
เรามีหลานที่สนิทอยู่2คน นั้นคือผู้หญิงลูกของพี่สาวซึ่งเป็นลูกของป้า อีกคนเป็นผู้ชายเป็นลูกชายของป้าเช่นกัน อายุเด็กสองคนเท่ากันคือ11ขวบ บ้านเราสนิทกันมาก ไม่สิเคยสนิทมากกว่าเพราะต่างคนต่างอยู่เพิ่งไปมาหาสู่ตอนเราอยู่สระแก้ว แต่เพราะงานของเราจึงไม่ค่อยอะไรกับใคร
ปกติทุกปิดเทอมแม่เราจะรับหลานชายและหลานสาวมาเที่ยวที่กรุงเทพ(เด็กสองคนกำพร้า คนหนึ่งกำพร้าแม่อีกคนกำพร้าพ่อ) พอเราย้ายมาอยู่สระแก้วเด็กๆ เลยมาอยู่กับเราทั้งสองคนแต่บ้านไม่ห่างกันนะ จินตนาการออกไหมแถวตจว. บ้านไม่มีรั้วห่างกันไม่มาก พออยู่มาระยะหนึ่งหลานสาวก็กลับไปอยุ่กับแม่แต่จะมานอนกับเราบ้างตามวาระโอกาสต่างจากหลานชายซึ่งพื้นฐานเดิมคือเขาอยู่กับหลานผุู้หญิงกับน้าที่เรียกแม่เพราะเลี้ยงมาแต่เด็ก(นั่นคือพี่สาวเรา)
เราเลยอาสาเลี้ยงหลานผู้ชาย ซึ่งแรกๆ เขาก็โอเคดี เรารับภาระมาหมดทุกอย่าง จริงๆ ไม่ได้เรียกภาระหรอกเพราะเราเลี้ยงหลานเพราะความเต็มใจเพราะรักและสงสาร พ่อน้องแยกกับแม่แล้วได้เมียใหม่(เอาง่ายๆ นะ) เลยมีลูกคนหนึ่งอายุ6ขวบ ด้วยความที่เป็นหลานคนเล็กป้าเราเลยเลี้ยงตามใจ ฉะนั้นเราจึงไม่ชอบเด็กที่เอาแต่ใจและหยาบคายเลยไม่สนิท เราตั้งใจเลี้ยงหลานชายมาก ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยเราพยายามให้ความอุ่นอบรมฝึกสอนหลานทุกอย่าง (ลืมบอกหลานเราเป็นเด็กที่ค่อนข้างสมาธิสั้นเรียนเกือบที่โหล่และเกือบถูกให้เป็นเด็กพิเศษ) ราพยายามหาข้อมูลทุกอย่างเพื่อที่จะมาปรับทัสนคติและนิสัยหลานเราและมันเหมือนจะได้ผลเพราะพัฒนาการของเขาดีมากจนครูชม เรื่องเกิดตอนหลานปิดเทอมเมื่อเดือนที่แล้ว เขาได้เงินไปวันละ30และเพราะเขาเห็นเราพาหยอดกระปุกเลยฝากครู5-10บาทต่อวันและเหลือจากกินนั้นก็มาหยอดกระปุกที่บ้าน จนมีเงินเก็บเกือบ2พันในระยะเวลา2เทอม ซึ่งสำหรับเราไม่ได้สนใจจะมากหรือน้อยแต่ทางบ้านพี่เราก็แขวะเรามาเราก็พยายามไม่ใส่ใตรงนี้
หลานชายเราเรียนดีขึ้นจนเราเองก็ตกใจคือได้เกรดเฉลี่ย3.34 ลำดับที่5 จากที่26
เราดีใจแต่ก็ไม่ได้ชมหลานมากมายเพราะหลานสาวผลการเรียนยังคงที่คือเลขตัวเดียวแต่สูงกว่าหลานชายซึ่งต่างจากทุกปีที่หลานเราจะได้เลข2
ตัวเกือบที่โหล่ เราย้ำเตือนกับหลานสองคนเสมอว่าเกรดไม่ได้สำคัญไปกว่าทักษาะการใช้ชีวิตและเอาตัวรอดในสังคม แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราไม่จำเป็นต้องตั้งใจเรียนเพราะความรู้คือวิชาที่จะติดตัวไปจนตาย
ต้องบอกก่อนเมื่อก่อนที่เราจะดูแลหลานพี่สาวเราเป็นคนที่ดูแลหลานชายและหลานสาวรวมทั้งลูกของพี่ชายคนเล็กอายุ6ขวบมาก่อน (หลานของเราจะโดนตีทำโทษและด่าเสมอเพราะว่าน้องช้ามากทำให้น้องไม่ค่อยจะสนิทกับใครง่ายๆ พูดน้อยและไม่ค่อยไว้ใจใครกว่าเราจะตีสนิทได้ก็เกือบ2ปี ตอนหลานเราอายุ8ขวบโน่น)
พอปิดเทอมจังหวะพอดีเราต้องไปเซ็นสัญญางานที่กรุงเทพจึงอยากพาหลานสองคนไปด้วยคือผญ-ผช เพราะคนเล็กเราไม่ค่อยสนิทเวลาดูแลแล้วน้องเขาไม่ฟังแถมยังงอแงเวลาอยากได้อะไรก็ชักดิ้นชักงอจะเอาให้ได้ซึ่งเเวลาทำเขาได้ผลจากปู่ย่าและป้าเสมอ(พี่สาวเรา)
พอเราโทรไปขอพี่ชายที่เป็นพ่อของหลานว่าจะพาไปกรุงเทพเขาก็ต่อว่ามาว่าเราเลี้ยงหลานลำเอียงทำหลานเรานิสัยแย่ใช้ไม่ได้ มาต่อว่าเราว่าพยายามแยกพี่น้องออกจากกัน(เด็กผู้ชายสองคนเป็นลูกคนละแม่พ่อเดียวกัน) ตอนนั้นยอมรับว่าเฟลแต่ก็ต้องรีบขึ้นกรุงเทพจึงให้หลานไปอยู่กับพี่เหมือนเดินในระยะ2อาทิตย์ที่ต้องขึ้นไปดูงานและเซ็นสัญญาพร้อมกับความเครียดเรื่องที่พี่พูด จริงๆ พี่สาวเราควรจะเป็นคนพูดมากกว่าเพราะเขารับภาระเด็กทั้งสองคนโดยที่พี่ชายไม่เคยส่งเงินมาเลยในรอบปี หรือส่งมาแต่พี่ีสาวเราไม่บอกก็ไม่รู้เราไม่สนใจแต่พี่บอกไม่ส่ง
เราเริ่มทบทวนว่าควรจะให้หลายอยู่ด้วยต่อไหม เพราะที่จริงเราเริ่มถอดใจเพราะพ่อ ป้าและลุงของเขารุมเราเรื่องหลานกับการเลี้ยงลำเอียง ซึ่งเรายอมรับแต่เพราะว่าหลานชายอยู่กับเราเราเลยอยากให้เขาเท่าที่ให้ได้ แต่ก็ไม่ได้ตามใจไปซะทุกอย่างเรามีกรอบของเราซึ่งหลานก็เข้าใจในกรอบของเราดีและเขาดูมีความสุข เมื่อหลายวันก่อนเราถามพี่สาวเราเรื่องซื้อกระเป๋าชุดนักเรียนใหม่รวมทั้งอุปกรณ์การเรียนของหลานซึ่งพี่สาวบอกว่าเราไม่ต้องจ่ายให้เพราะพ่อของเขาจะโอนมาให้เอง พอถึงเวลาพี่ชายก็โอนมาให้พี่เราแค่2พัน ให้ป้าเราอีก1พัน ซึ่งเงิน1พันมันไม่มีทางที่จะซื้อของเด็กที่ขึ้นป1. และป.6 จนครบไหนจะของหลานสาวเราอีก เราเลยบอกพี่สาวว่าเราซื้อให้ก็ได้ พี่สาวก็เลยสวนมาว่าเขาจะดิ้นหาเองเพราะรำคาญพ่อของหลานชายบ่น พอเขาบอกอย่างนั้นเราเลยนิ่งไป เขาบอกว่าต่อไปจะจ่ายเงินหลานไปโรงเรียนเองเพราะพ่อหลานจะส่งมาให้ ให้หลานมาอยู่เป็นเพื่อนเฉยๆ อืม จริงๆ เราไม่อยากได้คนมาอยู่เป็นเพื่อนนะ เราอยู่คนเดียวสบาย ดีเสียอีกเพราะเราจะชอบทำงานตอนกลางคืนพอมีหลานต้องทำงานตอนกลางวันซึ่งมันร้อนไม่ค่อยใจสงบเท่าไหร่ แต่เพราะเรารักหลานจึงพยายามปรับโซนเวลาให้ตรงกับเขา ให้มีเวลากิจกรรมร่วมกับเขานอกเวลาเรียน ใจจริงอยากจะคืนเขาไปให้พี่สาวเลี้ยงเหมือนเดิมแต่พอมองเห็นหลานยิ้มให้ก็หนักใจทุกครั้ง เพราะเขาดุมีความสุข ดวงตาประกายความสุขของเขาทำให้เราอยากจะเห็นต่อไปเรื่อยๆ แต่พอมีเกิดเรื่องแบบนี้ก็ทำเราลังเลและหนักใจ ส่วนทางบ้านแม่กับพ่อเรายังบอกให้เลี้ยงต่อไปทั้งที่เขารับรู้ปัญหาเช่นกัน เราอึดอัดแต่ก็ไม่รู้ทำยังไงกับชีวิต เฮ้อ
จะสู้เพื่อหลานหรือจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม
แท็กผิดขอโทษค่ะ
อีกอย่าง จขกท. ตอบไม่เป็นค่ะ ทำได้แค่ฟังความคิดเห็น ขอโทษที่จะตอบคำถามใครไม่ได้ ขอบคุณค่ะ