'เด็กสาวข้างบ้าน' ที่ไม่ใช่ 'เด็กสาวบ้านบ้าน'

หลังจากที่ได้เห็นการแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องคอนเซ็ปต์ของวง กฎต่างๆ ภาพลักษณ์และความสามารถ จากโอตะหน้าใหม่มาสักพัก จนคิดว่าตอนนี้ซาๆไปแล้ว แต่ก็ยังพอมีเห็นอยู่บ้าง

เลยคิดว่ายังมีหลายคนที่เข้าใจผิดหลายประเด็นเกี่ยวกับ 48 Group อยู่
วันนี้เลยอยากจะมาพูดคร่าวๆและทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องที่เคยมีประเด็น
ออกตัวก่อนว่าเราไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้อะไร
แต่ก็ได้ติดตามวงพี่มาก่อนประมาณหนึ่ง
จึงอาจจะเรียกได้ว่า มาแชร์ข้อมูลที่รู้เล่าสู่กันฟังเท่านั้น

ตั้งแต่เรื่องที่ว่ารุ่น 2 มาแล้วรุ่น 1 จะไปไหน?

หวังว่าตอนนี้จะเข้าใจกันแล้วว่ารุ่น 1 ก็ยังอยู่เหมือนเดิม แต่เพิ่มจำนวนสมาชิกขึ้น
และหากวงยังไปได้ต่อ เชื่อว่าจะมีรุ่น 3 4 5... ต่อไปเรื่อยๆ
ถึงจะบอกว่าเป็นการมาแบ่งเบางานของรุ่น 1
แต่ก็นั่นแหละ การแข่งขันในวงก็ต้องสูงขึ้นเป็นธรรมดา
ดังนั้นโอตะก็อย่าไปกดดันน้องๆไม่ว่าจะรุ่นไหนเลย เชื่อว่าพวกน้องๆต้องพยายามอย่างหนักกันอยู่แล้ว


การห้ามมีแฟน

ในเรื่องนี้เข้าใจว่าวงของประเทศเราไม่ได้มีกฎตายตัว เป็นลายลักษณ์อักษร
แต่เป็นเรื่องของการรักษาภาพลักษณ์ของวงเสียมากกว่า
ไม่เหมือนกับวงรุ่นพี่ ที่จะมีการพูดถึงในรายการบ่อยๆโดยใช้คำว่า 恋愛禁止 ซึ่งแปลว่าห้ามมีความรัก
ส่วนตัวแล้วไม่อยากให้มาโฟกัสกันว่าน้องๆจะมีแฟนกันรึเปล่า
แต่อยากให้คิดว่าถ้ามันไม่กระทบต่อภาพลักษณ์ของวงให้มีความเสียหาย
การมีความรักก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย จริงไหม?


เรื่องการห้ามจับเนื้อต้องตัว/ห้ามถ่ายรูปคู่เมมเบอร์

อันนี้อาจจะแปลกใหม่สำหรับประเทศเราไปบ้าง
เพราะเราอาจจะเคยชินกับขอจับมือ ขอลายเซ็นต์ ขอถ่ายรูปเวลาเจอคนดัง
แต่คิดดูแล้วมันก็เมคเซ้นส์เรื่องการเคารพสิทธิส่วนบุคคลของน้องๆ ที่เป็นผู้หญิงและหลายๆคนยังเป็นเด็กอยู่
หวังว่าคนที่ยังไม่เข้าใจวัฒนธรรมตรงนี้ จะเข้าใจได้ในเร็ววัน


และอีกอย่างนึงคือคอนเซ็ปต์ของวง

ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากคำว่า 'ไอดอลที่สามารถไปหาได้' คือการมีเธียเตอร์สำหรับเปิดการแสดง ให้เหล่าโอตะสามารถไปชมการแสดงและมีอีเว้นต์จับมือให้ได้พบปะกับเมมเบอร์ที่ตนชื่นชอบ

ไม่ใช่ 'ไอดอลที่สัมผัสได้' อย่างที่หลายๆคนเข้าใจผิด
ซึ่งคำว่า สัมผัสได้ ก็แล้วแต่คนจะตีความหมายไปอีก


ส่วนเรื่องสุดท้าย ภาพลักษณ์ความและสามารถของเมมเบอร์

48 Group เป็นกรุ๊ปที่มีแก่นหลักคือ
การให้โอตะเฝ้ามองพัฒนาการและสนับสนุนความพยายามของน้องๆ
โดยที่สุดท้ายแล้วต่างฝ่ายก็ต่างเป็นกำลังใจให้ซึ่งกันและกัน

เมมเบอร์ผู้ซึ่งมีแรงผลักดันและได้รับการสนับสนุนจากโอตะ

และโอตะผู้ซึ่งได้รับกำลังใจจากความพยายามของเมมเบอร์

ดังนั้นสองสิ่งนี้จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปไม่ได้

คำว่า 'เด็กสาวข้างบ้าน'
นั้นคือ คนที่เราสามารถเฝ้ามองการเติบโต การพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นความสามารถ หรือรูปร่างหน้าตา

ซึ่งต่างจากคำว่า 'เด็กสาวบ้านบ้าน' โดยสิ้นเชิง

'เด็กสาวข้างบ้าน' อาจจะไม่ต้องมีหน้าตาที่สวยหรือเต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถ แต่เป็นคนที่พร้อมจะรับ พร้อมจะพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น

แต่ก็นั่นแหละ มันไม่ได้หมายความว่า น้องๆจะหน้าตาสวยน่ารัก หรือมีต้นทุนความสามารถที่ดีมาก่อนอยู่แล้วไม่ได้
ดังนั้นจึงไม่อยากให้มาตัดสินว่า จะต้องคัดคนหน้าตาธรรมดาๆ หรือไม่มีความสามารถเข้ามาอย่างเดียว

เพราะ 'เด็กสาวข้างบ้าน' ของแต่ละคน ไม่เหมือนกันหรอก จริงไหม?



สุดท้ายนี้ อยากให้ทุกคนติดตามน้องๆกันอย่างมีสติ อะไรที่ไม่เข้าใจก็พยายามทำความเข้าใจก่อน จึงค่อยตัดสิน
อย่าไปตีกรอบให้น้องๆว่าต้องเป็นอย่างนั้น ต้องทำอย่างนี้

เพราะสุดท้ายแล้ว การที่ได้เห็นน้องๆมีความสุข มันทำให้พวกเรามีความสุขไม่ใช่หรอ?
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
คำว่าเด็กสาวข้างบ้านมันหมายถึงแค่ "เราสามารถเฝ้ามองดูน้องๆราวกับเป็นเด็กสาวข้างบ้านได้" แค่นั้นแหละครับ แต่แฟนคลับบางคนใส่สีตีไข่ไปเองว่าต้องหน้าตาบ้านๆความสามารถบ้านๆอะไรแบบนี้ด้วย

เรื่องที่แฟนคลับใส่สีตีไข่เข้าใจผิดไปเองมีอีกเยอะครับ เช่น "ไอดอลที่พบเจอได้" ก็เพี้ยนเป็น "ไอดอลที่เข้าถึงได้" หรืออย่างคำว่า "ไม่ต้องการน้ำที่เต็มแก้ว" ก็เพี้ยนเป็น "ไม่ต้องการคนเก่งสวยมีความสามารถ" ซะงั้น

ห้ามมีแฟน/ห้ามจับเนื้อต้องตัว... อันนี้ไม่แปลกที่จะมีคนไม่เข้าใจเยอะ เพราะน้องๆเองก็ตอบไม่เคลียร์ แต่อันนี้จะโทษน้องๆก็ไม่ได้ครับ เพราะมันพูดให้เคลียร์ออกสื่อไม่ได้ จะให้พูดว่าแฟนคลับไม่ชอบคนที่มีแฟน แฟนคลับรบกวนความเป็นส่วนตัวของน้องๆ หรือเพื่อผลประโยชน์บริษัท มันก็ตรงเกินไป ก็เลยเลี่ยงไปว่ารักษาภาพลักษณ์อะไรแบบนั้นแหละครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่