เรื่องราวการใช้ชีวิตในเกาหลีตั้งแต่แต่งานจนได้งานทำในเกาหลี

วันนี้เนื่องจากมีเวลาว่าง เลยอยากจะขอแชร์ประสบการณ์ให้กับว่ามีแม่บ้านมือใหม่ ที่จะต้องย้ายมาอยู่ในประเทศเกาหลี ยังไงก็ขอแทนตัวเองว่าฟ้านะคะ
ฟ้าเชื่อว่าหลายๆคนที่กำลังจะย้ายมาอยู่เกาหลีคงมีเรื่องให้กังวลอยู่ไม่น้อย ไหนจะภาษา วัฒนธรรม สภาพแวดล้อม อากาศ และเรื่องงาน ซึ่งเรื่องต่างๆเหล่านี้ถือเป็นเรื่องนี้หนักหนาสาหัสอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องภาษาและงาน เพราะฟ้าเชื่อว่าใครๆก็คงอยากที่จะหาเงินใช้เอง ถึงแม้ว่าจะแต่งงานกับสามีคนเกาหลีแล้วก็ตาม แต่การมีเงินเป็นของตัวเองก็สบายใจกว่าเยอะ แต่เหนือสิ่งอื่นใดภาษาถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการดำรงชีวิต ซึ่งในประเทศเกาหลีต้องยอมรับว่าเค้าให้การสนับสนุนชาวต่างชาติในเรื่องของการเรียนภาษาค่อนข้างดี ทำให้มีศูนย์เรียนภาษาฟรีสำหรับชาวต่างชาติที่มีวีซ่าอยู่หลายที่เลยทีเดียว ซึ่งตัวฟ้าเองก่อนที่จะย้ายมาอยู่เกาหลีเมื่อเมษาปีที่แล้ว  ฟ้าได้ทำการหาข้อมูลสถานที่เรียนต่างๆในเกาหลีเอาไว้ล่วงหน้า โดยที่ฟ้าเลือกเรียนจะมีอยู่ด้วยกัน 3 ที (ฟรีหมดจ้า) 1. ศูนย์ทามุนฮวา หากใครสนใจสามารถหาศูนย์ใกล้บ้านได้เลย 2. Seoul global center ที่นี้ไม่ค่อยมีคนรู้จักเท่าไหร่นัก แต่ถือได้ว่าสอนดีทีเดียว เพราะอาจารย์ที่มาสอนนั้น เป็นอาจารย์จากมหาวิทยาลัย และใช้หนังสือมหาลัซอกัง 3. โปรแกรม KIIP จากทาง ตม.

หลังจากที่ได้แหล่งที่เรียนมาแล้ว ฟ้าก็ได้ทำการเช็คข้อมูลวิธีการสมัครจากเวปไซน์และดูช่วงที่เปิดรับสมัครและเริ่มเรียน เพื่อที่จะได้จัดตารางเวลาการเรียน เนื่องจากฟ้าลงเรียนทั้ง 3 ที่ ฟ้าจึงจำเป็นต้องจัดเวลาการเรียนของแต่ละที่ไม่ให้ชนกัน ฟ้าต้องบอกก่อนเลยคะว่า ฟ้ามาอยู่เกาหลีโดยไม่มีพื้นฐานด้านภาษามาก่อนเลย ช่วงแรกค่อนข้างลำบาก จะทำอะไรจะสื่อสารอะไรกับใครก็ไม่ได้เลย และสิ่งหนึ่งที่ทำให้รู้สึกอึดอัดมากๆคือที่ประเทศเกาหลีแทบจะไม่มีใครใช้ภาษาอังกฤษ แม้แต่หน่วยราชการ ทำให้ตอนแรกๆที่มาต้องพึ่งสามี 100 เปอร์เซ็นต์ ช่วง 2 เดือนแรก เป็นช่วงที่ต้องปรับตัวอย่างหนัก และเนื่องจากเรายังหางานทำในเกาหลีไมได้ทำให้ฟ้ามีเวลาว่างหลังจากเรียนแทบทุกวัน ช่วงนั้นก็จะเอาตำราเรียนมาอ่านทุกวัน วันละนิดวันละหน่อยก็ยังดี แต่ถือคติที่ว่าต้องจับหนังสืออ่านทุกวัน เพราะฟ้าบอกตัวเองเสมอว่าต้องหางานทำให้ได้เร็วที่สุด ประกอบกับแฟนหักดิบ ไม่ใช้ภาษาอังกฤษในการสนทนา นอกจากคำที่ไม่รู้จริงๆ ก็จะใช้ภาษาอังกฤษแทน เมื่อเข้าเดือนที่ 4 ภาษาก็เริ่มพอสื่อสารได้บ้าง ซึ่งประโยคที่ได้ก็จะเป็นการสนทนาพื้นฐานทั่วๆไป ที่ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมากมาย และเนื่องจากฟ้าเป็นคนทำงานมาก่อน ทำให้บางช่วงเวลารู้สึกเหงา เครียดและหดหู่ จึงพยายามมองหางานที่พอจะทำได้บ้าง ช่วงนั้นจึงทำการเปิดรับสินค้าพรีออเดอร์ส่งให้ลูกค้าที่ไทย และรับสอนภาษาไทยให้คนเกาหลี ซึ่งรายได้ก็พออยู่ได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือมันทำให้เรากล้าออกไปไหนมาไหนมากขึ้น กล้าใช้ภาษากับคนอื่นมากขึ้น  จนกระทั้งเข้าเดือนที่ 9 ที่มาใช้ชีวิตอยู่ในประเทสเกาหลี ก็ได้มีโอกาสเข้าไปทำงานในบริษัทเกาหลีด้านการตลาด จากการแนะนำของคนเกาหลีที่รู้จัก ซึ่งต้องขอบคุณบริษัทที่ให้โอกาสได้ทำงาน ถึงแม้ภาษาอาจจะยังไม่ได้เก่งอะไรมากมาย ส่วนเวลาที่เหลือหลังจากทำงานก็ยังคงไปเรียนภาษาอยู่ แต่อาจจะไม่ได้เรียนครบทั้ง 3 ที่ แต่ก็พยายามหาสถานที่เรียนที่สามารถไปเรียนได้โดยไม่กระทบกับเวลางาน...  หลังจากทำงานมันก็ทำให้เรารู้ว่าจริงๆแล้วการใช้ชีวิตที่นี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการใช้ชีวิตที่ไไทยเลย ตื่นเช้าไปทำงาน เย็นก็กลับบ้าน หรือหากมีกิจกรรมอะไร ก็ไปทำกิจกรรมนั้นๆ แต่ก็ยอมรับว่าภาษาก็ยังทำให้อึกอัดอยู่ดี เพราะการที่จะเก่งภาษาได้นั้นคงต้องใช้เวลานานอยู่พอสมควร หากใครได้อ่านกระทู้นี้ก็ขอให้สู้ๆนะคะ หากต้องการคำปรึกษาอะไร ยินดีให้คำปรึกษาค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่