ห้องเพลงคนรากหญ้า *พักยกการเมือง* มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม..มีแต่เสียง 3/05/2018 "ดูด ส.ส."

สวัสดีทุกท่านครับ อมยิ้ม17

เมื่อสองเดือนกว่าที่แล้ว MC ได้มีโอกาสสนทนาการเมืองสั้นๆกับข้าราชการผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ท่านค่อนข้างเป็นกังวลกับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้ ให้พูดตรงๆคือท่านไม่อยากเลือกตั้งนั่นเอง โดยท่านให้เหตุผลว่าคนไทยยังไม่เหมาะกับระบอบประชาธิปไตย คนในชนบทจำนวนมากยังไม่เข้าใจกับประชาธิปไตยเลย ซึ่งค่อนข้างสอดคล้องกับความเห็นของคุณตั๊น จิตภัสร์ กฤดากร เมื่อครั้งที่มีเหตุการณ์ชุมนุมของ กปปส.


เหตุผลต่อมาของท่านนั่นคือ เสียงของคนแต่ละคน มันไม่น่าจะเท่ากัน คนที่มองการเมืองออกน่าจะเป็นเสียงที่มีคุณภาพมากกว่าชาวบ้านธรรมดาทั่วไปที่ไม่สนใจการเมืองเลย มีแค่หน้าที่ไปกาคะแนนให้เท่านั้น  เหตุผลนี้ก็ดันไปสอดคล้องกับความเห็นของด็อกเตอร์เสรี วงษ์มณฑา และ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อีกเช่นกัน


ที่อเมซิ่งไปกว่านั้นคือ ท่านให้ความเห็นว่าก่อนจะมีเลือกตั้งควรให้ถนนลูกรังหมดไปจากประเทศก่อนแล้วค่อยคิดเรื่องเลือกตั้ง มันช่างคล้ายๆกับตอนพิจารณาเรื่องรถไฟความเร็วสูงของศาล รธน


ซึ่งมันจะเป็นไปได้หรือ หรือเป็นไปได้น้อยมากหากจะให้ถนนลูกรังหมดไปจากประเทศไทยก่อน เรายังไม่มีงบประมาณขนาดนั้นที่จะทำให้ถนนทุกสายโดยเฉพาะสายย่อยต่างๆทั่วประเทศเป็นถนนคอนกรีตหรือลาดยางทั้งหมดได้ เอาแค่ที่เห็นๆพวกที่เป็นคอนกรีตหรือลาดยางนี่ยังเป็นหลุมเป็นบ่อกันอยู่เลย ไปซ่อมตรงนี้ให้มันเรียบก่อนดีไหม ถ้าจะให้มันไมมีลูกรังเลยมีทางเทียวก็คือห้ามเอาลูกรังมาสร้างเป็นถนนหละครับ

จากที่สนทนากันนี้ มันสามารถตอบโจทย์ได้ว่า กปปส ทำสำเร็จในส่วนของตัวเองในระดับหนึ่งที่สามารถทำให้คนเชื่อได้จวบจนทุกวันนี้

เราจะลองมาวิเคราะห์คร่าวๆดูว่าถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ตอนนี้มีนดีกว่าปี 56-57 ยังไง ทำไมตอนนี้ถึงจะมีเลือกตั้ง คนชนบทเข้าใจประชาธิปไตยดีแล้วหรือ หลายล้านเสียงในต่างจังหวัดตกลงตอนนี้มีค่าเท่ากับสามแสนเสียงใน กทม แล้วใช่ไหม ส่วนถนนลูกรังจะหมดหรือไม่หมดมันไม่เกี่ยวกันอยู่แล้วเพราะมันยากกว่าจะให้มันหมดไป  หรือว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นประชาธิปไตยมากกว่าฉบับอื่น ทุกคนเข้าใจถ่องแท้แล้วว่าประชาธิปไตยคืออะไร???

หรือว่าตอนนี้เราพร้อมแล้วสำหรับการเลือกตั้ง คืนอำนาจให้กับประชาชน เพราะมีเสียงสนับสนุนจาก ส.ส. เรียบร้อย (ที่บอกกันว่าดูด ส.ส) ตอนนี้เราถึงเวลาแล้วสำหรับประชาธิปไตย



แม้ว่าบางท่านจะอ้างว่าการดูดส.ส. เป็นครรลองประชาธิปไตยที่มีมานานแล้ว แต่นักวิชาการหลายท่านก็ยังคงมีความเห็นที่หลากหลายเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยไม่ได้ปฏิเสธว่าในอดีตไม่มี หากแต่แย้งว่ารูปแบบการดึงตัวส.ส.ในอดีต ต่างกับการดำเนินการที่กำลังทำอยู่


อนุสรณ์ อุณโณ
คณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์



"นับเป็นอีกครั้งที่คสช.หยิบยกศัพท์แสง สร้างวาทกรรมเพื่อหวังสร้างความชอบธรรมมาอธิบายให้การกระทำของตนเอง โดยหลักการระดมหาสมาชิกพรรคก็เป็นเรื่องปกติที่ทำกันโดยทั่วไป แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไม่ได้วางอยู่บนพื้นฐานหรืออุดมการณ์ของระบอบประชาธิปไตยอะไรเลย

เป็นเพียงการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จที่มีบีบบังคับให้อดีตส.ส. หรือกลุ่มที่มีฐานเสียงในพื้นที่เข้ามาร่วมกับพรรคของตัวเอง เพื่อเข้าร่วมในสนามการเลือกตั้งที่พวกของตนเองร่างกติกากันขึ้นมาเอง และสร้างให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ

การหาเสียงโจมตีพรรคที่เกี่ยวข้องกับคสช.อาจจะแทบเป็นไปไม่ได้โดยปริยาย เพราะมาตรา 44 ยังอยู่ ไม่นับนโยบายหรือโครงการที่รัฐบาลคสช.กำหลังดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นไทยนิยมหรือประชารัฐที่เอื้อและเกื้อกูลกันอยู่

ขณะเดียวกันก็หยิบยกคดีความ หรือธุรกิจปริ่มน้ำสีเทาของกลุ่มก้อนการเมืองแต่ละกลุ่มขึ้นมาปิดปาก ต่อรอง กดดัน ให้อดีตส.ส.ย้ายมาร่วมกับขั้วของตนเอง

พลังดูดที่เกิดขึ้นในช่วงนี้จึงไม่มีตรงไหนที่เป็นหลักประชาธิปไตย แต่ละคนที่ถูกดูดไม่ได้มีสิทธิเสมอหน้า หรือเท่าเทียม ในการมาร่วมกับพรรคเลย เป็นเพียงการอาศัยอำนาจเบ็ดเสร็จที่มีมาสร้างความได้เปรียบ

การเลือกตั้งครั้งถัดไปหากจะเกิดขึ้นจึงอยู่ในสายตาของคสช.ตลอดเวลา สร้างบรรยากาศให้การเลือกตั้งครั้งหน้า ใครก็ตามที่มาร่วมกับพรรคตนจะมีโอกาสได้รับชัยชนะมากกว่า..."



ฐิติพล ภักดีวานิช
คณบดีคณะรัฐศาสตร์ ม.อุบลฯ



"..การที่มาบอกว่าการดูดส.ส.เป็นเรื่องปกติในสังคมไทยนั้น กำลังยอมรับว่าการที่ ส.ส.เปลี่ยนค่ายหรือย้ายขั้วนั้นเป็นสิ่งที่ดีและเป็นวัฒนธรรมทางการเมืองที่ดีหรือ
มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกลับสะท้อนให้เห็นว่าคนที่อาสาเข้ามาเป็นผู้แทนราษฎรนั้นมองแต่ผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าอุดมการณ์ทางการเมือง หรือผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก

เท่ากับว่าได้ยอมรับวัฒนธรรมทางการเมืองที่ไม่ดี แล้วที่บอกว่าจะเข้ามาปฏิรูปเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง กลายเป็นว่าทำในสิ่งที่ไม่ดีเสียเอง

นอกจากไม่สะท้อนถึงการปฏิรูปแล้ว ยังเป็นการตอกย้ำให้วัฒนธรรมการเมืองที่ไม่ดีแบบนี้ยังคงสืบเนื่องอยู่ในระบบการเมืองไทยโดยที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้แสดงเจตจำนงถึงการปฏิรูปที่ดี

ที่สำคัญ คสช.อาจเข้าใจว่าตัวเองอาจเป็นที่นิยม ได้รับการยอมรับที่จะได้เป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ส.ส.ที่ถูกดูดหรือยอมย้ายขั้วมา ต้องพิจารณาแล้วว่ามีแนวโน้มที่ตัวเองจะได้เป็นรัฐบาลสูง กลุ่มตระกูลการเมืองต่างๆ จึงยอมย้ายมาเข้าร่วมกับคสช.

ประเด็นจึงอยู่ที่ ส.ส.ที่ย้ายพรรคย้ายข้างนั้นมีความมั่นใจว่าจะได้ร่วมเป็นรัฐบาลโดยที่ไม่สนจุดยืน หรือยึดถืออุดมการณ์ทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น คนเหล่านี้มองแต่ผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองมากกว่าประชาชน

สะท้อนให้เห็นว่าระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับนักการเมืองอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นประชาชนไม่ควรเลือกคนเหล่านี้ให้กลับเข้ามา ซึ่งก็เห็นๆ อยู่ว่ามีกลุ่มหรือตระกูลการเมืองใดบ้างที่แสดงตัวอยู่ในขณะนี้..."



อัษฎางค์ ปาณิกบุตร
อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง




"...การดูดส.ส.นั้นต้องใช้ปัจจัยหลายอย่าง ต้องแน่ใจว่าพื้นที่ที่จะดึงตัวอดีตส.ส.มาต้องได้รับเลือกแน่ๆ การดึงให้มาอยู่พรรคตัวเองก็จะมีค่าตอบแทนมาก

อีกทั้งการไปเอาคนจากพรรคใหญ่ 2 พรรคมาอยู่พรรคตัวเอง โอกาสจะชนะในพื้นที่ดังกล่าวก็ยากกว่า เพราะชื่อเสียงและความนิยมในตัวพรรคใหญ่มีสูง แต่ก็อาจจะชนะได้ในพื้นที่ที่นิยมตัวบุคคลมากกว่าพรรค

จะเห็นได้ว่าวิธีการแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การดูดส.ส.น่าจะใช้เงินจำนวนมาก แต่การย้ายหรือเปลี่ยนพรรคในระบอบประชาธิปไตยแค่รักชอบกันก็ย้ายได้ด้วยความสมัครใจ

ดังนั้นเมื่อสมัครใจจะใช้คำว่าดูดไม่ได้ จึงไม่เหมือนกับที่สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.พูดว่าการดูด ส.ส.มีมานานแล้ว

นอกจากนี้ การดูดส.ส.ต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อมาสู้กับพรรคเดิม และยังเอาเก้าอี้มาล่อก็เป็นเรื่องต่างหากอีก

สิ่งที่อยากจะเตือนคือการดูดส.ส.มาเข้าพรรคตัวเองเพื่อจะเล่นการเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย ประวัติศาสตร์มีให้เห็นแล้วว่าล้มเหลว เมื่อถึงเวลาก็จะล่มสลาย ในที่สุด

คนที่แนะนำรัฐบาลทำผิดพลาดมาก แต่การที่เขาต้องเล่นการเมืองเพราะอาจจนมุมในเรื่องที่ทำไว้ เหมือนนักการเมืองที่เล่นการเมืองจนตายเพราะต้องการปกป้องทรัพย์สินของตัวเอง

ก็เหมือนกับการที่รัฐบาลทหารจำเป็นต้องคงอำนาจไว้ ไม่ว่าจะเล่นการเมืองโดยวางกฎหมาย วางยุทธศาสตร์ไว้ 20 ปี พยายามใช้ทุกวิถีทาง เพราะเป็นเฮือกสุดท้ายแล้ว..."



ยังไงก็ตามแต่ MC คิดเสมอว่าอำนาจอธิปไตยก็ยังคงเป็นของปวงชนชาวไทยทุกคน บุคคลที่มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดทั่วประเทศจะเป็นผู้ตัดสินเองครับ ว่าเขาจะอยากได้ใครมาบริหารประทศของตัวเองครับ เมื่อถึงเวลาแล้วก็อย่าลืมไปใช้สิทธิกันเยอะๆ หากหาตัวเลือกไม่ได้เลยจริงๆก็โหวตโนได้ครับ ทุกคะแนนมีผลต่อการแสดงออกตามครรลองประชาธิปไตยครับ





ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ

1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน  ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น





แอ๊ด คาราบาว - ล้างบาง (Official Music Video)

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ขอบพระคุณ ข่าวสด https://www.khaosod.co.th/hot-topics/news_1032833  https://www.youtube.com/watch?v=FBq13Ffie6E
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่