ตอนที่แล้วเราเขียนเรื่องบูดาเปสต์ไปค่ะ จริงๆBudejoviceนี่เป็นเมืองที่ไปก่อนบูดาเปสต์
คือนั่งรถไฟหวานเย็นไปจากเวียนนา ใช้เวลา 4 ชม.ค่ะ
จริงๆจากเวียนนาไปคิดว่าคงมีวิธีเดินทางที่เร็วกว่านี้เช่นบัส แต่ว่าอาจจะหาข้อมูลไม่ค่อยดีด้วย จองตั๋วรถไฟไปแบบงงๆ เรานั่งรถของ OBB ค่ะ ไม่ทราบชื่อเค้าอ่านว่ายังไงเหมือนกัน
คนละ 9 euro จอดทุกป้ายค่ะ

แต่นั่งดูวิวไป ดูหนังnetflixที่โหลดมาจากบ้านไป แป๊บเดียวก็ถึง
อ้อๆ แต่ว่าต้องมีเปลี่ยนรถนะคะ สองรอบ ถ้าใครนั่งอย่างเราถามจนท.ซ้ำอีกทีก็ดีนะคะว่าต้องเปลี่ยนตรงสถานีไหนบ้างเพราะว่าเค้าจอดไม่ค่อยนาน ตอนเปลี่ยนก็รอรถไม่นานค่ะ ไม่เกินสิบนาที แต่ต้องดูชานชาลาไว้ให้ดีนิดนึงค่ะ
หลายคนถ้ามาเที่ยวรูทคล้ายๆกันนี้อาจจะเลือกไปครุมลอฟ(Ceske Krumlov) มากกว่า พอดีเราเคยไปมาแล้วก็เลยเลือกเมืองนี้แทนค่ะ. Budejovice เป็นเหมือนเมืองหลวงของ South Bohemia ในเขตตอนใต้ของเชคค่ะ จัดเป็นเมืองศูนย์กลางทั้งด้านการเมืองการปกครองและการค้าของเชคทางใต้ และเป็นต้นกำเนิดของเบียร์ยี่ห้อ Budweiser (ใช่ค่ะ เบียร์ที่เราคิดว่าเป็นเบียร์ของ US มาตลอด

)
เรามาถึงนี่ก็บ่ายสองกว่าๆแล้วค่ะ พอลงจากรถไฟบอกตามตรงว่าตกใจกับสถานีค่ะ คือมันค่อนข้างเก่า ปูนที่ฉาบ สีภายนอกนี่ถลอกปอกเปิก แอบคิดว่าเออหรือเค้าตั้งใจให้มันดูเป็นสไตล์งั้นเอง
ตรงข้ามสถานีมี shopping mall ค่ะ สามหรือสี่ชั้นจำไม่ได้ แต่ชั้นบนสุกคือท่ารถบัส!!! ใช่ค่ะ ท่ารถอยู่ตรงดาดฟ้าตึก เราเพิ่งมารู้เอาตอนวันรุ่งขึ้นที่ต้องนั่งบัสต่อไปปราก
กระซิบว่า แลกเงินที่นี่ได้เรทดีนะคะ เราแลกตรงชั้นล่างใกล้ประตูทางเข้าออกอีกฝั่งนึงที่ตรงข้ามกับฝั่งด้านสถานีรถไฟค่ะ เสียดายแลกน้อยไปหน่อย เพิ่งจะรู้ตอนไปถึงปรากแล้วค่ะ พอเทียบกันแล้วที่นี่ราคาดีกว่าเยอะเลย
ที่พักที่ Budejovice เราพักอพาร์ทเมนท์ชื่อ MyApartment in the city center ค่ะ บุคผ่าน Booking.com
ที่พักดีเลยค่ะและ ราคาถูกด้วยเมื่อเทียบกับเป็นอพาร์ทเมนท์ 1 ห้องนอน มีครัวพร้อมทำกับข้าวได้ ห้องน้ำใหม่และสะอาด เจ้าของห้องชื่อ Lucy ค่ะ จริงๆลักษณะคล้าย Airbnb เลย เราต้องติดต่อ Host นะคะ ว่าเราจะ Check in กี่โมง นัดกันยังไง เพราะว่าเราจะเข้าอพาร์ทเมนต์เองไม่ได้ ต้องนัดเวลากะเค้าให้เอากุญแจมาให้ค่ะ แต่ตอน Check out เค้าค่อนข้างยืดหยุ่นค่ะ และเราแค่เอากุญแจไปหย่อนไว้ที่ตู้จดหมายเป็นอันเสร็จ
อ้อ ข้อเสียคือที่นี่ไม่มีลิฟท์ค่ะ ห้องอยู่ชั้นสาม(ถ้านับชั้นกราวด์เป็นชั้น1) แบกกระเป๋าขึ้นบันไดค่ะ
เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปห้องเก็บไว้ แต่เปิดดูได้ใน Booking.com ค่ะ ห้องดูดีเหมือนในรูปเลยค่ะ กว้างกว่าที่เราคิดด้วยซ้ำ
พอเก็บกระเป๋าเราก็เข้าไปเดินเล่นในเมืองค่ะ เมืองเล็กๆจริงๆเดินวันเดียวก็ทั่วนะคะ ที่สำคัญๆก็จะมีจัตุรัสกลางเมืองค่ะ ลักษณะเดียวกับที่เราเห็นทั่วไปในยุโรป เหมือนที่ครุมลอฟค่ะแต่ว่าใหญ่กว่า ถือว่าเป็นจตุรัสกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันออกเลย
วันที่เราไปถึงเป็นวันเสาร์ค่ะ เมืองนี่เงี๊ยบบบบเงียบสุดๆ ลูซี่บอกว่าเสาร์อาทิตย์คนแถวนี้จะออกไปเที่ยวที่อื่นกันค่ะ อาจจะเป็นเพราะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวแบบครุมลอฟด้วย. แต่ส่วนตัวเราชอบที่นี่นะคะ คือดูเงียบๆ นักท่องเที่ยวไม่เยอะเกินไป (แต่ก็มีเดินเจอกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยรอบนึงค่ะที่ร้านคอนวีเนี่ยน

) ที่เดินเล่นร่มรื่นริมแม่น้ำ
นอกจากสแควร์แล้วก็ยังมีหอระฆังที่ควรปีนขึ้นไปชมวิวค่ะ สูงหน่อยและเสียตังค่าเข้า(ไม่แพงค่ะ) แต่วิวสวยจริง กับอีกที่คือโบสต์ St Nicolas ที่อยู่ใกล้ๆกันค่ะ
จากนั้นเราเดินต่อไปเดินเล่นริมแม่น้ำค่ะ คนไม่เยอะ ส่วนมากน่าจะเป็นคนแถวนั้นออกมานั่งเล่น วิ่งออกกำลังกายกัน
พอเดินเหนื่อยเริ่มค่ำ (ตอนที่ไปเมื่อช่วงอาทิตย์ก่อนนั้นกว่าจะค่ำก็ทุ่มกว่าค่ะ) เราก็หาร้านเข้าไปทานมื้อเย็นกัน เป็นร้านที่ Host แนะนำค่ะ อาหารอร่อย ชื่อร้าน Masne Kramy จริงๆแนะนำว่าเดินแวะมาจองก่อนก็จะดีค่ะ เราโชคดีเข้าไปเร็วเลยได้ทาน เพราะโต๊ะจองเต็มหมดแล้ว เราไปก่อนที่เจ้าของโต๊ะที่จองไว้เค้าจะเข้ามาน่ะค่ะ แต่ก็ต้องรีบทานรีบออกมา คนที่ชอบเบียร์อย่าลืมลอง Budweiser นะคะ เราขอจิบของแฟนไปนิดหน่อย เอาจริงๆคือแยกไม่ออกค่ะ อันไหนดีไม่ดี
อีกร้านที่อยากแนะนำสำหรับสายสุขภาพนะคะ คือร้านคาเฟ่ออแกนิกค่ะ ขนมและชารวมถึงกาแฟทุกอย่างในร้านเป็นผลิตภัณฑ์ออแกนิกหมดเลย ร้านเปิดวันอาทิตย์ด้วยค่ะ เราจัดไปสองรอบ คือแวะซื้อชารอบนึงวันเสาร์ ติดใจเลยกลับมาเช้าวันอาทิตย์อีก มาทานช็อคโกแล็ตร้อนกับเค้กแครอท อร่อยและฟินมากบอกเลยค่ะ แนะนำๆ ร้านชื่อ Fer Cafe ค่ะ กูเกิลได้เลยค่ะ มีพิกัดอยู่
วันรุ่งขึ้นเดินเที่ยวเก็บอีกวันก็ต้องขึ้นบัสไปปรากแล้วค่ะ
ไว้เดี๋ยวมารีวิวปรากใหม่อีกรอบนะคะ
ฝากเฟสบุคเพจด้วยนะคะ

https://m.facebook.com/HoliYaydiary/
สำหรับภาพถ่ายจากกล้อง Nikon fm2n เหมือนเดิมค่ะ เลนส์ 50mm Nikkor ค่ะ
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ
พากล้องฟิล์มไปเที่ยวยุโรป ตอนที่ 2: Cesky Budejovice
ตอนที่แล้วเราเขียนเรื่องบูดาเปสต์ไปค่ะ จริงๆBudejoviceนี่เป็นเมืองที่ไปก่อนบูดาเปสต์
คือนั่งรถไฟหวานเย็นไปจากเวียนนา ใช้เวลา 4 ชม.ค่ะ
จริงๆจากเวียนนาไปคิดว่าคงมีวิธีเดินทางที่เร็วกว่านี้เช่นบัส แต่ว่าอาจจะหาข้อมูลไม่ค่อยดีด้วย จองตั๋วรถไฟไปแบบงงๆ เรานั่งรถของ OBB ค่ะ ไม่ทราบชื่อเค้าอ่านว่ายังไงเหมือนกัน
คนละ 9 euro จอดทุกป้ายค่ะ
อ้อๆ แต่ว่าต้องมีเปลี่ยนรถนะคะ สองรอบ ถ้าใครนั่งอย่างเราถามจนท.ซ้ำอีกทีก็ดีนะคะว่าต้องเปลี่ยนตรงสถานีไหนบ้างเพราะว่าเค้าจอดไม่ค่อยนาน ตอนเปลี่ยนก็รอรถไม่นานค่ะ ไม่เกินสิบนาที แต่ต้องดูชานชาลาไว้ให้ดีนิดนึงค่ะ
หลายคนถ้ามาเที่ยวรูทคล้ายๆกันนี้อาจจะเลือกไปครุมลอฟ(Ceske Krumlov) มากกว่า พอดีเราเคยไปมาแล้วก็เลยเลือกเมืองนี้แทนค่ะ. Budejovice เป็นเหมือนเมืองหลวงของ South Bohemia ในเขตตอนใต้ของเชคค่ะ จัดเป็นเมืองศูนย์กลางทั้งด้านการเมืองการปกครองและการค้าของเชคทางใต้ และเป็นต้นกำเนิดของเบียร์ยี่ห้อ Budweiser (ใช่ค่ะ เบียร์ที่เราคิดว่าเป็นเบียร์ของ US มาตลอด
เรามาถึงนี่ก็บ่ายสองกว่าๆแล้วค่ะ พอลงจากรถไฟบอกตามตรงว่าตกใจกับสถานีค่ะ คือมันค่อนข้างเก่า ปูนที่ฉาบ สีภายนอกนี่ถลอกปอกเปิก แอบคิดว่าเออหรือเค้าตั้งใจให้มันดูเป็นสไตล์งั้นเอง
ตรงข้ามสถานีมี shopping mall ค่ะ สามหรือสี่ชั้นจำไม่ได้ แต่ชั้นบนสุกคือท่ารถบัส!!! ใช่ค่ะ ท่ารถอยู่ตรงดาดฟ้าตึก เราเพิ่งมารู้เอาตอนวันรุ่งขึ้นที่ต้องนั่งบัสต่อไปปราก
กระซิบว่า แลกเงินที่นี่ได้เรทดีนะคะ เราแลกตรงชั้นล่างใกล้ประตูทางเข้าออกอีกฝั่งนึงที่ตรงข้ามกับฝั่งด้านสถานีรถไฟค่ะ เสียดายแลกน้อยไปหน่อย เพิ่งจะรู้ตอนไปถึงปรากแล้วค่ะ พอเทียบกันแล้วที่นี่ราคาดีกว่าเยอะเลย
ที่พักที่ Budejovice เราพักอพาร์ทเมนท์ชื่อ MyApartment in the city center ค่ะ บุคผ่าน Booking.com
ที่พักดีเลยค่ะและ ราคาถูกด้วยเมื่อเทียบกับเป็นอพาร์ทเมนท์ 1 ห้องนอน มีครัวพร้อมทำกับข้าวได้ ห้องน้ำใหม่และสะอาด เจ้าของห้องชื่อ Lucy ค่ะ จริงๆลักษณะคล้าย Airbnb เลย เราต้องติดต่อ Host นะคะ ว่าเราจะ Check in กี่โมง นัดกันยังไง เพราะว่าเราจะเข้าอพาร์ทเมนต์เองไม่ได้ ต้องนัดเวลากะเค้าให้เอากุญแจมาให้ค่ะ แต่ตอน Check out เค้าค่อนข้างยืดหยุ่นค่ะ และเราแค่เอากุญแจไปหย่อนไว้ที่ตู้จดหมายเป็นอันเสร็จ
อ้อ ข้อเสียคือที่นี่ไม่มีลิฟท์ค่ะ ห้องอยู่ชั้นสาม(ถ้านับชั้นกราวด์เป็นชั้น1) แบกกระเป๋าขึ้นบันไดค่ะ
เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปห้องเก็บไว้ แต่เปิดดูได้ใน Booking.com ค่ะ ห้องดูดีเหมือนในรูปเลยค่ะ กว้างกว่าที่เราคิดด้วยซ้ำ
พอเก็บกระเป๋าเราก็เข้าไปเดินเล่นในเมืองค่ะ เมืองเล็กๆจริงๆเดินวันเดียวก็ทั่วนะคะ ที่สำคัญๆก็จะมีจัตุรัสกลางเมืองค่ะ ลักษณะเดียวกับที่เราเห็นทั่วไปในยุโรป เหมือนที่ครุมลอฟค่ะแต่ว่าใหญ่กว่า ถือว่าเป็นจตุรัสกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันออกเลย
วันที่เราไปถึงเป็นวันเสาร์ค่ะ เมืองนี่เงี๊ยบบบบเงียบสุดๆ ลูซี่บอกว่าเสาร์อาทิตย์คนแถวนี้จะออกไปเที่ยวที่อื่นกันค่ะ อาจจะเป็นเพราะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวแบบครุมลอฟด้วย. แต่ส่วนตัวเราชอบที่นี่นะคะ คือดูเงียบๆ นักท่องเที่ยวไม่เยอะเกินไป (แต่ก็มีเดินเจอกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยรอบนึงค่ะที่ร้านคอนวีเนี่ยน
นอกจากสแควร์แล้วก็ยังมีหอระฆังที่ควรปีนขึ้นไปชมวิวค่ะ สูงหน่อยและเสียตังค่าเข้า(ไม่แพงค่ะ) แต่วิวสวยจริง กับอีกที่คือโบสต์ St Nicolas ที่อยู่ใกล้ๆกันค่ะ
จากนั้นเราเดินต่อไปเดินเล่นริมแม่น้ำค่ะ คนไม่เยอะ ส่วนมากน่าจะเป็นคนแถวนั้นออกมานั่งเล่น วิ่งออกกำลังกายกัน
พอเดินเหนื่อยเริ่มค่ำ (ตอนที่ไปเมื่อช่วงอาทิตย์ก่อนนั้นกว่าจะค่ำก็ทุ่มกว่าค่ะ) เราก็หาร้านเข้าไปทานมื้อเย็นกัน เป็นร้านที่ Host แนะนำค่ะ อาหารอร่อย ชื่อร้าน Masne Kramy จริงๆแนะนำว่าเดินแวะมาจองก่อนก็จะดีค่ะ เราโชคดีเข้าไปเร็วเลยได้ทาน เพราะโต๊ะจองเต็มหมดแล้ว เราไปก่อนที่เจ้าของโต๊ะที่จองไว้เค้าจะเข้ามาน่ะค่ะ แต่ก็ต้องรีบทานรีบออกมา คนที่ชอบเบียร์อย่าลืมลอง Budweiser นะคะ เราขอจิบของแฟนไปนิดหน่อย เอาจริงๆคือแยกไม่ออกค่ะ อันไหนดีไม่ดี
อีกร้านที่อยากแนะนำสำหรับสายสุขภาพนะคะ คือร้านคาเฟ่ออแกนิกค่ะ ขนมและชารวมถึงกาแฟทุกอย่างในร้านเป็นผลิตภัณฑ์ออแกนิกหมดเลย ร้านเปิดวันอาทิตย์ด้วยค่ะ เราจัดไปสองรอบ คือแวะซื้อชารอบนึงวันเสาร์ ติดใจเลยกลับมาเช้าวันอาทิตย์อีก มาทานช็อคโกแล็ตร้อนกับเค้กแครอท อร่อยและฟินมากบอกเลยค่ะ แนะนำๆ ร้านชื่อ Fer Cafe ค่ะ กูเกิลได้เลยค่ะ มีพิกัดอยู่
วันรุ่งขึ้นเดินเที่ยวเก็บอีกวันก็ต้องขึ้นบัสไปปรากแล้วค่ะ
ไว้เดี๋ยวมารีวิวปรากใหม่อีกรอบนะคะ
ฝากเฟสบุคเพจด้วยนะคะ
https://m.facebook.com/HoliYaydiary/
สำหรับภาพถ่ายจากกล้อง Nikon fm2n เหมือนเดิมค่ะ เลนส์ 50mm Nikkor ค่ะ
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ