คนที่ ไม่มีลูกหลาน เวลาแก่หรือป่วยหนัก จนไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ จะให้ใครเป็นคนจัดการเงินให้คะ

ถ้าเราแก่มากๆหรือป่วยมากๆ "จนถึงขั้นที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้" แล้วเราไม่มีลูกหลาน จะทำยังไงคะ
(ลูกหลานโดยตรงก็ไม่มี ญาติสนิทที่อายุน้อยกว่าก็ไม่มี มีแต่ญาติห่างๆที่ไม่สนิท)

เงินน่ะมี เพียงพอสำหรับค่ารักษา ค่าจ้างพยาบาล ค่ากินอยู่
แต่เวลาที่เราไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว ใครจะเป็นคนจัดการเงินนี้ให้เรา และจะไว้ใจเขาได้แค่ไหน
ปกติเขาให้บ้านพักคนชราเป็นคนจัดการไปเลย หรือว่ายังไงคะ

อยากทราบแนวทางของคนอื่น ที่ไม่มีลูกหลาน ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ ว่าแก้ปัญหานี้ยังไงคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ผลักดันกฏหมาย euthanasia ถูกกฎหมายสำหรับคนอายุ70ปีขึ้นไปที่ประสงค์จะตาย
ความคิดเห็นที่ 24
ที่ยุโรป ไม่แน่ใจว่าสวิสหรือที่ไหน
มีกิจกรรมอาสาสมัคร ไปดูแลผู้สูงอายุ สะสมชั่วโมงเอาไว้ได้
พอตัวเองแก่ตัวลงดูแลตัวเองไม่ได้ ก็ไขชั่วโมงที่ออมไว้นี้ ให้อาสาสมัครคนอื่นมาดูแลตัวเอง

เป็นคอนเซ็ปต์ของการ give & take ที่น่าสนใจมากสำหรับสังคมผู้สูงอายุค่ะ
ความคิดเห็นที่ 4
เราก็เป็นคนนึงที่ไม่ค่อยมีญาติและคนดูแล.ที่สำคัญไม่มีเงินด้วยเลยอาจไม่ค่อยกังวลเรื่องทรัพย์สินที่มีจะกังวลอยู่แต่เรื่องไม่มีเงินพอนี่แหระ.เรื่องการเจ็บป่วยที่ผ่านๆมาจนถึงตอนนี้.ก็มีทั้งอุบัติเหตุและผ่าตัดใช้ปกส.ก็ดูแลตัวเองคนเดียวตลอด.ถ้ารู้ตัวเช่นจะผ่าตัดก็ซื้อน้ำดื่มของแห้งและสดมาตุนไว้ทำกินเอง.ส่วนถ้าเป็นอุบัติเหตุก็ไม้เท้ากระเผลกไปหากินข้างนอกเรื่องการช่วยเหลือตัวเองต้องฝึกไปเรื่อยๆให้ใจเข้มแข็งใหม่ๆก็มีน้ำตาร่วงบ้างว่าทำไมหนอเกิดมาอาภัพจะหาคนดูแลยามป่วยก็ไม่มี.แต่พอคิดถึงสัจจะธรรมและความเป็นจริงที่ต้องยอมรับและเมื่อผ่านมาได้จะภูมิใจในตัวเองและมีจิตใจที่เข้มแข็งขึ้นมาก.ส่วนที่จขกท.กังวลก็อย่ากังวลมากไปเลยค่ะ.อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดอยู่กับปัจจุบันให้มีความสุข.เพราะบางกรณีเห็นมีครอบครัวมีคนรอบข้างมากมายยังปล่อยให้พ่อแม่พี่น้องลูกเมียนอนจมจนเป็นแผลกดทับหรือได้รับคำพูดให้เจ็บช้ำน้ำใจก็มากนะคะ
เป็นกำลังใจให้และเข้าใจความรู้สึกดีค่ะ.
ความคิดเห็นที่ 25
เราก็รู้สึกโดดเดี่ยวนะคะ ไม่มีพี่น้อง ญาติใกล้ หรือญาติสนิทที่คิดว่า พอจะฝากผีฝากไข้ได้ เพื่อนสนิทก็ไปมีครอบครัวอยู่ไกล ลูกเพื่อนจะพอหวังได้มั้ย?

ตอนนี้ 40 กว่าแล้ว ก็พยายามเหลือเกินที่จะดูแลสุขภาพ ทั้งอาหารการกิน ทั้งการออกกำลังกาย แต่อย่างไรเสียคงหนีไม่พ้นการเจ็บป่วย ด้วยสังขารที่แย่ลงทุกวัน

ตอนนี้เรากำลังดูแลผู้สูงอายุในบ้าน 4 คน พ่อแม่ป้าน้า เป็นทุกอย่างในบ้าน ตั้งแต่แม่บ้าน พยาบาล คนขับรถ คนงานในสวน ฯลฯ หนักหนาพอควร เหมือนแบกรับความหวังของคนทั้งบ้านไว้ ต้องเป็นที่พึ่งพาให้พวกเค้าได้

แต่เราก็แก่ลงทุกวัน แก่อย่างโดดเดี่ยวซะด้วย คนแก่ในบ้านก็คงทะยอยแก่จากเราไปทีละคน โชคดีที่ไม่มีหนี้สิน มีการเตรียมการของคนรุ่นตายายไว้ เพื่อให้กินอยู่อย่างสุขสบาย

เมื่อถึงเวลาที่เราแก่มากๆ ทรัพย์สินคงร่อยหรอไปเพราะการใช้จ่ายดูแลคนทั้งบ้านแล้ว แต่ก็คงพอมีเหลือให้เราบ้างล่ะ 555

คิดเอาไว้เล่นๆ พร้อมความตั้งใจว่า จะบริจาคร่างกายให้โรงพยาบาล แล้วก็บริจาคเงินก้อนใหญ่ให้โรงพยาบาล เพื่อเราจะได้ไปอาศัยห้องพิเศษสักห้อง ตอนที่เราไม่ไหว ไม่เหลือใคร ให้พยาบาลดูแล อ่ะนะ.. ถ้าเราเป็นผู้มีพระคุณกับโรงพยาบาล เค้าคงไม่ทอดทิ้งเราให้ตายอย่างทรมานหรอก

หรืออาจจะไปใช้บริการพวกศูนย์ดูแลคนชราของเอกชน หักบัญชีอัตโนมัติไปเรื่อยๆ เหลือเท่าไหร่ก็คงไม่รับรู้แล้ว เว้นซะว่า ไม่พอ 555

อีก 10-20 ปีข้างหน้า น่าจะพอมองภาพต่างๆ ชัดขึ้น ตอนนี้ดูแลพ่อสมองเสื่อมให้ดีที่สุดไปก่อนค่ะ เพราะเราเองแก่ตัวไปก็ไม่รู้ว่า จะสมองเสื่อมแบบพ่อมั้ย..
ความคิดเห็นที่ 7
นั่นแหละเป็นคำถามที่เราเคยถาม มันถึงเวลาที่รัฐบาลจะตั้งหน่วยงานมาดูแลทรัพย์สินของประชากรประเภทนี้แล้วหรือยัง นับวันคนแก่ก็เยอะขึ้นเยอะขึ้น ไปป่วยนอนติดเตียงอยู่โรงพยาบาล หรือเส้นเลือดแตกนอนอยู่ที่ไหนแต่ว่ามีเงิน ใครจะดูแลเงินทอง ถอนออกมาจัดการเรื่องรักษาพยาบาล รัฐบาลรับหน้าที่ไปจัดการ รับดูแลเฉพาะคนที่สมัครใจเข้าร่วม คิดค่าบริการไปเท่าไหร่ก็ว่าไป ขอให้เชื่อใจได้เท่านั้น

ว่าแต่เงินคนพิการเค้ายังโกงกินกันเลย เอิ่ม....เราควรจะหวังพึ่งใครได้นอกจากตนเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่