ขออนุญาตเล่าเรื่องคร่าวๆ นะครับ
- ผมเคยเปิดบริษัทจำกัด เพื่อเป็นดีลเลอร์สินค้าตัวหนึ่ง ปัญหาก็คือสินค้าตัวนี้จะต้องใส่วงเงินเข้าไป สมมติว่า 10,000 เวลาเอาสินค้าไปขายให้ลูกค้า ผมก็จะเก็บเงินลูกค้ามา และโอนต่อเข้าไปยังบริษัทแม่ เพื่อนำเงิน 10,000 บาทนี้ เข้าไปในวงเงินสินค้าของลูกค้า กลายเป็นทุนหมุนเวียนต่อไป
- เริ่มมีปัญหาตอนผมจ้างสำนักงานบัญชีเพื่อปิดงบ สำนักงานบัญชีบอกว่ายอดเหล่านี้บริษัทแม่เปิดเป็นชื่อเราที่เป็นดีลเลอร์ ไม่ใช่ชื่อลูกค้าโดยตรง ทำให้ภาระมาตกอยู่ที่เรา ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่เห็นสนง.บช.ปิดงบได้ทุกปี เป็นเวลา 4-5ปี ผมก็เลยไม่ได้สนใจอะไร (เป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ครั้งที่ 1 ของผมเอง)
- ต่อมาผมเลิกกิจการ ก็เลยให้สนง.บช. ยื่นงบเพื่อปิดกิจการ มาเอะใจก็ตรงในงบแสดงยอดเงินที่ว่านี้เป็นเลขถึง 7 หลักต้นๆ ผมก็เฮ้ย แล้วยังงี้จะไม่มีปัญหาเหรอครับ ดูยังไงก็ไม่น่ารอด แต่สนง.บัญชีก็ยืนยันว่าไม่มีปัญหา ผมก็เลยยอมเลยตามเลย (เป็นความผิดพลาดมหันต์ครั้งที่ 2 T_T)
- งบที่ยื่นปิดทั้งหมดสิ้นสุดที่ปี 59 ยื่นปี 60 พอมาปีนี้ มีจดหมายจากเจ้าหน้าที่รียกพบ ปรากฏว่ายอด 7 หลักที่ว่านี้ สำนักงานบัญชีทำให้เป็น "เงินถอนใช้ส่วนตัว" ของหุ้นส่วนทั้งสามท่าน!
- ทางเจ้าหน้าที่ก็อธิบาย เงินส่วนนี้จะต้องให้บริษัทหัก ณ ที่จ่าย จากหุ้นส่วนทั้งสามท่านไว้ 10% ซึ่งสนง.บช.ก็ไม่ได้ทำให้ มาถึงตอนนี้ก็บวกเบี้ยปรับเงินเพิ่มเข้าไปด้วย ก็เป็นจำนวนเงินที่ทำให้ผมหน้ามืดจริงๆ คิดไม่ถึงว่าความสะเพร่าที่คิดว่าเล็กน้อย จะส่งผลเป็นเงินก้อนโตขนาดนี้
- ทางเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า แม้ว่าเงิน 10% ทางบริษัทจะจ่ายออกมา แต่พอไปเป็นยอดรายได้ของหุ้นส่วนทั้งสามท่าน นำไปคำนวณภาษีบุคคลธรรมดา หากไม่ถึงขั้นเสียภาษีมาก เงินส่วนของหัก ณ ที่จ่ายนี้จะมีโอกาสได้คืนบางส่วน
- ทางเค้าแจ้งว่าผมอาจจะเลือกได้สองอย่าง หนึ่งคือยื่นด้วยตัวเอง ชำระยอดทั้งหมดในคราวเดียว แล้วนำยอดรายได้ไปคำนวณภาษีบุคคล เพื่อที่อาจจะได้หัก ณ ที่จ่ายคืนบ้าง หรือสองคือเค้าจะทำเรื่องไปตามขั้นตอน ให้ผมรอคุยกับฝ่ายกฏหมาย ซึ่งตอนนั้นอาจจะผ่อนชำระได้ 3 เดือน แต่ภาษีหัก ณ ที่จ่ายจะไม่ได้คืน
- ขอสอบถามผู้รู้ครับ คือผมทราบความผิดทั้งหมดของตัวเองดี ไม่คิดจะบ่ายเบี่ยงครับ แต่เงินจำนวนขนาดนี้ผมยังไม่มีปัญญาจ่ายตอนนี้ แต่ถ้ามีเวลาซัก 2-3 ปีก็อาจจะพอจ่ายได้ ที่อยากทราบคือขั้นตอนต่อจากนี้เค้าจะเอายังไงกับผม ถ้าผมไม่มีเงินจ่ายแล้วเค้าฟ้องศาล แล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้างครับ อยากทราบขั้นตอนหลังจากนี้ไปน่ะครับ อีกอย่างคือตัวเลขนี้เป็นตัวเลขทางบัญชี ไม่มีตัวเงินอยู่จริง ถ้ามีเงินอยู่จริงผมก็ย่อมมีเงินจ่ายได้สบายๆ อยู่แล้ว แต่ทีนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถพิสูจน์ความจริงข้อนี้ในชั้นศาลได้หรือไม่
- สุดท้ายที่ผมอยากทราบก็คือ พอจะมีทางไหนที่พอจะลดหย่อนจำนวนเงินให้น้อยลงกว่านี้ได้มั้ยครับ หรืออย่างน้อยก็พอจะมีทางขอผ่อนจ่ายซัก2-3 ปี ได้มั้ยครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับผม
ขอความช่วยเหลือจากผู้รู้ครับ ยื่นงบปิดกิจการแล้วตัวเลขมีปัญหา ทำให้ต้องเสียเงินก้อนโต
- ผมเคยเปิดบริษัทจำกัด เพื่อเป็นดีลเลอร์สินค้าตัวหนึ่ง ปัญหาก็คือสินค้าตัวนี้จะต้องใส่วงเงินเข้าไป สมมติว่า 10,000 เวลาเอาสินค้าไปขายให้ลูกค้า ผมก็จะเก็บเงินลูกค้ามา และโอนต่อเข้าไปยังบริษัทแม่ เพื่อนำเงิน 10,000 บาทนี้ เข้าไปในวงเงินสินค้าของลูกค้า กลายเป็นทุนหมุนเวียนต่อไป
- เริ่มมีปัญหาตอนผมจ้างสำนักงานบัญชีเพื่อปิดงบ สำนักงานบัญชีบอกว่ายอดเหล่านี้บริษัทแม่เปิดเป็นชื่อเราที่เป็นดีลเลอร์ ไม่ใช่ชื่อลูกค้าโดยตรง ทำให้ภาระมาตกอยู่ที่เรา ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่เห็นสนง.บช.ปิดงบได้ทุกปี เป็นเวลา 4-5ปี ผมก็เลยไม่ได้สนใจอะไร (เป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ครั้งที่ 1 ของผมเอง)
- ต่อมาผมเลิกกิจการ ก็เลยให้สนง.บช. ยื่นงบเพื่อปิดกิจการ มาเอะใจก็ตรงในงบแสดงยอดเงินที่ว่านี้เป็นเลขถึง 7 หลักต้นๆ ผมก็เฮ้ย แล้วยังงี้จะไม่มีปัญหาเหรอครับ ดูยังไงก็ไม่น่ารอด แต่สนง.บัญชีก็ยืนยันว่าไม่มีปัญหา ผมก็เลยยอมเลยตามเลย (เป็นความผิดพลาดมหันต์ครั้งที่ 2 T_T)
- งบที่ยื่นปิดทั้งหมดสิ้นสุดที่ปี 59 ยื่นปี 60 พอมาปีนี้ มีจดหมายจากเจ้าหน้าที่รียกพบ ปรากฏว่ายอด 7 หลักที่ว่านี้ สำนักงานบัญชีทำให้เป็น "เงินถอนใช้ส่วนตัว" ของหุ้นส่วนทั้งสามท่าน!
- ทางเจ้าหน้าที่ก็อธิบาย เงินส่วนนี้จะต้องให้บริษัทหัก ณ ที่จ่าย จากหุ้นส่วนทั้งสามท่านไว้ 10% ซึ่งสนง.บช.ก็ไม่ได้ทำให้ มาถึงตอนนี้ก็บวกเบี้ยปรับเงินเพิ่มเข้าไปด้วย ก็เป็นจำนวนเงินที่ทำให้ผมหน้ามืดจริงๆ คิดไม่ถึงว่าความสะเพร่าที่คิดว่าเล็กน้อย จะส่งผลเป็นเงินก้อนโตขนาดนี้
- ทางเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า แม้ว่าเงิน 10% ทางบริษัทจะจ่ายออกมา แต่พอไปเป็นยอดรายได้ของหุ้นส่วนทั้งสามท่าน นำไปคำนวณภาษีบุคคลธรรมดา หากไม่ถึงขั้นเสียภาษีมาก เงินส่วนของหัก ณ ที่จ่ายนี้จะมีโอกาสได้คืนบางส่วน
- ทางเค้าแจ้งว่าผมอาจจะเลือกได้สองอย่าง หนึ่งคือยื่นด้วยตัวเอง ชำระยอดทั้งหมดในคราวเดียว แล้วนำยอดรายได้ไปคำนวณภาษีบุคคล เพื่อที่อาจจะได้หัก ณ ที่จ่ายคืนบ้าง หรือสองคือเค้าจะทำเรื่องไปตามขั้นตอน ให้ผมรอคุยกับฝ่ายกฏหมาย ซึ่งตอนนั้นอาจจะผ่อนชำระได้ 3 เดือน แต่ภาษีหัก ณ ที่จ่ายจะไม่ได้คืน
- ขอสอบถามผู้รู้ครับ คือผมทราบความผิดทั้งหมดของตัวเองดี ไม่คิดจะบ่ายเบี่ยงครับ แต่เงินจำนวนขนาดนี้ผมยังไม่มีปัญญาจ่ายตอนนี้ แต่ถ้ามีเวลาซัก 2-3 ปีก็อาจจะพอจ่ายได้ ที่อยากทราบคือขั้นตอนต่อจากนี้เค้าจะเอายังไงกับผม ถ้าผมไม่มีเงินจ่ายแล้วเค้าฟ้องศาล แล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้างครับ อยากทราบขั้นตอนหลังจากนี้ไปน่ะครับ อีกอย่างคือตัวเลขนี้เป็นตัวเลขทางบัญชี ไม่มีตัวเงินอยู่จริง ถ้ามีเงินอยู่จริงผมก็ย่อมมีเงินจ่ายได้สบายๆ อยู่แล้ว แต่ทีนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถพิสูจน์ความจริงข้อนี้ในชั้นศาลได้หรือไม่
- สุดท้ายที่ผมอยากทราบก็คือ พอจะมีทางไหนที่พอจะลดหย่อนจำนวนเงินให้น้อยลงกว่านี้ได้มั้ยครับ หรืออย่างน้อยก็พอจะมีทางขอผ่อนจ่ายซัก2-3 ปี ได้มั้ยครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับผม