ติสต์แตก? ลาออกจากงานโดยยังไม่มีงานใหม่มารองรับ

มาเขียนบอกเล่าประสบการณ์ติสต์แตก ค่ะ

เพิ่งยื่นใบลาออกเมื่อวาน โดยที่ยังไม่มีงานใหม่มารองรับ มีผลอีก 1 เดือน

เราทำงานบริษัทฝรั่งแห่งหนึ่งด้าน facility management ค่ะ เพิ่งได้โปรโมทเป็น country sourcing lead - Thailand เมื่อต้นปี ตะหงิด อยู่ในใจว่า ตำแหน่งนี้ว่างมา 7 เดือน คนล่าสุด ทำงานได้เดือนครึ่งก็ไป แต่ตอนนั้นก็คิด "เอาวะ ลองดู"

นั่นคือจุดเริ่มต้นของสาเหตุ อาการติสต์แตก  นายใหม่ตอนแรกดูเหมือน Active ดี นางนั่งอยู่สิงคโปร์แต่ก็มี Weekly catch up ทุกสัปดาห์ พยายามเปลี่ยนวิธี งาน procurement/sourcing (sourcing ที่บริษัท ทำงานเหมือน  procurement + purchasing ) บริหารแบบ strategic sourcing , category management, customer expectation management etc. เพื่อที่จะให้ทำงานได้ง่ายขึ้น ขายฝันว่า "To have more kopi time"

แต่.... Even pee pee time... เข้าใจแล้วค่ะ ว่าทำไมตำแหน่งมันว่างนาน โทรไปถามคนที่เคยทำก็ได้รับคำตอบว่าที่ออกเพราะงานเยอะมาก ตี 2 ก็ทำไม่เสร็จ พอไม่เสร็จนายที่เมืองนอกก็ Pressure ข้อมูลจากฝั่ง operation ก็ไม่ได้

ทำอยู่ประมาณ 3 เดือน ก็เริ่มมีอาการแล้วค่ะ  รู้สึกว่าพลังงานชีวิตถูกสูบไปหมด ยิ่งตอน catch up กับนาย นี่....ช่างเป็นคนที่สูบพลังชีวิต discourage  คนทำงานจนแบบ  ไอ้ที่ตรุทำอยู่เนี่ย ไม่มีประโยชน์เลยใช่ไหม หรือตรุทำงานไม่เป็น

พอดีเราก็ถามคนที่เป็น  sourcing lead ของที่อื่น มีที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งเราก็สงสัยว่าทำไมนางออกไปทำส่วนอื่น ปรากฎว่า เจอปรากฏการณ์เดียวกันค่ะ

ปรับทุกข์กับนายเดิม ที่นั่งอยู่มาเลย์ (นายก็อยู่ใต้  line of order ของนางที่นั่งสิงคโปร์นี่แหละค่ะ ) นั่นก็กำลังหางานใหม่อยู่เหมือนกัน

เลยสรุปกํบตัวเองว่า ปัญหาไม่อยู่ที่ตัวข้าแล้ว ช่วงนั้นก็เริ่มหางานใหม่ละ

2 สัปดาห์ล่าสุดนี่มีอาการเบื่ออาหาร พอคิดถึงงานก็รู้สึกอึดอัด เริ่มจะหายใจไม่ออก  

ข้อดีอย่างเดียวในเรื่องนี้คือ น้ำหนักลด แฮะ 5 กิโลในเวลา 2 สัปดาห์ แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปคงอาจจะสติแตก โดดตึกลงมาก็เป็นได้

สุขภาพจิตพังไปแล้ว เราเลยตัดสินใจยื่นใบลาออกเลยค่ะ

พอคุยกับนายเสร็จ ก็ต้องพยายามโน้มน้าวนะคะ  ว่าเราจะเลือกจะออกมาทำธุรกิจ (เราอยากเปิดร้านอาหารเหนือค่ะ อยากเปิดเป็นคุ้ม นี่คือความฝันตอนนี้ แต่ก็ยังต้องเก็บแต้มกันต่อไป)

เราไม่สามารถจัดการงานได้ทั้ง 2 อย่าง โดยที่อีกอย่างไม่ถนัดเลย (หมายถึงงานตำแหน่ง sourcing lead แบบนี้นะ เรามาจากฝั่ง engineering ค่ะ)

พอคุยเสร็จ ยื่นเสร็จ ความคิดเอย ไอเดียเอย มันกลับมาค่ะ พลังงานชีวิตกลับมา ถึงแม้ว่าในอีก 2 เดือนข้างหน้าจะว่างงานก็ตาม (รอประกาศผลสัมภาษณ์รอบสองอยู่ค่ะ)

ก็สู้ค่ะ เม่าเริงร่า

อย่าเพิ่งไปกลัว "ความกลัวเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเอง" (จากเรื่อง The Village)

อยากเปลี่ยนสายงาน ทำพวกเซลล์ หรืออะไรที่ต้องใช้ทักษะทางด้านการติอต่อผู้คน เพราะตั้งแต่ทำงานมา 2 ที่นี่ก็เป็นฝั่งดูแล supplier ตลอด อยากพัฒนาทักษะด้านนี้ด้วยแหละค่ะ เพราะถ้าจะเปิดร้านอาหาร งานบริการ มันก็ใช้ทักษะด้านนี้อ่ะนะ

จะเป็น  PR หรือ พริตตี้ก็ไม่ได้ละ - น้ำหนัก และอายุเกินไปละ เม่าโศก

วันนี้อารมณ์เขียนไม่ค่อยสนุกนะคะ ยังต้องเคลียร์งานค้างอยู่ 555 เราต้องทำงานที่รับผิดชอบล่ะนะ

ติสต์แตกหรือเปล่าก็แล้วแต่คนจะคิดค่ะ แต่สำหรับเรา คติง่าย ๆ ค่ะ  "ถ้าทำแล้วไม่มีความสุข ก็ไม่ต้องทำ" ทำงานนี้ไม่มีความสุข มันก็จะทำแบบขอไปที ไม่เกิดประโยชน์ทั้งกับตัวเรา หรือบริษัทเนาะ   พยายามทำใจให้ชอบแล้ว มันทำไม่ได้จริง ๆ ค่ะ




อัพเดท 11 พฤษภาคม 2561

เราตกลงไปซื้อที่ที่บ้านนอก (แผนเกษียณตอนแก่) ที่คิดว่าจะทำร้านอาหารเหนือ หรือคุ้ม หรือโฮมสเตย์ก็ไม่รู้ ญาติจะแบ่งโฉนดให้ 1 ไร่ ซื้อเงินผ่อนด้วย (หาเรื่องจริง ๆ เต่าเอือม) อยู่หน้าวัดเลย คิดเผื่อไปขอข้าววัดกิน เจ้าคิกคัก

ทั้งนี้ เราได้งานใหม่แล้วด้วยค่ะ เพี้ยนสู้สู้ ก็ต้องเอาเงินมาผ่อนที่ตรงนี้แหละ คงต้องหางานพิเศษทำแล้วแหละ (เป็นพริตตี้ขายแจ่วบองพร้อมทานดีไหมนะ หรือปลาร้ากระป๋อง เพี้ยนโบ๊ะหน้า

ตอนนี้นับวันถอยหลังเลยค่ะ (ไม่ดีนะ อารมณ์แบบนี้จะทำงานแบบลวก ๆ แต่....นะ ช่างแม่ม เคลียร์งานที่มันจำเป็นจริง ๆ ก็พอดีกว่า)

สรุปว่า life goes on  ชีวิตต้องดำเนินต่อไปค่ะ เพี้ยนสู้สู้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่