เป็นครั้งแรกที่ผมเดินทางมาประเทศจีน. ตั้งใจอยากจะเดินทางมาซักครั้ง.
ครั้งนี้ด้วยเหตุแห่งงานและเกิดผิดพลาดนึดหน่อยทำให้ผมมีโอกาสมาเดินที่ ถนนหนานจิง เมืองเซี่ยงไฮ้.
ผมเดินทางมามณฑลเจ้อเจียง เพื่อมาทำงานด้วยสายการบินไทย TG 664( ทุกอย่างมีดีแค่ฝีมือนักบิน. ลงนิ่มมาก. )
ผ่านเข้ามาสนามบินผู่ตง. เป็นสนามบินใหญ่ ของเซี่ยงไฮ้ ( แอร์การบินไทยเรียก สนามบินปูดอง : Pudong )
ด้วยที่เป็นประเทศที่มีความเข้มงวดเรื่องความมั่นคงของรัฐ. เราตะประสยปัญหาการใข้ free wifi ของสนามบิน. ช้าถึงช้าที่สุด. ปรกติเกือบทุกสนามบินจะประสบปัญหานักท่องเที่ยวยืนรอที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจำนวนมาก. แต่ที่นี่ไม่. ผ่านได้เร็ว. ช่องทางเยอะ. เจ้าหน้าที่จัดการดี. แต่กลายเป็นคนไปออ แน่น ที่ด่านศุลกากรสนามบิน. เพราะเค้าจัดแถว 4คน และชี้ให้เดินเข้า สแกนกระเป๋าเดินทางเป็นส่วนใหญ่.
พอเราผ่านออกมาได้. ก็เดินทางไปทำงานด้วยต้องไปที่ หนานทง (Nan Tong ) และ เจี่ยซิง ( Jie Xing ) ซึ่ง 2 เมืองนี่อยู่ไกลประมาณ 130 กิโลโดยมีสนามบินอยู่ตรงกลาง. พอดีเรามีคนมารับ. แต่ถ้าใครจะต้องไป 2 เมืองนี้ ก็คงต้องเหมา แท๊กซี่ หรือ ใช้รถบัสระหว่างเมือง. โดยระยะเวลาประมาณ 1 ชม ครึ่ง ด้วยแท๊กซี่ จากสนามบิน. แต่ผมจะไม่พูดถึง 2 เมืองนี้.
เรามาเริ่มวันสุดท้ายหลังจากเสร็จงาน. ผมก็เดินทางมาที่สนามบินพร้อมคณะ. เพราะคนอื่นกลับกัน. ผมคนเดียวต้องอยู่.
การผจญภัยเริ่มต้นขึ้น. โดยผมเลือกเดินทางจากสนามบิน เข้าเซี่ยงไฮ้ ด้วย. MEGLIV. รถไฟฟ้าความเร็วสูง ขนาด 430 กม ต่อ ชม ในราคา 50 หยวน สำหรับเที่ยวเดียว และ 80 หยวนสำหรับ แบบไป-กลับ. โดยสุดสายที่สถานี หลงหย่าง ( Long Yang )
ภายในรถไฟก็แบบพอไปได้. สามารถเร่ง ความเร็วจนถึง 430 กม ต่อ ชม ได้ภายในเวลา5นาที และกลับมาที่ความเร็ว 350 กม ต่อ ชม จนถึงสถานีปลายทาง.
ผมก็ลากกระเป๋าออกมาเพื่อมาต่อรถไฟใต้ดิน. ในเมืองเซี่ยงไฮ้ มีรถไฟใต้ดิน12 สาย ค่อนข้างสะดวกในการเดินทาง. ด้วยเวลาไม่มาก ผมเลือกซื้อตั๋วแบบ one day pass เฉพาะรถไฟใต้ดินอย่างเดียวราคา 18 หยวน. ขึ้นสายสีแดง มาลงที่ สถานี People square
อย่างหนึ่งของที่นี่คือ. ทุกสถานีรถไฟใต้ดินจะมีเครื่อง สแกนกระเป๋าทุกสถานี. ใครที่มีกระเป๋าเป้ สะพาย แบก ถือ ลาก. เข้าสแกนหมด. เจ้าหน้าที่ไม่ต้องบอก “ ขอตรวจกระเป๋าด้วยครับ “ แล้วก็แหกซิปให้ดูแง้มๆ.
มาถึง สถานี people square แล้วผมลงเดินไปทางถนนหนานจิง. ซึ่งเป็นเหมือนห้างใต้ดินขนาดกลาง ถึงใหญ่. มีเสื้อผ้า สินค้าแฟชั่น มากมาย. คล้ายกับ center one อนุสาวรีย์. จนโผล่ขึ้นมาบนดิน. จะพบกับตึกสไตล์ยุโรบ.
โรงแรมที่พักอยู่ใกล้กับถนนหนานจิง. Charm Hotel Shanghai บอกได้คำเดียว.เ..้ย เอ้ย. Booking ขายห้องอย่างนี้เหรอ. เก่า สกปรก แพง.
เอาของเก็บเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว. ย่ำราตรี. เลย.
เราเริ่มเดินจากหัวถนน เต็มไปด้วยห้างขนาดกลางและใหญ่ สินค้าแบรนด์เนมมากมาย แต่อย่าคิดว่าถูกนะครับ ราคาแบไม่ต่างกับ central world เมืองไทยเลย. ดีไม่ดีแพงกว่าด้วย
ผมคิดว่ามีห้างไม่ต่ำกว่า 30 ห้างบนถนนนี้. แถมยังมีร้านขายยา dispencer ขายสมุนไพรจีนโดยเฉพาะโสมคน แล้วก็ถั่งเช่า ชั้นบนเป็นร้านขายยาจีน. และอุปกรณ์การแพทย์ใหญ่พอควร.
มีร้านขายขนมขนาดใหญ่. ใหญ่กว่า. แม่กิมไล้หม้อแกงหรือเอ้าเล็ท
มี I-Studio ขนาดใหญ่ พอๆกะในฮ่องกง ที่ท้ายถนนนี้. สำหรับถนนนี้คล้ายกับ สยามเซ็นเตอร์ 3 อันมาต่อกัน. จะเดินดูผ่านๆก็ต้องใช้เวลา 1-2 ชม. ทุกๆช่วงของถนนจะมีบู๊ทเล็กๆขายเครื่องสำอางค์ Shanghai ราคาก็ไม่ถูก. สำหรับของที่ไม่คุ้นชินกับคนไทย และเป็น brand made in China ในเวลานี้ ถือว่าแพงเลยหละ
จนเวลาผ่านไปถึง3 ทุ่มก็เริ่มตลาดวาย. คนเริ่มเบาบาง. สำหรับท่านชายที่เดินทางคนเดียวอย่างผม ในช่วงเวลานี้ขอให้ใช้วิจารณญาณเป็นพิเศษ. เพราะจะมีสาวเซี่ยงไฮ้หน้าตาดีๆเดินมาทัก. แกล้งถามทาง. ชวนคุย. ขอเป็นเพื่อน. ไปนั่งร้านกาแฟ. และ จบธุรกิจด้วยการเสนอขายบริการทางเพศด้วยค่ายริการเริ่มต้น 200หยวน +++
ท่านที่ตัวผอมบาง. รูปร่างสันทัด. โปรดระวังเป็นพิเศษ. เพราะสาวเซี่ยงไฮ้ผมบาง. แรงเธอถึงขนาดล๊อคคุณขึ้นรถ โดยคุณดิ้นไม่ได้ด้วยเธอเพียงคนเดียว.
ไม่แปลกใจเลยนักกีฬาสาวจีนจะเป็นแชมป์โอลิมปิก.
โชคดีที่ผมใช้วิชาหมุนตัวแล้วสวมวิญญาณนักวิ่งมาราธอน 42กิโล หนี ไม่งั้นเสร็จ.
ก่อนจบ. ผมกลับมานอนโรงแรมผีสิง (เหมือนจริงๆ) และตื่นมาตี 3ครึ่ง. ออกมาขึ้นเครื่องให้ทัน 7:45
นั่งรถแท๊กซี่. แพงมาก. 300 หยวน.
อ้อ. ใครที่มี power bank ขนาดแบบ 30000 MAm จะโดนยึดนะครับ.
.................. จบตอน ...........
หนึ่งคืนกับถนนหนานจิงลู่ เซี่ยงไฮ้
ครั้งนี้ด้วยเหตุแห่งงานและเกิดผิดพลาดนึดหน่อยทำให้ผมมีโอกาสมาเดินที่ ถนนหนานจิง เมืองเซี่ยงไฮ้.
ผมเดินทางมามณฑลเจ้อเจียง เพื่อมาทำงานด้วยสายการบินไทย TG 664( ทุกอย่างมีดีแค่ฝีมือนักบิน. ลงนิ่มมาก. )
ผ่านเข้ามาสนามบินผู่ตง. เป็นสนามบินใหญ่ ของเซี่ยงไฮ้ ( แอร์การบินไทยเรียก สนามบินปูดอง : Pudong )
ด้วยที่เป็นประเทศที่มีความเข้มงวดเรื่องความมั่นคงของรัฐ. เราตะประสยปัญหาการใข้ free wifi ของสนามบิน. ช้าถึงช้าที่สุด. ปรกติเกือบทุกสนามบินจะประสบปัญหานักท่องเที่ยวยืนรอที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจำนวนมาก. แต่ที่นี่ไม่. ผ่านได้เร็ว. ช่องทางเยอะ. เจ้าหน้าที่จัดการดี. แต่กลายเป็นคนไปออ แน่น ที่ด่านศุลกากรสนามบิน. เพราะเค้าจัดแถว 4คน และชี้ให้เดินเข้า สแกนกระเป๋าเดินทางเป็นส่วนใหญ่.
พอเราผ่านออกมาได้. ก็เดินทางไปทำงานด้วยต้องไปที่ หนานทง (Nan Tong ) และ เจี่ยซิง ( Jie Xing ) ซึ่ง 2 เมืองนี่อยู่ไกลประมาณ 130 กิโลโดยมีสนามบินอยู่ตรงกลาง. พอดีเรามีคนมารับ. แต่ถ้าใครจะต้องไป 2 เมืองนี้ ก็คงต้องเหมา แท๊กซี่ หรือ ใช้รถบัสระหว่างเมือง. โดยระยะเวลาประมาณ 1 ชม ครึ่ง ด้วยแท๊กซี่ จากสนามบิน. แต่ผมจะไม่พูดถึง 2 เมืองนี้.
เรามาเริ่มวันสุดท้ายหลังจากเสร็จงาน. ผมก็เดินทางมาที่สนามบินพร้อมคณะ. เพราะคนอื่นกลับกัน. ผมคนเดียวต้องอยู่.
การผจญภัยเริ่มต้นขึ้น. โดยผมเลือกเดินทางจากสนามบิน เข้าเซี่ยงไฮ้ ด้วย. MEGLIV. รถไฟฟ้าความเร็วสูง ขนาด 430 กม ต่อ ชม ในราคา 50 หยวน สำหรับเที่ยวเดียว และ 80 หยวนสำหรับ แบบไป-กลับ. โดยสุดสายที่สถานี หลงหย่าง ( Long Yang )
ภายในรถไฟก็แบบพอไปได้. สามารถเร่ง ความเร็วจนถึง 430 กม ต่อ ชม ได้ภายในเวลา5นาที และกลับมาที่ความเร็ว 350 กม ต่อ ชม จนถึงสถานีปลายทาง.
ผมก็ลากกระเป๋าออกมาเพื่อมาต่อรถไฟใต้ดิน. ในเมืองเซี่ยงไฮ้ มีรถไฟใต้ดิน12 สาย ค่อนข้างสะดวกในการเดินทาง. ด้วยเวลาไม่มาก ผมเลือกซื้อตั๋วแบบ one day pass เฉพาะรถไฟใต้ดินอย่างเดียวราคา 18 หยวน. ขึ้นสายสีแดง มาลงที่ สถานี People square
อย่างหนึ่งของที่นี่คือ. ทุกสถานีรถไฟใต้ดินจะมีเครื่อง สแกนกระเป๋าทุกสถานี. ใครที่มีกระเป๋าเป้ สะพาย แบก ถือ ลาก. เข้าสแกนหมด. เจ้าหน้าที่ไม่ต้องบอก “ ขอตรวจกระเป๋าด้วยครับ “ แล้วก็แหกซิปให้ดูแง้มๆ.
มาถึง สถานี people square แล้วผมลงเดินไปทางถนนหนานจิง. ซึ่งเป็นเหมือนห้างใต้ดินขนาดกลาง ถึงใหญ่. มีเสื้อผ้า สินค้าแฟชั่น มากมาย. คล้ายกับ center one อนุสาวรีย์. จนโผล่ขึ้นมาบนดิน. จะพบกับตึกสไตล์ยุโรบ.
โรงแรมที่พักอยู่ใกล้กับถนนหนานจิง. Charm Hotel Shanghai บอกได้คำเดียว.เ..้ย เอ้ย. Booking ขายห้องอย่างนี้เหรอ. เก่า สกปรก แพง.
เอาของเก็บเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว. ย่ำราตรี. เลย.
เราเริ่มเดินจากหัวถนน เต็มไปด้วยห้างขนาดกลางและใหญ่ สินค้าแบรนด์เนมมากมาย แต่อย่าคิดว่าถูกนะครับ ราคาแบไม่ต่างกับ central world เมืองไทยเลย. ดีไม่ดีแพงกว่าด้วย
ผมคิดว่ามีห้างไม่ต่ำกว่า 30 ห้างบนถนนนี้. แถมยังมีร้านขายยา dispencer ขายสมุนไพรจีนโดยเฉพาะโสมคน แล้วก็ถั่งเช่า ชั้นบนเป็นร้านขายยาจีน. และอุปกรณ์การแพทย์ใหญ่พอควร.
มีร้านขายขนมขนาดใหญ่. ใหญ่กว่า. แม่กิมไล้หม้อแกงหรือเอ้าเล็ท
มี I-Studio ขนาดใหญ่ พอๆกะในฮ่องกง ที่ท้ายถนนนี้. สำหรับถนนนี้คล้ายกับ สยามเซ็นเตอร์ 3 อันมาต่อกัน. จะเดินดูผ่านๆก็ต้องใช้เวลา 1-2 ชม. ทุกๆช่วงของถนนจะมีบู๊ทเล็กๆขายเครื่องสำอางค์ Shanghai ราคาก็ไม่ถูก. สำหรับของที่ไม่คุ้นชินกับคนไทย และเป็น brand made in China ในเวลานี้ ถือว่าแพงเลยหละ
จนเวลาผ่านไปถึง3 ทุ่มก็เริ่มตลาดวาย. คนเริ่มเบาบาง. สำหรับท่านชายที่เดินทางคนเดียวอย่างผม ในช่วงเวลานี้ขอให้ใช้วิจารณญาณเป็นพิเศษ. เพราะจะมีสาวเซี่ยงไฮ้หน้าตาดีๆเดินมาทัก. แกล้งถามทาง. ชวนคุย. ขอเป็นเพื่อน. ไปนั่งร้านกาแฟ. และ จบธุรกิจด้วยการเสนอขายบริการทางเพศด้วยค่ายริการเริ่มต้น 200หยวน +++
ท่านที่ตัวผอมบาง. รูปร่างสันทัด. โปรดระวังเป็นพิเศษ. เพราะสาวเซี่ยงไฮ้ผมบาง. แรงเธอถึงขนาดล๊อคคุณขึ้นรถ โดยคุณดิ้นไม่ได้ด้วยเธอเพียงคนเดียว.
ไม่แปลกใจเลยนักกีฬาสาวจีนจะเป็นแชมป์โอลิมปิก.
โชคดีที่ผมใช้วิชาหมุนตัวแล้วสวมวิญญาณนักวิ่งมาราธอน 42กิโล หนี ไม่งั้นเสร็จ.
ก่อนจบ. ผมกลับมานอนโรงแรมผีสิง (เหมือนจริงๆ) และตื่นมาตี 3ครึ่ง. ออกมาขึ้นเครื่องให้ทัน 7:45
นั่งรถแท๊กซี่. แพงมาก. 300 หยวน.
อ้อ. ใครที่มี power bank ขนาดแบบ 30000 MAm จะโดนยึดนะครับ.
.................. จบตอน ...........