[CR] ห า ย ไ ป พั ก : #กาลครั้งหนึ่งที่ U S A

สวัสดีครับทุกคน ห่างหายไปสักพักใหญ่ๆ ที่ผมไม่ได้เขียนเล่าเรื่องราวต่างๆเลย สาเหตุก็คงหนีไม่พ้นชีวิตมนุษย์เงินเดือน ที่ผมต้องทำงานเพื่อที่จะหาสิ่งที่เรียกว่าเงิน จะได้สามารถออกไปตามล่าความฝันได้ แต่มันก็คุ้มนะครับเพราะไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ บนโลกใบนี้

การไปเที่ยวในทริปนี้ เป็นทริปที่ไม่ได้อยู่ Plan ผมเลย มันเป็นเหมือนทริปที่ปุบปับรับโชค อยู่ดีๆ ก็จะได้ไปคล้ายๆ กับ ถ้ามันจะมาเดี๋ยวมันก็มาเอง จำได้เลยว่ากำลังนั่งทำงานอยู่แล้วก็มี Line เด้งขึ้นมาจากแม่ผมถามว่า “ไปป่าว? ตั๋วโปรมาแล้ว” จากความฝันก็กลายเป็นเรื่องจริง ผมกำลังจะไป “ประเทศสหรัฐอเมริกา” เป็นครั้งแรกในชีวิต

เรื่องราวในที่แห่งนี้ ผมขออกตัวก่อนว่า ผมไม่ได้มารีวิว ผมแค่มาบอกเรื่องราวจากสายตาที่ผมเห็น และ ถ่ายทอดผ่านทางรูปภาพ เท่านั้นเอง แต่ถ้าใครอยากรู้ว่าวิธีการเดินทางเป็นอย่างไร ไปยังไง เตรียมตัวยังไง ผมยินดีให้คำตอบเหล่านั้นครับ ถ้าทุกคนพร้อมแล้วไปรับชมกันครับกับทริปนี้ “ห า ย ไ ป พั ก : #กาลครั้งหนึ่งที่ U S A”

ทริปนี้ผมเดินทางระหว่างวันที่ 17-25 มีนาคม 2560 เป็นเวลาร่วม 9 วัน ที่มนุษย์เงินเดือนอย่างผมจะสามารถลางาน และ ออกไปท่องโลกกว้างได้ เริ่มกันเลยดีกว่าครับ ก็อย่างที่บอกว่า “ตั๋วโปร” มันไม่ได้เดินทางกันง่ายๆ flight ผมเริ่มเดินทางจาก สนามบิน Suvarnabhumi สู่ สนามบิน Ho Chi Minh ประเทศเวียดนามครับ และ เปลี่ยนเครื่องเปลี่ยนสายการบิน เพื่อไป Doha และ ต่อเครื่องอีกครั้งกว่าจะถึง New York สนามบิน John F Kennedy รวมๆ เวลาเดินทางมากกว่า 24 ชั่วโมง (เริ่มเดินทางได้)

นั่งเครื่องกันไปยาวๆ ผ่านด่านตรวจในสนามบินกันอย่างสนุกสนาน เรียกได้ว่า ถ้าแก้ผ้าให้ตรวจ ต้องแก้ผ้าถึง 6 รอบเลย ทีเดียว นั่งเครื่องหลายต่อ แต่สุดท้ายแล้วผมก็ตื่นขึ้นมาเห็นแสงแรกของพระอาทิตย์พร้อมกับเกล็ดหิมะเล็กๆ บริเวณหน้าต่าง ขอบอกเลยว่า มันสวยมากครับ (รูปนี้ผมได้โพสจากบนเครื่อง ระหว่างกำลังบินอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้ #wifi onboard)

กว่า 24 ชั่วโมง ที่ต้องนั่งอยู่บนเครื่องในสภาพที่ขาเหน็บชา เมื่อยก้น หน้ามัน พื้นที่แคบๆ เราก็ถึงแล้วครับ New York ความเพลินยังคงมีต่อเนื่อง มาถึง New York ก็ต้องนี่เลยครับ นั่งรถไฟใต้ดินที่มีความสะพรึงในการเลือกสายที่มีเยอะและงง นั่งผิดชีวิตเปลี่ยนโผล่ไหนก็ไม่รู้ แต่ผมกลับชอบนะครับ มันลุ้นดี

หลังจากเก็บกระเป๋าเข้าที่พักแล้ว เวลาก็ล่วงเลยจนบ่าย ด้วยความที่ไม่ไหวกับอาหารบนเครื่อง เลยขอลองของดีนิวยอร์ค นิดนึงครับ กับ Pizza ที่ร้าน Joe Pizza ซึ่งเป็นร้านเก่าแก่มากในนิวยอร์ค อิ่มแล้วก็มีแรง ลุยต่อได้ครับ

ถึงนิวยอร์ค สถานที่ต่อไปที่ต้องไปคือ Time Square นั่นเอง
ด้วยความที่ว่าไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากเลย คิดว่า อากาศคงชิวๆ สบายๆ ที่ไหนได้หนาวมาก ทำให้วันแรกผมแทบจะไม่ได้ถ่ายรูปอะไร เพราะ มือมันเย็นครับ

เช้าวันที่ 2 ผมเองก็ยังต้องรีบตื่นแต่เช้า เพราะ วันนี้ผมจองรถบัสประมาณ 8 โมงเช้า จาก New York เพื่อ ไป Washington DC ครับ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงเราก็จะถึงที่หมายครับ

เมื่อถึง Washington DC แล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ รีบเที่ยวครับ ด้วยความที่ว่าวันนี้แดดดี อากาศดีครับ เริ่มด้วยไปเที่ยวที่ United States Capitol (US Capital) ซึ่งเป็นที่ตั้งของสภาคองเกรสของสหรัฐ ก่อนเข้าชมต้องผ่านระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดแล้ว (แก้ผ้าอีกแล้ว) ในการชมนั้น เราจะต้องซื้อบัตรผ่าน และ จะมีไกด์ประจำแต่ละกลุ่มจะบรรยายถึงความเป็นมาและการสร้างรัฐสภาแห่งนี้รวมถึงเหตุผลในการเลือกสร้างรัฐสภาที่เมืองวอชิงตัน ฟังไปก็เพลินดีครับ แต่สิ่งที่ผมอยากชมมากที่สุด คือ ยอดโดมของอาคารหลังนี้
ด้านหน้า
ยอดโดมที่อยากชม มันสวยแบบนี้นี่เอง

จบจากที่นี่ผมก็จะเดินทางลุยต่อไปที่ The Lincoln Memorial ไปพบปะท่านประธานาธิบดีสักหน่อยครับ

รอบๆ นี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย แต่ด้วยเวลา และ สภาพอากาศทำให้ไม่สามารถถ่ายรูปได้มากเท่าไหร่ fail ไปพอสมควรครับ

หลังจากที่เที่ยว Washington DC ไปนั่น ผมก็กลับมาเก็บตกต่อที่ New York ด้วยความที่ว่ารอบนี้มาเจอ Surpirse ครับ หิมะตกหนัก ตกหนักจนแบบเป็นพายุ ทำให้ไม่สามารถจะไปเที่ยวไหนได้ไกลเลย ตามภาพเลยครับ แต่ไหนๆ มาถึงแล้ว ออกไปลุยกันดีกว่า แต่ก่อนลุย ขอกาแฟอุ่นๆ สักแก้วก่อนครับ
ลุยที่ไหนไม่ลุย ไปเดินลุยบนสะพาน Brooklyn bridge ลมก็แรง หนาวก็หนาว

แต่จริงๆแล้ว New York ที่มีหิมะตกนั้น ก็สวยไปอีกแบบนะครับ (วิวจากฝั่ง Brooklyn ครับ)
ใครอยากรู้ว่าตกหนักขนาดไหน เชิญชมตาม Clip ครับ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เดินเที่ยวชมวิวแบบหนาวๆ เดินไปสักพักก็หิวซิครับ เลยแวะทานอาหารที่ร้านอาหารอิตาเลียน ชื่อ Vabecco

หิมะเริ่มซา ก็เดินกันต่อไปที่ Grand Central Station ซึ่งเป็นสัญญาลักษณ์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของ New York ที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมา เป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่มากฟเหมือนหัวลำโพงบ้านเราแต่ใหญ่กว่ามากกกกก

มาถึง New York อีกเมนูนึงที่ต้องมาชิมคือ “เบอร์เกอร์” ครับ และ ต้องร้านนี้ด้วย Shake Shack ครับ มีสาขาอยู่ใต้ Grand Central พอดิบพอดี
(เนื้อช่าง Juicy อะไรเช่นนี้ ต้องมาลองครับ)

เช้าวันถัดไป เรายังคงตะลุย New York กันต่อครับ แต่เช้าวันนี้ ผมได้ข้อความจากเพื่อสนิทบอกว่า “เห้ยยิ้ม ต้องไปลองร้านนี้ มันเด็ดมากก” ผมเลย Slide มือถือ เสาะแสวงหาว่าร้านนี้ตั้งอยู่หนใด และรีบไปอย่างเร่งด่วนเพราะความหิวข้าวเช้า สุดท้ายแล้วเราก็พบเป้าหมายครับ กับร้านนี้ “KATZ’S DELICATESSEN”
ผมได้สั่ง แซนวิชเนื้อ ขอบอกว่า มันเป็นเนื้อรมควันที่อร่อยมากกกก จริงๆครับใครมา New York อย่าพลาดมาชิมร้านนี้นะครับ

อิ่มแล้ว ก็ต้องเที่ยวต่อครับ สถานที่ต่อไปที่จะไปคือ Central Park ครับ ถ้าใครนึกไม่ออก ให้นึกถึงหนังเรื่อง Home alone 2 Lost in New York ครับ
ผมว่า Central Park ช่วงที่มีหิมะปกคลุมนั้น มีความสวยในอีกรูปแบบหนึ่ง ผมว่ามันลงตัวดีนะครับ สวนใหญ่ๆ ท่ามกลางหิมะ
มีมาถ่าย Pre-Wedding ด้วยครับ

สถานที่ต่อไป ที่จะไปคือ Rockfeller Center ครับ

ยัง ยัง ยังอีก ยังไม่หยุดเดินอีก เดินต่อมุ่งหน้าที่ “9/11 Ground Zero” ซึ่งสถานที่แห่งนี้ เป็นที่ตั้งของอดีตตึกแฝด หรือ ที่เรียกกันว่า World Trade Center ที่โดนก่อการร้ายเครื่องบินพุ่งชน เมื่อวันที่ 11 September 2001
(และนี่คือฐานตึกครับ เรียกกันว่า 9/11 Memorial)
The oculus station

ด้วยความที่ว่า เราเสียเวลาไป 1 วัน ที่เราเจอพายุหิมะ ดังนั้น เราจึงต้องลุยให้ได้มากที่สุด สถานที่ต่อไปที่มุ่งหน้าไป คือ ตลาด ” Chelsea Market” สำหรับคนที่เป็นคออาหารทะเล อย่าลืมมาที่นี่นะครับ

ย่าน Chelsea นี้ เรายังได้พบกับ ตึกของบริษัท ที่ซึ่งทุกคนทั่วทุกมุมโลกรู้จัก นั้นคือ Google ครับ

ด้วยความที่ New York เป็นเมืองแห่งศิลปะ และ วัฒนธรรม เราจึงไม่แปลกใจเลยว่า ตึกต่างๆ ในเมืองจะมีการออกแบบที่สวยงาม และ แตกต่างกัน ยิ่งไปกว่านั้นเราสามารถพบเจองานศิลปะตามท้องถนนมากมาย เช่น graffiti

To be continue kub......
ชื่อสินค้า:   ประเทศสหรัฐอเมริกา
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่